บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 358
หลังเรือนสถานการณ์เป็นยังไง เจ้าพระยาจิ้งก็ไม่รู้ เขาสวมชุดคลุมที่หนา หลบอยู่ข้างในด้านข้างประตู ในใจกระวนกระวาย
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้คนเห็น เขายังให้คนไปตามฮูหยินรอง ให้ฮูหยินรองไปดู
ฮูหยินรองก็เป็นคนฉลาด เจ้าที่เป็นเจ้าพระยายังไม่กล้าไป ให้ยายแก่อย่างข้าไป นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกหรอกหรือ?
ดังนั้น นางให้คนกลับไปปฏิเสธ บอกว่าตัวเองนั้นไม่ค่อยสบาย ปวดหัวมาก ไม่สามารถที่จะไปได้ ทำให้เจ้าพระยาจิ้งโกรธมาก
แต่กลับเป็นทางฝั่งฮูหยินใหญ่เมื่อได้ยินหยู่เหวินเห้ามา ก็รีบพาซุนมามามาทันที
ฮูหยินใหญ่นั้นกลัวว่าหยู่เหวินเห้าจะพลอยโกรธหยวนชิงหลิงไปด้วย กลัวจะกระทบถึงเด็กในท้องของนาง ดังนั้นจึงมาช่วยคลายสถานการณ์
คิดไม่ถึงเลย เมื่อเข้ามาแล้วกลับเห็นหยู่เหวินเห้าเอาศีรษะแนบไว้ตรงท้องของหลานสาว ด้วยท่าทางที่มีความสุข
นางตกใจเล็กน้อย ใจที่แขวนอยู่ในที่สุดก็ถูกวางลงมาแล้ว
“ท่านย่า!” หยวนชิงหลิงรีบผลักหยู่เหวินเห้าออก เรียกอย่างลำบากใจ
หยู่เหวินเห้าลุกขึ้น เข้าไปพยุงท่านย่า “ท่านย่า ดึกขนาดนี้ทำให้ท่านตกใจแล้ว ต้องขอโทษจริงๆ รีบนั่งลงเถอะ”
ฮูหยินใหญ่ที่มองหลานเขยคนนี้ ค่อนข้างที่จะแปลกใจ
ก่อนหน้านั้นหยู่เหวินเห้าปฏิบัติกับนางอย่างสุภาพ แต่ตอนนั้นกับตอนนี้สถานการณ์มันไม่เหมือนกัน
การกระทำนี้ของเขา……..
ฮูหยินใหญ่มองไปที่หยวนชิงหลิง เห็นนางยิ้มอย่างเขินอาย ก็กล่าวขึ้น “ท่านอ๋องเชิญนั่ง”
หยู่เหวินเห้าก็เลยนั่งลง กล่าว “ก่อนหน้านี้ได้ยินยัยแก่หยวนบอกว่าสุขภาพท่านไม่ค่อยดี บัดนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
ฮูหยินใหญ่กล่าว “ขอบคุณท่านอ๋องที่เป็นห่วง ข้าดีขึ้นมากแล้ว”
“งั้นก็ดีแล้ว ยัยแก่หยวนเป็นห่วงท่านตลอด” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฮูหยินใหญ่ไม่รู้สถานการณ์ มองไปทางหยวนชิงหลิงอย่างสงสัย
หยวนชิงหลิงที่นั่งข้างกายนาง ก็อธิบาย “ท่านยา เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้โกรธ แต่ระหว่างข้ากับท่านอ๋องไม่มีอะไร เรื่องในจวนเจ้าหญิง ข้าได้เคยบอกท่านอ๋องนานแล้ว และได้รับการอภัยจากท่านอ๋องแล้ว”
ฮูหยินใหญ่ได้ยินคำพูดนี้ ก็วางใจโดยสิ้นเชิง
เมื่อกี้ตลอดทางที่มา อกสั่นขวัญแขวน ก็เกรงว่าหยู่เหวินเห้าจะมาเอาเรื่องในกลางดึกเช่นนี้ หากเขาโวยวายขึ้นมา คนทั้งหมดของจวนเจ้าพระยา ก็คงจะต้านทานเขาไม่ได้
นางก็คิดไม่ถึงว่าหยู่เหวินเห้าจะเป็นคนใจกว้างขนาดนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องราวค่อนข้างที่จะดุเดือด ชื่อเสียงสำหรับอ๋องที่มีผลงานด้านการสู้รบมาแล้ว มันสำคัญมากจริงๆ
แม้ว่าฮูหยินใหญ่จะไม่ถามเรื่องทางราชสำนัก แต่นางที่เกิดในชาติตระกูลสูงศักดิ์ รู้สถานการณ์ของราชสำนักในตอนนี้ดี ตอนนั้นท่านอ๋องมีความสามารถมากที่จะไปแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท หากเขาสามารถยกโทษให้หยวนชิงหลิง งั้นนางก็ไม่ต้องเป็นห่วงให้มากแล้ว
หยู่เหวินเห้าก็ต้องเอาใจฮูหยินใหญ่เป็นธรรมดา
อย่างไรเสียยัยแก่หยวนยังต้องอยู่ที่จวนเจ้าพระยาอีกสักระยะหนึ่ง มีฮูหยินใหญ่ดูแล คนอื่นๆในจวนก็จะไม่กล้ารังแกนางอีก
นี่ไง ฮูหยินใหญ่เห็นถ้วยที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ก็ขมวดคิ้วกล่าว “นี่มันเรื่องอะไร?”
อะซี่ทนไม่ไหวแล้ว ฮูหยินใหญ่ เมื่อกี้ท่านแม่ของพระชายามาที่นี่ บุกเข้ามาอาละวาดกับพระชายา ยังได้ปัดถ้วยที่พระชายากำลังกินอยู่ พระชายาเย็นนี้ยังไม่ได้กินข้าวเลย มื้อดึกก็ทานแค่บะหมี่ยังถูกนางด่าอีก
ฮูหยินใหญ่ได้ฟัง สีหน้าก็เขียวทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงกล่าวอย่างเรียบเฉย “เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว”
แม่นมสี่เข้ามาทำความสะอาดด้วยตัวเอง เมื่อกี้หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าอยู่ข้างใน ไม่สะดวกเข้ามาเก็บกวาด ตอนนี้ฮูหยินใหญ่มาแล้ว หลีกเลี่ยงไม่ให้ฮูหยินใหญ่เห็นกลัวอารมณ์จะขึ้น ก็เลยรีบมาเก็บกวาด
ซุนมามารีบเข้าไปแย่ง “จะกล้ารบกวนท่านได้อย่างไรกัน? ให้ข้าน้อยมาจัดการเถอะ”
“อย่าพูดเช่นนั้น” แม่นมสี่ยิ้มกล่าว “ข้าก็เป็นคนที่ดูแลปรนนิบัติพระชายา”
นางยืนกรานที่จะเก็บกวาดไปเอง
ฮูหยินใหญ่ก็เลยสั่งซุนมามา “ไปเตรียมอาหารมาให้ท่านอ๋องกับพระชายา”
ซุนมามาก็รีบไปจัดการด้วยตัวเอง
หลังจากที่ทั้งสองกินเสร็จ หมันเอ๋อก็ได้พาหมอหลวงมาถึงแล้ว
ฮูหยินใหญ่เห็นหมอหลวงมา ก็เป็นห่วงมาก โชคดีที่มีอะซี่คอยปลอบ บอกว่าเพื่อจะทำให้ฮ่องเต้ตกใจ ถึงได้จงใจเรียกหมอหลวงมา ฮูหยินใหญ่ถึงได้สบายใจ
หลังจากที่อธิบายแล้ว ถึงได้ให้ฮูหยินใหญ่กลับไป
หลังจากที่หมอหลวงเฉาตรวจดูอาการแล้ว ก็กล่าวกับหยู่เหวินเห้าและหยวนชิงหลิง “ท่านอ๋องพระชายาโปรดวางใจ พระชายาไม่ได้เป็นอะไรมาก ของเพียงพักผ่อนตามปกติ กินให้เป็นปกติ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
หยู่เหวินเห้าก็ได้บีบหมอหลวงที่ฉากกั้นด้านหลัง ใช้มือยันฉากกั้นล้อมหมอหลวงเฉาไว้ข้างใน พูดอย่างช้าๆและไม่แยแส “หมอหลวง เดี๋ยวออกไปนอกจวน หากมีคนขวางท่านแล้วถามอาการของพระชายา เจ้าจะตอบยังไง?”
หมอหลวงเฉาหดตัวเหมือนผู้หญิง กะพริบตาที่ฟากฟางอย่างผู้บริสุทธิ์ “อันนี้……..ก็ต้องพูดว่าสถานการณ์ของพระชายาไม่สู้จะดี บอกให้เจ้านายในวังไม่ต้องเป็นห่วง”
“เจ้านายในวังไม่ควรจะเป็นห่วงหรือ?” น้ำเสียงของหยู่เหวินเห้าเยือกเย็น
หมอหลวงเฉาตกใจไปครู่หนึ่ง “งั้น……..ตามความเห็นของท่านอ๋อง ควรจะพูดอย่างไรถึงจะเหมาะสม?”
“บอกว่าครรภ์ไม่ค่อยจะดี มีภาวะเลือดออกเหมือนจะแท้ง” หยู่เหวินเห้ากล่าว
หมอหลวงเฉาตกใจจนสะดุ้ง “อันนี้………จะพูดได้อย่างไร?” มันเท่ากับเป็นการสาปแช่งซื่อจื่อในอนาคต กระหม่อมไม่กล้า”
“สาปแช่งอะไร? เด็กคนนี้หากถูกพูดคำสองคำก็หลุดลงมา งั้นก็ไม่ได้เรื่องแล้ว ข้าเป็นพ่อของเขายังไม่สนใจเลย หมอหลวงอย่างเจ้าจะกลัวอะไร? ทำตาที่ข้าพูดก็พอ”
หมอหลวงเฉาลำบากใจ “ไอ้หยา ท่านอ๋อง กระหม่อมพูดปดไม่เป็น”
หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างเฉียบขาด “การโกหกมันมีทักษะ เจ้าไม่เป็น ก็ต้องฝึก ฝึกให้ดี”
หมอหลวงเฉากลัวจนจะร้องไห้แล้ว “แต่กระหม่อมเป็นคนซื่อตรงมาตลอดชีวิต ก็ยังคงโกหกไม่เป็น มันช่างลำบากกระหม่อมมากนัก”
“เจ้าก็ยังทำให้ข้าลำบากใจเลย” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความโกรธ บอกให้เจ้าพูดโกหกเพื่อช่วยข้าเจ้าก็ไม่ยอมเลยหรือ? ข้ากับพระชายาต้องอยู่ห่างไกลกัน ทนทุกข์ทรมาน พวกเจ้าที่ติดตามพระชายาปกติก็ได้ผลประโยชน์กันไม่น้อย บัดนี้รู้จักเป็นเพียงแค่ผู้ชม? เจ้ากล้ารับประกันว่าหากพระชายายังคงวิตกกังวลอยู่อย่างนี้ ต่อไปจะไม่มีผลต่อเด็กในครรภ์? เจ้าเป็นหมอ มีหน้าช่วยเหลือโลกช่วยเหลือผู้อื่น ข้าจะเตือนเจ้า หากเพราะคำพูดเพียงง่ายๆคำเดียวของเจ้าที่บอกว่าพระชายาไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำให้ฮ่องเต้ยิ่งมาทรมานพระชายา พระชายากับลูกเป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า
หมอหลวงกลืนน้ำลาย กล่าวอย่างลำบากใจมาก “งั้น……..งั้นกระหม่อมจะลองดู ไม่รู้ว่าทหารรักษาพระองค์จะเชื่อกระหม่อมหรือไม่ กระหม่อมจะพยายามเต็มที่”
หยู่เหวินเห้าเรียกอะซี่อย่างพอใจบอกให้ส่งหมอหลวงไปที่ประตู
เป็นดังที่คาดไว้ เมื่อมาถึงนอกจวน หมอหลวงเฉาก็ถูกทหารรักษาพระองค์สองคนขวางเอาไว้
“หมอหลวง อาการของพระชายาจี้เป็นยังไงบ้าง?” ทหารหนึ่งในนั้นถามขึ้นมา ทั้งสองคนหลบอยู่ในมุมมืด มองไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจน เห็นเพียงการเคลื่อนไหวของชุดสีม่วง เป็นชุดของกองทหารรักษาพระองค์
หมอหลวงเฉาถอนหายใจลึกๆ ใบหน้าตกอยู่ในความกังวล “ไม่ดี ร่างแม่ได้รับความกระทบกระเทือนใจ ทำให้มีพิษในครรภ์ หลังจากที่เด็กในครรภ์ดูดสารพิษของแม่ทำให้มีอาการตื่นตระหนก ตอนนี้มีภาวะเลือดออกเหมือนจะแท้ง หากรักษาไม่ดี เกรงว่าเด็กในครรภ์จะรักษาไว้ไม่อยู่”
“จริงหรือ?” ทหารรักษาพระองค์ร้อนใจ “หมอหลวง ท่านต้องพูดตามความเป็นจริง”
หมอหลวงเฉาไม่พอใจเล็กน้อย “คำพูดของเจ้าหมายความว่ายังไง? เจ้าคิดว่าข้าจะสาปแช่งพระชายาหรือ? หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปรายงานฮ่องเต้ ให้เชิญหมอหลวงอีกคนมาตรวจดูก็จะรู้ เรื่องไร้แรงแบบนี้จะพูดเล่นได้หรือ? ข้าถามคนในจวนแล้ว ตั้งแต่พระชายากลับมา ก็กินไม่ลง นอนไม่หลับ คนดีๆทั้งคน ไม่กินไม่ดื่มเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็ยังทนไม่ไหวเลย อย่าพูดถึงคนท้องเลย”
อะซี่ฟังอยู่ที่ประตู ตกใจไปชั่วขณะ หมอหลวงเฉาเมื่อกี้อยู่ข้างในบอกว่าตัวเองนั้นพูดโกหกไม่เป็น?