บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 362
ฉางกงกงเห็นหยวนชิงหลิง ก็คำนับนางก่อน จากนั้นก็คำนับฮูหยินใหญ่
หยวนชิงหลิงกับฮูหยินใหญ่คำนับกลับ เชิญฉางกงกงเข้าไปข้างใน
คนที่อยู่ข้างในยังไม่สลายตัวไปไหน ได้ยินว่ามีคนในวังมา ต่างก็ล้อมรอบมองดูจากภายนอก
ฉางกงกงนั่งลง มองไปทางหยวนชิงหลิงและพูดว่า “ไท่ซ่างหวงทรงเป็นห่วงพระชายา จึงให้ข้าน้อยมาดู พระชายาสบายดีหรือไม่”
เดิมที่หยวนชิงหลิงไม่ได้คิดจะทำให้ไท่ซ่างหวงได้รับผลกระทบ แต่เจ้าห้าได้รับผลกระทบไปแล้ว แน่นอนว่าจะเก็บอาการไว้ไม่ได้อีกแล้ว พูดอย่างเศร้าๆว่า “ขอบพระทัยไท่ซ่างหวงที่ทรงเป็นห่วง ข้าไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ กินไม่ค่อยลง”
ฉางกงกงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย พูดว่า “พระชายา เรื่องที่เกิดขึ้นก็เรื่องหนึ่ง แต่อย่างไรเสียร่างกายก็สำคัญกว่า ท่านอย่าได้ไม่กินข้าวกินปลา ไท่ซ่างหวงรู้เข้า ต้องเป็นกังวลแน่ๆ”
หยวนชิงหลิงสูดจมูก “ข้ารู้แล้ว รบกวนกงกงช่วยกราบทูลไท่ซ่างหวงด้วยว่า ให้ท่านดูแลสุขภาพร่างกายด้วย”
“ไท่ซ่างหวงทรงสุขภาพดีมาก”ฉางกงกงพูด “คำพูดของพระชายา ข้าน้อยจะนำกลับไปกราบทูลให้”
ด้านนอก ฮูหยินรองกำลังฟังอยู่ รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่ใช่ว่าราชวงศ์รังเกียจทอดทิ้งนางแล้วหรอกหรือ ทำไมไท่ซ่างหวงยังส่งคนมาดูนางอีก
ฉางกงกงดื่มชาไปหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ลุกขึ้น และส่งสัญญาณลับๆให้หยวนชิงหลิงออกไปส่งเขา
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นมาจะไปส่ง เดินออกไปพร้อมกัน ฉางกงกงพูดเสียงเบาว่า “ไท่ซ่างหวงให้ท่านไปไหว้พระที่สำนักนางชีหมิงเยว่พรุ่งนี้ และต้องออกเดินทางตั้งแต่ยามเฉิน ”
“ไปสำนักนางชีหมิงเยว่ ”หยวนชิงหลิงอึ้ง “ไท่ซ่างหวงได้บอกหรือไม่ว่าให้ข้าไปไหว้พระเพราะอะไร”
“ไท่ซ่างหวงบอกว่าท่านไปก็พอ”ฉางกงกงพูด
หยวนชิงหลิงรู้สึกสงสัยเงียบๆ เพิ่งจะส่งฉางกงกงแล้วกลับมายังหอสิงหนิง หยู่เหวินเห้าก็มาถึง
“ทำไมจึงได้เหม่อลอยอยู่คนเดียว หน้าต่างก็เปิดออก ไม่หนาวหรือ”หยู่เหวินเห้าเข้ามา เห็นนางหมอบอยู่ที่หน้าต่าง มองไปยังลานด้านนอก จึงได้เดินเข้าไปโอบกอดนางจากข้างหลัง และถามขึ้น
หยวนชิงหลิงไม่ได้หันกลับไป ได้แต่หลบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างเป็นธรรมชาติ พูดว่า “เมื่อครู่ฉางกงกงมา บอกว่าไท่ซ่างหวงให้ข้าไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่พรุ่งนี้”
เพราะว่าฮ่องเต้หมิงหยวนเอาแต่พูดซ้ำๆหลายครั้งว่าจะส่งหยวนชิงหลิงไปอยู่ที่สำนักนางชีหมิงเยว่ ฉะนั้นหยู่เหวินเห้าจึงมีความรู้สึกขัดแย้งกับสำนักนางชีหมิงเยว่
เขาขมวดคิ้ว “ไม่ได้บอกสาเหตุหรือ เสด็จปู่คงไม่ได้จะช่วยเสด็จพ่อกระมัง จุดประสงค์คือจะให้เจ้าไปอยู่ที่สำนักนางชีหมิงเยว่ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ควรพาตัวเองเข้าไปในแห ”
“ไม่หรอกกระมัง”หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างประหลาดใจ
หยู่เหวินเห้าพูด “ข้าไม่ได้พูดถึงแผนการ แต่เรื่องนี้ถ้าเสด็จปู่ยังมีอำนาจอยู่ เขาเองก็ต้องทำเช่นนี้ ฉะนั้นเขามีเหตุผลมากพอที่จะสนับสนุนเสด็จพ่อ”
หยวนชิงหลิงลังเลอยู่ชั่วครู่ “เช่นนั้นความหมายของท่านคือ ไม่ให้ข้าไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่หรือ”
เรื่องนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่า การเลือกระหว่างจะเชื่อหรือไม่เชื่อไท่ซ่างหวง
หลังจากหยู่เหวินเห้าลังเลไปชั่วครู่ ก็รู้สึกว่าไท่ซ่างหวงน่าจะมีคุณธรรมอยู่บ้าง เรื่องแค่นี้ คงไม่ได้เสี่ยงอันตรายมากเท่าไหร่
และเขาจะคอยติดตามอยู่ตลอดทาง ถ้าหากพบพิรุธ แม้ต้องทำการแย่งชิงตัวนางก็จะทำ
“พรุ่งนี้ไปได้ เจ้าพาอะซี่กับหมั่นโถว แล้วก็สาวใช้หน้ากลมคนนั้นไปด้วยกัน ข้ากับสวีอีแล้วก็ทังหยางจะตามหลังไป ถ้าหากพบอะไรไม่เข้าท่า พวกเราจะกลับทันที”หยู่เหวินเห้าพูด
“หมั่นโถวเป็นใคร”อะซี่ที่อยู่ข้างๆถามขึ้น
สายตาของหยู่เหวินเห้า ค่อยๆเหลือบไปมองที่ร่างของหมันเอ๋อ “เจ้าชื่ออะไร”
ต่อหน้าเขา หมันเอ๋อยังคงตื่นเต้นอยู่บาง เอ่ยเสียงอ่อยว่า “เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยชื่อหมันเอ๋อ”
หยู่เหวินเห้าออหนึ่งเสียง คิดว่าชื่อหมั่นโถวซะอีก “ก่อนหน้านี้ข้าก็เรียกเจ้าว่าหมั่นโถว ทำไมเจ้ายังจะตอบรับข้า”
หมันเอ๋อก้มหน้าต่ำ ไม่กล้ามองเขา อย่าว่าแต่เรียกหมั่นโถวเลย เรียกนางว่าแป้งม้วน นางก็ยังต้องตอบรับมิใช่หรือ
“ข้าน้อยไม่ ฟังไม่ชัดเจน”หมันเอ๋อพูดเสียงอ่อย
หยวนชิงหลิงเห็นนางตื่นเต้นมาก ก็พูดยิ้มๆว่า “เอาเถอะ หมันเอ๋อเจ้ากับอะซี่ออกไปก่อน ไม่ต้องรับใช้อยู่ตรงนี้แล้ว”
หมันเอ๋อรู้สึกผ่อนคลายลงทันที รีบย่อตัวคำนับออกไปพร้อมกับอะซี่
หยู่เหวินเห้าพูด “ทำไมไม่ต้องรับใช้ ข้ามาถึงที่นี่ ชายังไม่ได้ดื่มสักคำ ถึงเวลากินข้าวเที่ยวหรือยัง ใครจะดูแลข้าวเที่ยง”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้น มองเขาด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนักแวบหนึ่ง “มาเป็นท่านอ๋องใหญ่ที่นี่หรืออย่างไร ท่านมีเวลาแค่ครึ่งชั่วยามมิใช่หรือ ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างได้ใจว่า “ตอนนี้ไม่ใช่แค่นั้นแล้ว ตัวข้ามีบัญชา ให้ข้าดูเจ้ากินข้าวให้ครบสามมื้อทุกวัน ฉะนั้นหลังจากนี้เป็นต้นไป ข้าจะมาแต่เช้าเลย”
“แล้วทำไมวันนี้จึงไม่มาตั้งแต่เช้าเล่า”หยวนชิงหลิงเดินไปกึ่งนั่งกึ่งนอนลง ตอนนี้ร่างกายหนักมาก เกินไม่กี่ก้าวก็รู้สึกใช้แรงไปมากโข
หยู่เหวินเห้าปิดหน้าต่างลง จากนั้นก็ใช้ให้หมันเอ๋อไปก่อเตาไฟ
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ก่อหรือไม่ก็ไม่จำเป็น เตานี้ใช้ถ่านก่อไฟ ห้องนี้ไม่ใหญ่นัก ก่อเตาถ่านในห้องที่ปิดสนิท อันตราย”
“จะอันตรายได้อย่างไร ไม่ได้เกิดเปลวไฟเสียหน่อย ถ้าเจ้ากลัวมีกลิ่น เช่นนั้นก็ใช้กรงรมควันดีกว่า ทั้งหอมทั้งอบอุ่น”หยู่เหวินเห้าพูด
หยวนชิงหลิงพูดว่า “แม่นมเคยทำกรงรมควันแล้วหนึ่งอัน แต่ข้าก็ไม่ชอบกลิ่นของมันนัก ช่างเถอะ ให้คนก่อเตาไฟดีกว่า แต่ว่าอย่าปิดหน้าต่างกับประตูจนมิดชิดทั้งหมด แง้มให้มีช่องว่างเล็กน้อย”
“เพราะอะไร”หยู่เหวินเห้าไม่เข้าใจ
หยวนชิงหลิงพูดว่า “เพราะห้องนี้เล็กเกินไป อีกอย่างถ่านที่จวนเจ้าพระยาจิ้งให้ข้าไม่ค่อยดีนัก สามารถเกิดเปลวไฟได้ ระหว่างการเผาไหม้ ออกซิเจนในอากาศจะค่อยๆถูกใช้จนหมด และทำให้เกิดเป็นคาร์บอนมอนอกไซด์ สุดท้ายอาจเป็นพิษจนตาย”
หยู่เหวินเห้ามองนางอย่างอึ้งๆ “เจ้ากำลังพูดอะไรกันแน่ แค่ก่อเตาไฟสามารถทำให้คนตายได้ด้วยหรือ”
หยวนชิงหลิงยิ้มบางๆ “ข้าหมายถึงในห้องที่เล็กและแคบมาก”
เห็นเขานิ่งอึ้งไป หยวนชิงหลิงก็กลืนคำพูดที่จะต่อท้ายกลับลงไป “ท่านเป็นอะไรไป”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆนั่งลง สีหน้ายังกลับมาเป็นปกติไม่ได้ กระทั่ง มีแววกลัดกลุ้มอยู่บ้าง
“ทำไมหรือ”หยวนชิงหลิงนั่งตัวตรง ดึงมือของเขาเอาไว้ “เป็นอะไรไป”
ที่จริงนางอยากจะบอกเขา เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนเจ้าหญิง นางนั้นไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เพราะว่านางไม่ใช่หยวนชิงหลิงคนนั้น
แต่ในเมื่อเรื่องที่จวนเจ้าหญิงถูกฮ่องเต้เอ่ยขึ้นมา นางรู้สึกว่าบางทีต้องเปิดเผยเรื่องจริงกับเขา เพื่อจะได้ไม่มีปมในใจของเขาอีก
คิดไม่ถึงเลยว่าแค่พูดเปิดประเด็นมาเท่านั้น เขาก็ดูท่าไม่ดีซะแล้ว
หยู่เหวินเห้าค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองนาง “ไม่เป็นไร ข้าแค่รู้สึกว่า เจ้าพูดเรื่องพวกนี้ได้น่าประหลาดมาก เจ้ารู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน
หยวนชิงหลิงเห็นเขาเป็นเช่นนี้ กลับทำให้ไม่กล้าพูดต่อไปอีก
นางพูดว่า “ก่อนหน้านี้ท่านเคยพาข้าไปเจอกับเจ้าอาวาสที่วัดฮู่กว๋อ เขาเป็นคนบอกกับข้า”
“ทำไมเขาจึงพูดเรื่องนี้กับเจ้าอย่างไม่มีเหตุผล”หยู่เหวินเห้าถาม
หยวนชิงหลิงเริ่มรู้สึกว่า การโกหกนั้นเป็นทักษะในการเอาชีวิตรอดจริงๆ นางพูดอย่างตาไม่กะพริบว่า“ตอนนั้นในห้องของเขามีธูปจันทน์หอม ข้าจึงบอกว่ากลิ่นค่อนข้างแรงอยู่บ้าง เขาก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ข้าเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องพูดเรื่องนี้ด้วย”
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “เจ้าแน่ใจจริงหรือ ว่าอย่างนี้จะทำให้คนตายได้”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ข้า ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ท่านเจ้าอาวาสเป็นคนบอก ก็น่าจะเป็นเรื่องจริง ทำไมหรือ”
หยู่เหวินเห้ารวบรวมสติ มือทั้งสองข้างถูไถที่หัวเข่าอยู่ชั่วครู่ หยวนชิงหลิงเห็นนิ้วมือของเขาสั่นเล็กน้อย