บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 368
แม่ชีรีบไปสั่งการให้คนเตรียมเปลหามทันที ได้ยินว่าหยวนชิงหลิงนั้นมาไหว้พระ มีแม่ชีสวมชุดสีเทาคนหนึ่งเดินเข้ามา สองมือพนมขึ้น “อมิตาพุทธะ สีกา ท่านเป็นพระโพธิสัตว์มาโปรด รีบเข้ามาพักผ่อนข้างในก่อนเถอะ”
หยวนชิงหลิงต้องการพักผ่อนสักครู่จริงๆ นางเหนื่อยมากแล้ว
แม่นมแก่นิ่งอึ้ง เดินไปถามอะซี่ “แม่นางคนนี้ ขอถามหน่อยว่าฮูหยินของพวกเจ้าคือ”
อะซี่พูดยิ้มๆว่า“ฮูหยินบอกว่าไม่ต้องรู้ก็ไม่ต้องถามแล้ว ดูแลฮูหยินแก่ของพวกเจ้าดีๆเถอะ”
แม่นมถอนหายใจพูดว่า “ทำดีไม่หวังผล ฮูหยินของพวกเจ้าช่างมีจิตใจเป็นพระโพธิสัตว์จริงๆ”
แม่ชีแก่คนเมื่อครู่พาหยวนชิงหลิงเข้าไปข้างในด้วยตนเอง พูดว่า“ข้าเป็นคนดูแลสำนักนางชีหมิงเยว่ ขอถามฮูหยินว่าตระกูลสามีท่านแซ่อะไร ”
“สามีอยู่ในอันดับที่ห้า ท่านแม่ชีเรียกข้าว่าฮูหยินห้าเถอะ”หยวนชิงหลิงไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่ไท่ซ่างหวงให้นางมาที่นี่ ฉะนั้นจึงไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
เพราะทังหยางกับสวีอีเป็นผู้ชาย สามารถเดินไปมาอยู่ที่โถงใหญ่ด้านนอก แต่ไม่สามารถเข้ามาในห้องรับรองได้ แต่เมื่อมีเรื่องร้ายแรงถึงชีวิตเกิดขึ้น ฉะนั้น จึงให้พวกเขาสองคนช่วยอุ้มฮูหยินเฒ่าขึ้นไปบนเปลยกไปทางด้านหลัง
ขณะที่สวีอีกับทังหยางกำลังจะจากไป ทันใดนั้นฮูหยินเฒ่าก็คว้าข้อมือของสวีอีเอาไว้ เอ่ยอย่างยากลำบากว่า “ช่วยข้าขอบคุณฮูหยินของพวกเจ้าด้วย ขอให้ทิ้งชื่อแซ่เอาไว้ ข้าจะไปขอบคุณด้วยตัวข้าเอง ”
สวีอีมองไปที่ทังหยาง ทังหยางยิ้มบางๆและเอ่ยว่า “ฮูหยินเฒ่า ไม่จำเป็น ฮูหยินของพวกข้าไม่ได้ผูกวาสนากับคนอื่นเป็นครั้งแรก นางไม่หวังผลตอบแทน เพียงแค่ทำหน้าที่ท่านหมออย่างสุดกำลังเท่านั้น ”
แม่นมที่พูดจาเมื่อครู่เดินเข้ามาย่อคำนับ “เมื่อครู่ เหมือนข้าจะได้ยินแม่นางคนนั้นเรียกว่าพระชายา ไม่ทราบว่าเป็นพระชายาองค์ไหน”
ทังหยางโบกมือ “ฟังผิดแล้ว ไม่มี ไม่ใช่พระชายา ฮูหยินเฒ่าพักรักษาตัวดีๆ ข้ากับสวีอีเป็นบุรุษ ไม่สะดวกจะอยู่ที่นี่ ขอตัวลาก่อน”
พูดจบ เขาก็ลากตัวสวีอีจากไปทันที
ในห้องประตูถูกปิดลง แม่นมก็ถามสาวใช้ชุดเขียวว่า “เข้าพบพวกเขาที่หน้าประตูหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าน้อยเพิ่งจะวิ่งออกไปถึงประตู ก็เห็นพวกเขากำลังเข้ามา คุณชายเมื่อครูเห็นข้าตกใจจนรีบร้อนมาก จึงได้ขวางข้าน้อยเอาไว้และถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ”
“เช่นนั้นเจ้าบอกฐานะที่แท้จริงของฮูหยินเฒ่าออกไปหรือไม่”แม่นมถาม
“ไม่ทันได้บอกเจ้าค่ะ พอพวกเขาได้ยินว่าฮูหยินเฒ่าโรคกำเริบ ก็ไม่ถามอะไรอีก วิ่งตรงเข้ามาข้างในเลย ฮูหยินที่ตั้งครรภ์คนนั้นร้อนใจมาก เกือบจะหกล้มด้วยซ้ำ ”
แม่นมถอนหายใจ “ข้าเองก็สวมชุดธรรมดา พวกนางเองก็คงมองไม่ออกถึงฐานะชาติตระกูล เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ช่วยคนเพื่อหวังผลประโยชน์ พระโพธิสัตว์ทรงแสดงปาฏิหาริย์จริงๆ ในช่วงเวลาคับขัน จึงได้ส่งฮูหยินท่านนี้มาช่วย”
สาวใช้ชุดสีเขียวเอ่ยขึ้นว่า “ดูแล้วไม่ได้ทำเพื่อเงินรางวัล พวกนางดูแล้วก็เป็นคนตระกูลร่ำรวย”
แม่นมเดินเข้าไปรับใช้ฮูหยินเฒ่า ถามว่า “ฮูหยินเฒ่า ฮูหยินคนนั้นบอกว่ามียา ท่านลองดูสิว่าจะไปขอกับนางมาบ้างดีหรือไม่ หรือว่าจะรอท่านหมอมาก่อน ”
“ตอนนี้ข้ายังสบายดี รอก่อนแล้วกัน”ฮูหยินเฒ่าหลับตาลง ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้น “หากเป็นพระชายา ข้าเคยได้ยินว่าพระชายาฉู่นั้นมีวิชาแพทย์ ก่อนหน้านี้เคยเกิดเรื่องที่ซุ้มแจกโจ๊กนอกเมือง คนมากมายเห็นนางเคยลงมือช่วยชีวิตคนเอาไว้”
“พระชายาฉู่”แม่นมอึ้ง “ใช่แล้ว ฮูหยินเฒ่า พระชายาฉู่ทรงมีพระครรภ์ ฮูหยินคนเมื่อครู่ก็ตั้งครรภ์เช่นกัน เมื่อครู่ตอนที่เห็นนางคุกเข่าลงเพื่อช่วยท่าน ก็ดูยากลำบากยิ่งนัก”
“คุกเข่า”ฮูหยินเฒ่าค่อยๆหันไปมองแม่นม “นางคุกเข่าช่วยชีวิตข้าหรือ”
“ก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่รู้เรียกว่าวิธีอะไร ใช้แรงกดทับอยู่บนร่างของท่าน ยังเป่าลมไปที่ปากของท่านด้วย ตอนนั้นท่านไม่หายใจแล้ว หัวใจก็หยุดเต้น ข้าน้อยยังคิดว่า ช่างเป็นปาฏิหาริย์ขององค์พระโพธิสัตว์จริงๆ ”แม่นมพูดขึ้นมา ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหล ในใจยังคงเต้นระทึกอย่างหวาดกลัวเป็นระลอก
ฮูหยินเฒ่าค่อยๆดึงเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นเหลือบมอง ค่อยๆยื่นมือออกไปจับที่หน้าอก ค่อยๆสูดลมหายใจเข้าหนึ่งเฮือก “ตอนที่ข้าล้มลงไป ก็คิดว่าคงตายไปแล้ว ถ้าหากตายไปจริงๆ คงเสียดายมาก จะถึงเมืองหลวงอยู่แล้ว ก็ไม่ได้พบหน้ากันสักครั้ง”
แม่นมเอ่ยอย่างปลอบโยนว่า “ฮูหยินเฒ่าโปรดวางใจ ตอนนี้ก็ไม่เป็นอะไรแล้ว รอให้ท่านหมอมาแล้วออกใบสั่งยาพักฟื้นระยะหนึ่ง รอให้ท่านเจ้าพระยาพาคุณชายกับคุณหนูกลับเมืองหลวงแล้ว ท่านก็จะได้อยู่อย่างมีความสุขสักที”
“อืม รอเขากลับมา ต้องให้เขาไปขอบคุณผู้มีพระคุณด้วยตนเอง”ฮูหยินเฒ่ารู้สึกเวียนหัว ไม่พูดอะไรอีก หลับตาลง ค่อยๆปรับการหายใจ
ทังหยางกับสวีอีเดินออกไปแล้ว ออกไปตรวจสอบเจ้าคนร้ายที่นอกสำนักนางชีหมิงเยว่ ดูสิว่าทิ้งร่องรอยหลักฐานอะไรไว้หรือไม่
สวีอีค้นหาได้ค่อนข้างละเอียดมาก พูดว่า “เจ้าคนต่ำช้ากล้ามาก่อกวนที่สำนักนางชีหมิงเยว่ ช่างบังอาจเกินไปแล้ว ถ้าหากข้าค้นจนเจอตัว ต้องลากตัวมันไปที่กรมการพระนครเพื่อรับโทษ”
ทังหยางกลับมีทีท่าสบายใจ พูดว่า “หาเจอแล้วค่อยว่ากัน ”
“ใต้เท้าทัง ฮูหยินเฒ่าคนนั้นเป็นใครกันแน่ เห็นท่านดูจะให้ความเคารพนางไม่น้อย”สวีอีถามขึ้น
ทังหยางยิ้มบางๆพูดว่า “นางอายุมากแล้ว เคารพนางแล้วอย่างไร เคารพคนอาวุโสกว่าไม่ได้หรือ”
สวีอีพยักหน้า “ก็จริง”
ชั่วครู่เดียว เขาก็พูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าจะมาที่สำนักนางชีหมิงเยว่ทำไม คงไม่ใช่เพราะไร้หนทางแล้วจึงให้พระชายามาไหว้พระขอพรหรอกนะ”
“การไหว้พระครั้งนี้ ช่างดีจริงๆ ”ทังหยางพูดราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
ตอนที่มา ก็ไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าไท่ซ่างหวงจะทำอะไร
แต่ว่า พอพระชายาช่วยชีวิตฮูหยินเฒ่าเอาไว้ เขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที
เจ้าโจรนั้นก็คงจะเป็นฝีมือของไท่ซ่างหวงที่จัดการให้อยู่ที่นี่ กระโดดออกมาตอนไหนไม่ออก ต้องรอให้พวกเขามาถึงที่แล้วค่อยกระโดดออกมาทำให้ฮูหยินเฒ่าตกใจ นี่ต้องมีการเตรียมการจัดฉากไว้อย่างดี ที่สำคัญที่สุดคือต้องยังรู้ด้วยว่าฮูหยินเฒ่ามีโรคหัวใจ รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้โรคกำเริบได้
คนที่เข้าใจได้ดีที่สุด ก็หนีไม่พ้นคนที่มีโรคหัวใจด้วยกัน ไท่ซ่างหวงก็เคยเป็นโรคหัวใจ
อีกอย่าง เขารู้ว่าพระชายามีวิธีการในการรักษาอาการของโรคหัวใจ แน่ใจว่าต้องรักษาอาการของฮูหยินเฒ่าได้แน่
ทังหยางยิ้มๆ ถ้าหากพระชายารู้เข้า เกรงว่าก็คงจะบอกว่าไท่ซ่างหวงนั้นเป็นจิ้งจอกเฒ่า
แต่ว่า ขณะเดียวกันทังหยางก็รู้สึกสบายใจ
เพราะว่า ไท่ซ่างหวงรู้ว่าฮูหยินเฒ่าอยู่ที่นี่ แสดงว่าเขาคอยจับตาดูเรื่องนี้อยู่ตลอด สั่งให้คนคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของตระกูลฮู่อยู่ตลอดอย่างลับๆ เขาไม่ได้นิ่งดูดาย
ทังหยางมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง หยวนชิงหลิงกลับไปพักผ่อนดีๆสักพัก และลองไตร่ตรองดูแล้วก็เข้าใจ
ไท่ซ่างหวงต้องการให้นางช่วยฮูหยินเฒ่าคนนั้น
นางเอาว่า ฮูหยินเฒ่าคนนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย หรือไม่ ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นมารดาของเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย
จึงได้ถามแม่นมสี่ แม่นมสี่ส่ายหน้าพูดว่า“เดิมทีข้าก็ได้แต่รับใช้อยู่ข้างกายไท่ซ่างหวง บวกกับมารดาของเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยเอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ไปไหนตลอดมา ข้าไร้วาสนาได้พบเจอ ฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าท่านนั้นจะใช่หรือไม่ ”
“นางแซ่เสิ่น”อะซี่ใช้ความคิด “เหมือนข้าจะเคยได้ยินท่านย่าพูด มารดาของแม่ทัพฮู่คนนั้นก็แซ่เสิ่น”
แม่นมสี่เอ่ยยิ้มๆว่า “เช่นนั้นก็เป็นไปได้สูง ไท่ซ่างหวงจัดการให้เช่นนี้ เหมาะเจาะยิ่งนัก”
หยวนชิงหลิงยิ้ม จิ้งจอกเฒ่า
แต่ว่า นี่มันช่างอันตรายยิ่งนัก
เมื่อคิดเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจต่อฮูหยินเฒ่าท่านนั้นมาก เอายาบางส่วนออกมาให้แม่นมนำไปมอบให้
แม่นมสี่พูดว่า “เกรงว่านางคงไม่กินยาที่ให้ไป”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ไม่เป็นไร บอกกับนางว่าเป็นยาช่วยยามฉุกเฉิน ถ้าหากภายหน้ารู้สึกแน่นหน้าอก ก็อมหนึ่งเม็ดไว้ใต้ลิ้น”