บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 384
นางจับมือของพระชายาเว่ย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบา “หากเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ เจ้าสามารถระบายกับข้าและท่านพี่สะใภ้รอง หากเจ้าไม่อยากให้ข้าได้ยิน ข้าจะออกไป พวกเจ้าสองคนคุยกัน ดีไหม?”
พระชายาเว่ยเงยหน้ามองนาง มองอย่างเงียบๆไปครู่หนึ่ง ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “พระชายาฉู่ ข้าไม่เป็นไร ข้าขอบคุณเจ้ามาก จริงๆ ขอบคุณมากจริงๆ”
ใจของหยวนชิงหลิงรู้สึกกลัวทันที “เจ้าอย่าพูดเช่นนี้ ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าเลย”
“ช่วยไปตั้งเยอะ” พระชายาเว่ยถอนหายใจเบาๆ อย่างน้อย “ทำให้ข้ารู้ว่า ในโลกใบนี้ยังมีคนที่อ่อนโยนอยู่”
นางพลิกมือกลับมาจับมือของหยวนชิงหลิงเอาไว้ กล่าว “พวกเจ้าอย่าเป็นห่วงข้าเลย ข้าไม่เป็นอะไร ช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดมันได้ผ่านไปแล้ว อนาคตมันจะดีเอง มันจะค่อยๆดีขึ้นมาเอง”
ได้ยินนางพูดเช่นนี้ หยวนชิงหลิงควรที่จะวางใจ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถที่จะทำให้ตัวเองวางใจได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางต้องการพักผ่อน ก็ไม่สามารถที่จะพูดมากอีก จึงได้ดึงตัวพระชายาซุนลุกขึ้นขอตัวกลับ
ต่างคนต่างกลับจวนของตัวเอง
หยู่เหวินเห้าเห็นหยวนชิงหลิงที่ถอนหายใจตลอดเวลา ก็กล่าวขึ้น “เดี๋ยวข้าจะให้ท่านพี่ร้องเรียกท่านพี่สามมาดื่มสุราด้วยกัน พูดกับเขา มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่ว่ายังไงก็สามารถที่จะอธิบายให้มันชัดเจนได้”
หยวนชิงหลิงยิ้มเจื่อนๆ “ต่อให้ขจัดความเข้าใจผิดได้แล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? การทำร้ายมันได้เกิดขึ้นแล้ว ไอ้แก่ห้า พูดจริงๆนะ ข้านั้นเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ว่าจะเกิดเพราะสาเหตุใดก็แล้วแต่ ถูกคนบีบบังคับก็ดี วางยาก็ดี ขอเพียงท่านทำร้ายลูกของข้า ชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีวันที่จะอภัยให้ท่านได้ นี่คือขีดจำกัดของคนเป็นแม่ ใครก็ห้ามล้ำเส้น”
หยู่เหวินเห้ามองใบหน้าที่จริงจังของนาง ก็ได้กล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “ต่อให้หัวของข้าจะถูกจี้ไว้ด้วยมีดที่แหลมคม ก็ไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่ทำร้ายเจ้าหรือทำร้ายลูก”
หยวนชิงหลิงมองเข้า มุมปากกระตุกไปหนึ่งที “ไอ้แก่ห้า ท่านพูดเช่นนี้ข้าควรที่จะซาบซึ้งแล้วรีบกอดท่านหอมท่านหนึ่งที แต่ตอนนี้ข้าไม่มีกะจิตกะใจจริงๆเลย อาการของพระชายาเว่ย ข้านั้นเป็นห่วงอย่างมาก”
หยู่เหวินเห้ากล่าวปลอบ “อย่างกังวลไปเลย พี่สามคงไม่กล้าทำอะไรนางแล้ว บัดนี้ก็ถูกเสด็จย่าเรียกตัวเข้าไปในวัง ต้องถูกสั่งสอนอย่างแน่นอน ออกมาก็ไม่กล้าแล้ว ตั้งแต่เด็กพี่สามก็เชื่อฟังคำพูดของเสด็จย่ากับท่านแม่จิ้ง”
“ข้าไม่ได้เป็นห่วงว่าอ๋องเว่ยจะทำอะไรกับนาง สิ่งที่ข้ากังวลคือนางจะทำอะไรกับตัวนางเอง” หยวนชิงหลิงที่พูดอยู่ จู่ๆก็เปิดม่านออก กล่าวกับหมันเอ๋อ “หมันเอ๋อ เจ้าไปที่จวนอ๋องเว่ย ไปบอกกับแม่นมอู๋ที่เป็นคนสนิทของพระชายาเว่ย บอกนางคอยเฝ้าสังเกตเอาไว้ หากพระชายาเว่ยมีความผิดปกติใดๆ บอกให้นางรีบมารายงานข้า”
หมันเอ๋อรับคำสั่ง ก็มุ่งหน้าไปที่จวนอ๋องเว่ย
อ๋องเว่ยเข้าวัง เสด็จย่าทรงเกรี้ยวหนักมาก ทั้งตำหนิพร้อมกับตบหน้าเขาไปหนึ่งที สั่งเขาให้ส่งกู้จือไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่ทันที
อ่องเว่ยไม่กล้าขัดเสด็จย่า หลังจากก้มหน้ารับคำตำหนิอย่างท้อแท้ ก็กล่าวขอร้อง “ครรภ์ของกู้จือได้รับความกระทบกระเทือน ลูกในท้องนางเป็นลูกของหลาน ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะนั่งรถม้าไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่ รอให้นางพักรักษาตัวอีกสักสองสามวันค่อยส่งไปจะได้ไหม?”
แม้ไทเฮาจะโกรธ แต่ว่าลูกในท้องของกู้จือก็ยังเป็นเหลนของตัวเอง ไม่คำนึงถึงกู้จือก็ต้องคำนึงถึงเหลน
นางกล่าว “มากสุดห้าวัน หลังจากห้าวัน ต้องส่งตัวไปทันที”
พูดจบ นางกล่าวตักเตือน “หากเจ้ากลับไปแล้วยังกล้าทำให้เมียเจ้าลำบากใจ รอข้าประทานสายผ้าขาวให้กู้ซือได้เลย ไม่ว่ายังไงลูกในท้องของนางก็ได้มาแบบผิดธรรมเนียม ไม่ขาวสะอาด”
อ๋องเว่ยลังเลไปครู่หนึ่ง ก็ไม่กล้าเอ่ยเรื่องเลิกร้างกับภริยา ทำเพียงดึงแขนเสื้อของเสด็จย่าเบาๆ กล่าวอย่างอ้อนวอน “หากกู้จือคลอดลูกแล้ว กลับมาอยู่ที่จวนได้ไหม?”
“กลับอะไรกัน?” ความโกรธของเสด็จย่าได้บันดาลขึ้นมาอีกครั้ง ชี้ไปที่หัวของเขาแล้วด่า “เจ้าทำไมถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้นะ? ยังไปบีบบังคับสาวชาวบ้านมีลูกให้กับเจ้า ยังจะเอาหน้าอยู่ไหม? ต่อให้สวยเหมือนนางฟ้าแล้วจะยังไง? เจ้าเป็นอ๋อง ทำเรื่องที่ต่ำช้าแบบนี้ หากเสด็จพ่อเจ้ารู้เข้า หัวของเจ้ายังจะมีอยู่ไหม?”
“นั่นเป็นเรื่องที่พระชายาฉู่แต่งขึ้นมา กู้จือไม่เคยพูดแบบนี้” อ๋องเว่ยกล่าวอย่างโกรธแค้น
เสด็จย่ามองเขา ไม่พูดถึงพระชายาฉู่ยังดี เมื่อพูดถึงพระชายา ไฟโกรธที่อยู่ในท้องของนางในที่สุดก็มีที่ระบายแล้ว ขณะนั้นก็ได้ด่าขึ้นมาทันที “เจ้ายังกล้าเอ่ยถึงพระชายาฉู่อีกหรือ? เมื่อคืนเจ้าไปทำอะไรมา? พระชายาฉู่ยังท้องอยู่เจ้าไม่รู้เหรอ? เจ้ากลับกล้าไปข่มขู่นาง หากนางเป็นอะไรขึ้นมา ข้าจะดูว่าเจ้าจะทำยังไง?”
อ๋องเว่ยกล่าวอย่างคาใจ “กู้จือก็ตั้งครรภ์อยู่ไม่ใช่เหรอ? นางก็ยังไม่เกรงใจกู้จือเลย”
“มันจะเหมือนกันได้ยังไง?” เสด็จย่าโกรธจนตบลงไปด้วยฝ่ามือ “ลูกในท้องของนางจะมาเทียบของพระชายาฉู่ได้เหรอ? คนเข้าแต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามประเพณี กู้จือนางเป็นอะไร?”
อ๋องเว่ยกล่าวอย่างดื้อรั้น “พูดถึงสุดท้ายแล้ว เสด็จย่าก็ยังคงรังเกียจชาติกำเนิดของกู้จือ”
“ชาติกำเนิด?” เสด็จย่าหัวเราะอย่างเย็นชา “ข้ายังไม่ได้ถามเจ้าเลยนะ ตอนแรกเมียของเจ้าเคยช่วยชีวิตนางใช่ไหม? นางตอบแทนบุญคุณคนอื่นด้วยวิธีนี้เหรอ? คนประเภทนี้ ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ ไร้ยางอาย ไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของลูกหลานในราชวงศ์ หลังจากที่นางคลอดลูกเสร็จ ก็ไล่นางไปซะ หากเจ้าไม่ทำตาม ข้าจะประทานสายผ้าขาวให้นาง”
อ๋องเว่ยไม่ยอม อีกทั้งใจเย็นวาบ รู้ว่าตอนนี้เสด็จย่ากำลังโกรธอยู่ พูดยังไงก็ฟังไม่เข้าไปในหู
เขาหวังเพียงว่าอนาคตเมื่อเสด็จย่าเห็นเหลนที่น่ารักน่าเอ็นดูแล้ว ก็จะรู้ว่ากู้จือนางดีกว่านางชุยมาก ก็ต้องเปิดใจอีกด้าน
เขาได้ห้ามความวู่วามที่จะบอกเสด็จย่าเรื่องที่นางชุยมีชู้ เวลานี้ ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรไปเสด็จย่าก็ไม่มีทางเชื่อ
หลังจากออกจากวัง ไม่ว่าเขาจะคิดยังไงก็ยังรู้สึกคาใจ สั่งคนระงับถ่านลวดเงินในเรือนพระชายาเว่ย ยังมีอาหาร ให้เตรียมเฉพาะอาหารที่หยาบและง่ายๆ โดยที่ไม่สนใจว่านางกำลังพักฟื้นอยู่
เขาเกลียดผู้หญิงคนนี้อย่างมาก นางทำให้สิ่งที่เขาเสียสละไปทั้งหมด กลายเป็นเรื่องตลก
หลังจากที่พระชายาเว่ยทราบเรื่อง ทำเพียงยิ้มอย่างเรียบเฉย กล่าวกับแม่นมอู๋ “ต่อให้เป็นแค่ข้าวเปล่ากับน้ำชา ข้าก็สามารถกินมันได้ หนาวก็ห่มผ้าหนาหน่อย ไม่เป็นไร”
แม่นมอู๋โกรธจนร้องไห้ “ท่านอ๋องทำไมถึงทำเช่นนี้กับท่านนะ? เขาทำเกินไปแล้ว”
พระชายาเว่ยกล่าว “ก็ดี จะได้ตัดความสัมพันธ์ออกไปทั้งหมด”
เช้าวันรุ่งขึ้นพระชายาซุนมา กล่าวอย่างอารมณ์ดี “ไทเฮามีราชโองการ หลังจากสองสามวัน ให้กู้จือย้ายไปอยู่ที่สำนักนางชีหมิงเยว่”
พระชายาเว่ยกลับตกใจ “ทำไมต้องย้ายไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่ด้วย? เพราะอะไร?”
พระชายาซุนทำเสียงฮึ่ม “จะเพราะอะไรล่ะ? ก็เป็นเพราะว่านางไร้ชื่อไร้ตำแหน่ง หากไม่ใช่เพราะนางตั้งครรภ์ คงถูกไล่ออกไปนานแล้ว”
“ย้ายไปหลังจากสองสามวันนี้” พระชายาเว่ยกล่าว
“ใช่ บอกว่าครรภ์ได้รับความกระทบกระเทือน ให้นางพักรักษาตัวก่อนค่อยให้นางไป” พระชายาซุนที่เกลียดชัง “อะไรมันจะอ่อนแอขนาดนั้น? ยัยคนนั้นมันก็แค่สำออย ตัวตนของนางเป็นยังไงนึกว่าพวกเราไม่รู้เหรอ?”
พระชายาเว่ยอยู่ในความงุนงง
พระชายาซุนกุมมือนางเอาไว้ กล่าวอย่างอ่อนโยน “นางไปแล้ว เจ้าก็จะได้รักษาตัวอย่างสบายใจ ทางน้องสาม ก็ให้พี่รองพูดกับเขาอีกที เขาต้องกลับตัวกลับใจได้อย่างแน่นอน”
พระชายาเว่ยก้มหน้าลง กล่าวด้วยเสียงเบา “ขอบคุณท่านพี่สะใภ้รองแล้ว”
พระชายาซุนที่สบายใจ กล่าว “เจ้าแค่เพียงพักรักษาตัวให้ดี เรื่องอื่น ไม่ต้องไปสนใจเลย”
“ทราบแล้ว” จิตใจของพระชายาเว่ยไม่อยู่กับร่องกับรอยอย่างเห็นได้ชัด
หลังจากที่พระชายาซุนไปแล้ว นางก็มองนางแม่นมอู๋ ถามขึ้น “ยาแก้ปวดที่พระชายาฉู่ให้ ยังเหลืออีกกี่เม็ด?”
แม่นมอู๋มองดูครู่หนึ่ง ก็กล่าว “ยังเหลือห้าเม็ด”
“สองสามคืนนี้ ให้ข้ากินยาที่สามารถทำให้นอนหลับหน่อย หลับไม่ดี คนก็ยิ่งไม่มีแรง” นางกล่าว