บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 378
พระชายาซุนค่อยถึงอ้อขึ้นมา สักพัก แล้วก็พูดขึ้นอย่างเศร้าสร้อยว่า “แต่ก็กลัวคืนนี้เจ้าสามกลับมาแล้วจะไปตำหนิพระชายาเว่ย”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “เจ้าวางใจ พระชายาเว่ยไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆขนาดนั้น”
“ไม่ถูกรังแกง่ายๆ? จะตายตั้งหลายรอบอยู่แล้ว”พระชายาซุนพูดขึ้นอย่างเศร้าสร้อย
หยวนชิงหลิงหัวเราะไม่พูดอะไร
เมื่อกลับมาหาพระชายาเว่ย พระชายาซุนก็ร้อนใจรีบเล่าเรื่องในหอเวินกู้ให้นางฟัง เล่าว่ากู้จือแกล้งเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารอย่างไร เล่าว่านางหน้าไม่อายขนาดไหน
พระชายาเว่ยฟัง แล้วก็อมยิ้มพูดขึ้นว่า “แล้วแต่นางจะทำอะไร?”
“ไม่สน ไม่สน ผู้ชายจะถูกแย่งไปอยู่แล้ว”พระชายาซุนพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง ท่าทีไม่พอใจ
“หากเป็นของข้า แย่งไปไม่ได้หรอก ไม่ใช่ของข้า ก็ไม่เสียดาย”พระชายาเว่ยพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
พระชายาซุนไม่รู้จะพูดนางว่าอย่างไร นั่งลงมองดูนางอย่างเป็นห่วงพร้อมพูดขึ้นว่า “คืนนี้เจ้าสามกลับมา ไม่รู้ว่าจะตำหนิเจ้าอย่างไร เจ้าโยนความผิดทั้งหมดมาให้ข้า ข้าเป็นพี่สะใภ้รองของเขา ยังไงก็ไม่กล้าทำอะไรเกิดเหตุ”
พระชายาเว่ยกัดริมฝีปาก ทันใดนั้น ริมฝีปากที่ซีดเผือดก็เปื้อนไปด้วยเลือดสีแดง นางยักยิ้มที่มุมปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าสามารถรับมือได้”
นางมองดูหยวนชิงหลิง แววตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทั้งดีทั้งสวย ยังคอยช่วยเหลือในยามทุกข์ยาก พระชายาอ๋องฉู่ ขอบคุณ”
หยวนชิงหลิงเห็นแววตาของนางสดใส ไม่เศร้าโศกเหมือนเมื่อก่อน ก็ค่อยสบายใจขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องขอบคุณ พวกเราไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเจ้าล่ะ ข้าเอายาแก้ปวดให้เจ้าอีกหลายเม็ด หากเจ็บปวดอย่างมากก็ทานเสีย และที่ให้เจ้าทานก่อนหน้านี้ หากนอนไม่หลับยังคงสามารถทานได้หนึ่งเม็ด”
ครั้งนี้พระชายาเว่ยพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้าจะจดจำไว้ ขอบคุณมาก”
หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยาออก พระชายาซุนขยับเข้ามาดู พร้อมพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า “กล่องยาของเจ้านี้ ไม่เหมือนกับของหมอหลวง ของข้างในข้าล้วนไม่เคยเห็น เป็นอะไรบ้างหรือ? เอามาจากไหน?”
หยวนชิงหลิงเอายาแก้ปวดยื่นให้กับสาวใช้ หลังจากปิดกล่องแล้วก็พูดกับพระชายาซุนว่า “กล่องยานี้ไม่เหมือนกับของหมอหลวงอยู่แล้ว นี่ข้าสั่งคนทำขึ้นมาเอง ส่วนยาข้างใน ปรุงทำขึ้นมาอย่างซับซ้อน ไม่สามารถพูดให้เจ้าฟังได้ในเวลาสั้นๆ”
พระชายาจี้พูดขึ้นอยู่ด้านข้างอย่างเรียบเฉยว่า “เดิมนางบอกข้าว่ายาที่ปรุงทำมาเพื่อรักษาข้า ต้องลงทุนลงแรงจนเกือบสิ้นชีวิต แต่ก็เห็นนางหนังผ่อนคลายจะตาย เห็นได้ชัดว่าหลอกลวงข้า”
พระชายาซุนไม่ชอบฟังนางพูดเช่นนี้ พูดตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “ใช่ว่าจะต้องช่วยเจ้าให้ได้ เจ้าลงมือทำร้ายคนอื่นก่อน ใครจะยอมอยากช่วยเจ้า? สะใภ้เจ้าห้าใจอ่อน หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เจ้าของตายจนจุดประทัดกันแล้ว”
พระชายาจี้ไม่โกรธกลับหัวเราะ พูดขึ้นด้วยแววตาสั่นไหวว่า “พระชายาซุน ปากเจ้าร้ายขนาดนี้ ถึงว่าทำไมเจ้าถึงไม่มีลูกชาย”
พระชายาซุนพูดประชดกลับอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าคลอดออกมาได้หรือ? งั้นเจ้าคลอดสิ”
พระชายาจี้ส่งเสียงเมิน พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่คุยกับผู้หญิงไร้เหตุผลอย่างเจ้า”
“ข้าก็ไม่คุยกับผู้หญิงปากร้ายเช่นเจ้า”พระชายาซุนหันหน้าไปอย่างเย็นชา
หยวนชิงหลิงกับพระชายาเว่ยมองตากัน แล้วต่างก็หัวเราะขึ้นมา
ภรรยาคนพี่คนน้องสองคนนี้ ไม่ต่างกันเลย
ตอนกลับ ไม่ว่ายังไงพระชายาซุนก็ไม่ยอมนั่งรถม้าคันเดียวกับพระชายาจี้ นางยอมที่จะไปนั่งกับอะซี่หมันเอ๋อ
บนรถม้า พระชายาจี้มองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะมีวิธีจัดการแบบนี้ ที่ผ่านมามองข้ามเจ้ามากไปแล้ว”
“สำหรับพระชายาจี้ ข้าเหมือนสอนจระเข้ว่ายน้ำ”หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
พระชายาจี้รู้ว่าพูดไปก็เข้าตัว จึงพูดขึ้นว่า “เจ้าต้องการให้ฮองเฮาสั่งให้กู้จือไปอยู่ข้างนอกจวน”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “กู้จือกำลังตั้งครรภ์ ฮองเฮาไม่มีทางให้นางไปจากเมืองหลวง แต่ฮองเฮาเ็นดูอ๋องเว่ย ไม่มีทางทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้น จะต้องหาที่อยู่ให้งานใหม่ สั่งคนจับตาดูนาง รอนางคลอดแล้วค่อยวางแผนอีกที”
“อ๋องเว่ยไม่ยอมแน่”พระชายาจี้พูดขึ้น
“เขาไม่ยอม งั้นก็อาละวาดเลย”
พระชายาจี้ทำเสียงเชอะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ความคิดของเจ้า มีหรือที่ข้าจะไม่รู้? เมื่ออ๋องเว่ยอาละวาด เจ้าห้าของเจ้าก็จะได้ห่างหายไปจากสายตาของเสด็จพ่อ พระชายาอ๋องฉู่ เจ้าไม่ได้ทำเพื่อพระชายาเว่ย เจ้าทำเพื่อตนเอง”
หยวนชิงหลิงยักไหล่ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาเว่ยไม่จำเป็นต้องให้พวกเราทำเพื่อนาง นางมีแผนแต่แรกแล้ว”
“รู้ได้อย่างไร?”พระชายาจี้อึ้ง แอบคิดวางแผนการชั่วร้ายนางสามารถดูออก แต่ความคิดของพระชายาเว่ย นางดูไม่ออก
เมื่อก่อนนางกับพระชายาเว่ยก็ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กัน ในความทรงจำ นางเป็นคนที่ดูอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคนอ่อนโยน
“ข้าแค่เดา”หยวนชิงหลิงไม่อยากพูดอะไรกับนางมากขนาดนั้น คนอย่างพระชายาจี้ชำนาญการคาดเดา เวลาพูดกับนางจะไม่รู้จักจบ เหนื่อย
พระชายาจี้พูดขึ้นว่า “ข้ารู้สึกว่านางไม่น่ามีแผนการอะไร ไม่เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกรีดข้อมือ ต่อให้การตกลงมาจากตึกสูงในครั้งนี้เป็นการถูกคนผลัก แต่ก่อนหน้านี้ที่กรีดข้อมือก็ไม่ได้ถูกคนทำร้าย นางอ่อนแอเอง โทษคนอื่นไม่ได้”
“นางป่วย”หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะพูดโต้ตอบ
“ป่วยเป็นอะไร?”
หยวนชิงหลิงมองดูสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของนาง จึงส่ายหัวพร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “ป่วยใจ”
พระชายาจี้บ่นพึมพำว่า “มีใครไม่ป่วยใจบ้าง? เป็นสะใภ้ราชวงศ์ ล้วนไม่มีความสุข”
นางพูด พร้อมกับมองดูหยวนชิงหลิง และพูดขึ้นว่า “ยกเว้นเจ้า”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ แล้วก็ไม่สนใจนาง เพียงหลับตาพักผ่อน
พระชายาจี้ไม่ได้รับความสนใจ จึงไม่พูดอะไรต่อ
หยวนชิงหลิงกลับมายังจวนเจ้าพระยาจิ้ง กำลังคิดว่าวันนี้เจ้าห้าคงไม่มีเวลากลับมา หากเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยกลับเมืองหลวง ในวังจะต้องจัดงานเลี้ยงต้อนรับในฐานะท่านอ๋อง
ที่ไหนได้ หลังจากทานข้าวเย็นแล้วนั่งเพียงสักพัก ก็ได้ยินเสียงหมันเอ๋อพูดว่าหยู่เหวินเห้ากลับมาแล้ว
หยวนชิงหลิงอึ้งไปสักพัก เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเขาสวมชุดอ๋องประจำราชวงศ์ คลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำเอามือไขว้หลังพร้อมกับเดินมาอย่างโมโห
“ทำไมหรือ?” หยวนชิงหลิงยืนขึ้น ช่วยเขาถอดเสื้อคลุมแล้วยื่นให้กับหมันเอ๋อ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครทำให้เจ้าห้าของเราโกรธเคืองหรือ?”
หยู่เหวินเห้าโกรธจนดวงตาแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวน วันนี้ข้าโกรธอย่างมาก เมื่อคืนม้าเร็วก็มารายงานแล้ว บอกว่าเจ้าพระยาเจิ้งเป่ยจะมาถึงวันนี้ ฮ่องเต้มีราชโองการให้เหล่าขุนนางไปรอต้อนรับอยู่หน้าประตูเมือง ที่ไหนได้ รอตั้งครึ่งวัน ก็ไม่เห็นเงาใครมา สั่งคนวิ่งไปถามจนม้าตาย ค่อยรู้ว่าเขาพาคนไปพักอยู่ที่ที่พักคนเดินทางเมืองจือโจว บอกว่าจะแวะเที่ยวดูหิมะที่เมืองจือโจว แต่ก็ไม่ได้สั่งคนมาแจ้ง ปล่อยให้พวกเราขบวนใหญ่รอเขาเก้ออยู่ตรงหน้าประตูเมือง เอาอวดดีมาก หยิ่งยโสจริงๆ เมืองจือโจวห่างจากเมืองหลวงเพียงไม่ถึงยี่สิบกิโลเมตร หากเขารีบกลับมา ก่อนฟ้ามืดก็สามารถมาถึง เขากลับมาพร้อมผลงานการศึก ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าเสด็จพ่อมีราชโองการให้เหล่าขุนนางรอต้อนรับเขา การกระทำเช่นนี้ของเขาเป็นการเบ่งอำนาจให้ใครดูหรือ?”
หยวนชิงหลิงตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเสด็จพ่อไม่โกรธแย่หรือ?”
ทั่วทั้งหว่างคิ้วของหยู่เหวินเห้าล้วนปกคลุมไปด้วยความโกรธ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ ข้าไม่ได้เข้าวัง พี่ใหญ่พี่สองพี่สามพวกเขาไปกัน ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อได้สั่งเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับอยู่ในวังแต่แรกแล้ว เพียงรอต้อนรับเขาเข้าไปในวัง เรียกเหล่าขุนนางไปด้วย เพื่อเป็นการเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของเขา ตอนนี้ นับเป็นโอกาสของพี่สอง พี่สองคงได้กินอิ่มหนำสำราญแล้วค่อยกลับจวน”
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพระยาเจิ้งเป่ยคนนี้ ต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงได้วางมาดขนาดนี้ แม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา เขายังอยากมีชีวิตอยู่ไหม?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าได้ยินมาว่า เขาไม่พอใจกับตำแหน่งเจ้าพระยาเจิ้งเป่ย”
“ไม่พอใจ? งั้นเขาอยากเป็นอะไร?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “เป็นอ๋องหรือเป็นจวิ้นอ๋อง”