บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 386
อ๋องเว่ยตกใจ ถามขึ้น “วิชาลวงตาอะไร? ใครมีวิชาลวงตา?”
เสียงของพระชายาเว่ยที่ต้านลมอยู่ไม่ค่อยจะชัดเจนนัก “มันไม่เกี่ยวกับวิชาลวงตา ข้าเองก็เคยถูกวิชาลวงตา แต่ข้าก็ยังคงจำคนที่ข้ารักได้ว่าเป็นใคร”
อ๋องเว่ยร้อนใจแล้ว “เจ้ากำลังพูดอะไรกันแน่?”
พระชายาเว่ยไม่สนใจเขา หันหน้าไปมองกู้จือ แล้วถาม “เจ้าเคยใช้วิชาลวงตากับข้าหรือไม่?”
กู้จือร้องไห้พูด “พระชายา ข้าไม่เคยใช้ ข้านั้นเลอะเลือนไปชั่วขณะถึงได้อยู่กับท่านอ๋อง ท่านปล่อยข้าไปเถอะ”
พระชายาเว่ยยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ได้เลอะเลือนไปชั่วขณะ เจ้านั้นได้วางแผนไว้แต่แรกแล้ว แต่ตอนนั้นข้าไม่รู้ อย่างไรก็ตาม ข้ากำลังถามเจ้าเรื่องวิชาลวงตา เจ้ามาพูดเรื่องพวกนี้ทำไม? ข้าไม่ได้สนเรื่องที่พวกเจ้าอยู่ด้วยกัน”
อ๋องเว่ยเห็นกู้จือร้องไห้จนเกือบจะเป็นลมแล้ว ด้วยความโมโห ก็หยิบก้อนเงินออกมาหนึ่งก้อนเขวี้ยงไปทางพระชายาเว่ย
พระชายาเว่ยหลบไม่พ้น ก้อนเงินถูกปาเข้าที่หน้าผากของนาง เดิมหน้าผากของนางก็มีแผลอยู่แล้ว ตอนนี้ เลือดก็ไหลออกมาอีก
แต่นางไม่ได้ล้มลงไป ก้อนเงินก้อนนั้นกลับได้ร่วงลงไปข้างล่าง ถูกประชาชนแย่งกัน
มีดสั้นของนาง จี้อยู่ที่หลังมือของกู้จือ เมื่อแทงมีดลงไป เลือดสดก็พุ่งออกมา กู้จือกรีดร้อง เจ็บจนสั่นไปทั้งตัว มองนางอย่างหวาดกลัว
ใบหน้าของพระชายาเว่ย ค่อยๆแปลเปลี่ยนไปเป็นความมืดมนและเย็นชา
เลือดได้ไหลลงมาปกคลุมใบหน้าของนาง เพิ่มความหวาดกลัวและมืดมนไม่น้อย
อ๋องเว่ยคิดไม่ถึงว่านางจะลงมือทำร้ายคน เขาสูดลมหายใจเข้า กล่าวอย่างเย็นชา “นางชุย เจ้ามันช่างโหดร้ายนัก เสียแรงที่เมื่อก่อนข้าคิดว่าเจ้านั้นเป็นคนที่จิตใจมีเมตตา อ่อนโยน มีคุณธรรม”
ตัวพระชายาเว่ยเองก็หัวเราะขึ้นมา หันหน้าไปเหมือนคนที่ไร้เดียงสา “จิตใจมีเมตตา? หลายปีมานี้ไม่ใช่แบบนี้หรอกหรือ?”
“เจ้าอย่าเพิ่งมาพูดจาไร้สาระ เจ้าบอกข้า ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะยอมปล่อยกู้จือ” อ๋องเว่ยกล่าวอย่างขยะแขยง ไม่อยากจะเกี่ยวพันกับนางเลยจริงๆ
พระชายาเว่ยค่อยๆปีนขึ้นไปบนกำแพง แล้วนั่งลง สองขาห้อยอยู่กลางอากาศ คนที่อยู่ด้านล่าง ต่างอุทานกันออกมา
ดวงตาของอ๋องเว่ยเบิกกว้าง “นางชุย เจ้าคิดจะทำอะไร?”
พระชายาเว่ยค่อยๆหันหน้ากลับมา ส่งยิ้มให้เข้า
รอยยิ้มนั้น เหมือนกับเด็กสาวที่ไร้เดียงสาในปีนั้น เพียงแต่คิ้วและแววตา ล้วนเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
“ช่างเถอะ ข้าไม่โทษเจ้าแล้ว เป็นเพราะข้าเลือกผิดเอง” นางพูดอย่างเงียบๆ
“เจ้าลงมาก่อน เจ้าคิดจะทำอะไร? เจ้าลงมาก่อน” หัวใจของอ๋องเว่ยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง และเขาเห็นความอยากตายที่เด็ดเดี่ยวในดวงตาของนาง
“ข้าได้ยินเสียงร้องไห้ของเขา เขาบอกว่าตัวคนเดียวมันน่ากลัว บอกให้ข้าไปอยู่เป็นเพื่อนเขา ข้าจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไม่ได้ เขาเดียวดายเหลือเกิน……..” พระชายาเว่ยพูดพึมพำคนเดียว
อ๋องเว่ยคำรามด้วยความโกรธ “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังคิดถึงลูกที่มีกับไอ้ชั่วคนนั้นอีกเหรอ?”
“หยู่เหวินเว่ย!” ด้านหลังของอ๋องเว่ย ทันใดนั้นก็ดังขึ้นด้วยเสียงตะโกนที่มีความโกรธ
อ๋องเว่ยหันไปมอง ก็เห็นพระชายาฉู่หยวนชิงหลิงถูกคนพยุงเดินขึ้นมา หน้าที่ซีดขาวของนาง หน้าผากยังไหลไปด้วยเม็ดเหงื่อ
เป็นแม่นมอู๋ที่ไปตามหยวนชิงหลิงที่จวนเจ้าพระยา แจ้งว่าพระชายาเว่ยจ้างคนมาจับตัวของกู้จือไปที่ประตูเมือง อีกอย่างพระชายาเว่ยได้ตรวจประวัติความเป็นมาและเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในปีนี้แล้ว นางเลยรีบตามมา
เพิ่งจะขึ้นมาถึงประตูเมือง ก็ได้ยินคำพูดคำนั้นของอ๋องเว่ย โกรธจนนางก็อยากจะฆ่าคนแล้ว
บัดนี้เห็นพระชายาเว่ยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดนั่งอยู่บนกำแพง ทำให้นางตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้น
อ๋องเว่ยกล่าวอย่างเย็นชา “มีคนช่วยไม่น้อยเลยนะ ต่างมุ่งทำร้ายผู้หญิงที่มีกำลังน้อยอ่อนแอคนหนึ่ง พวกเข้าที่เป็นพระชายา ช่างเก่งเหลือเกิน”
หยวนชิงหลิงก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว หมันเอ๋อที่อยู่ด้านข้างตะโกนขึ้น “ระวัง”
สายตาของหยวนชิงหลิงมีแต่ไฟโกรธ มองไม่เห็นอย่างอื่นเลย นางเดินไปตรงหน้าของอ๋องเว่ย กล่าวอย่างโกรธเคือง “กู้จือใช้วิชาลวงตากับเจ้า บอกเจ้าว่าพระชายาเว่ยมีชู้ เจ้าเชื่ออย่างสมบูรณ์ ยังมาทำให้ลูกของพวกเจ้าแท้ง เจ้าที่เป็นพ่อ จิตใจอำมหิต ตอนนี้ยังมีหน้ารวมหัวกันกับกู้จือมากล่าวโทษคนที่โดนพวกเจ้าทำร้ายอีกหรือ?”
อ๋องเว่ยกล่าวอย่างโกรธเคือง “เจ้าพูดมั่วอะไร? กู้จือมีวิชาลวงตาที่ไหนกัน? เจ้าอย่ามาใส่ร้ายคนอื่นนะ”
หยวนชิงหลิงก็ด่าขึ้นมาทันที “นางไม่เป็นแล้วใครเป็น? ตอนแรกนางใช้วิชาลวงตากับพระชายาเว่ย หาผู้ชายเพื่อมาสร้างเรื่องว่าพระชายาเว่ยมีชู้ น่าเสียดายแม้พระชายาเว่ยจะถูกวิชาลวงตา แต่ยังคงมีจิตใจที่ตั้งมั่น กู้จือเลยกระทำไม่สำเร็จ ทำได้เพียงใช้วิชาลวงตาจัดการกับเจ้า น่าเสียดาย เจ้าทำกับภริยาที่ได้มาอย่างยากลำบาก โดยไม่เชื่อใจนางแม้แต่นิดเดียว ไม่แม้กระทั่งให้โอกาสนางในการอธิบาย ก็ใช้ยาทำแท้งหนึ่งถ้วยเพื่อกำจัดลูกของพวกเจ้า หยู่เหวินเว่ย เจ้ามันไม่ใช่คน”
อ๋องเว่ยกล่าวอย่างเย็นชา “พูดจาเพ้อเจ้อ ข้าไม่มีทางที่จะเชื่อคำพูดเจ้าแม้แต่คำเดียว”
หยวนชิงหลิงโกรธจนหน้ามืด ตอนนี้ก็ไม่อยากที่จะสนใจเขา ทำเพียงเดินเข้าไปหาพระชายาเว่ยอย่างช้าๆ กล่าวอย่างระมัดระวัง “พระชายาเว่ย เจ้าลงมาเถอะ ไม่ว่ามีเรื่องอะไรมันก็สามารถแก้ไขได้ทั้งนั้น”
พระชายาเว่ยมองนาง “แววตาถึงได้มีรอยยิ้มที่จางๆเกิดขึ้น ขอบคุณที่เจ้ามา เจ้าสามารถมาส่งข้าครั้งสุดท้าย ข้าดีใจมาก”
หยวนชิงหลิงเห็นรอยยิ้มที่สิ้นหวังของนาง อย่าให้พูดถึงเลยว่าในใจนั้นทรมานมากแค่ไหน ดวงตาแดง กล่าว “มันไม่คุ้มค่าเลย ฟังข้านะ เพื่อชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้แล้วถึงกับสละชีวิตตัวเองมันไม่คุ้มค่าเลย เจ้าลองคิดถึงพ่อแม่และญาติของเจ้า พวกเขารักเจ้าอย่างจริงใจ หากเจ้าตายแล้ว พวกเขาจะต้องเสียใจแค่ไหน?”
พระชายาเว่ยกล่าวอย่างเศร้าๆ “ข้ารู้ ปีนี้ทั้งปี คนที่สนับสนุนข้าก็คือพวกเขา แต่ว่าข้าเหนื่อยแล้วจริงๆ ข้าก็ไม่สามารถที่ทนให้ลูกของข้าอยู่ตัวคนเดียว ข้าได้ยินเขาร้องไห้เป็นประจำ ร้องจนใจข้านั้นทรมานอย่างมาก”
“มันคือภาพลวงตา เป็นวิชาลวงตาที่กู้จือใช้กับเจ้า เจ้าอย่าหลงกล เจ้าตายแล้วก็จะสมใจนาง” หยวนชิงหลิงเดินไปข้างหน้า ยื่นมือออกไป จ้องมองนางอย่างตาละห้อย “มา เอามือมาให้ข้า เรากลับบ้านกัน ดีไหม?”
ใบหน้าของพระชายาเว่ยไหลไปด้วยน้ำตาที่เปื้อนเลือด พึมพำกล่าว “บ้าน? แต่ข้าไม่มีบ้านนะ”
อ๋องเว่ยอาศัยจังหวะนี้ เข้าไปช่วยกู้จือแล้ว
หลังจากที่เขาช่วยกู้จือลงมา ก็กอดนางไว้ในอ้อมแขน คนทั้งคนก็ได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
กู้จือร้องไห้ในอ้อมอกของเขา สั่นไปทั้งตัว แต่ยังคงไม่ลืมขอร้องแทนพระชายาเว่ย “ท่านอ๋อง ท่านอย่าโกรธพระชายา พระชายาแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ ท่านอย่าโกรธพระชายาเลยนะ”
อ๋องเว่ยกอดนางเอาไว้ ช่วยนางทำแผลในมือก่อน จากนั้นก็ช่วยนางเช็ดคราบเลือดที่อยู่บนใบหน้า แล้วก็ช่วยนางจัดแต่งผม ด้วยสายตาที่รักใคร่และสงสาร
พระชายาเว่ยคอยเฝ้ามองดูตลอด แววตาของนางค่อยๆมืดมนลงถึงขั้นหมดอาลัยตายอยาก
หยวนชิงหลิงไม่รู้ด้านหลังของนางอ๋องเว่ยกำลังทำอะไร นางไม่กล้าหันหน้าไปมอง กลัวเมื่อหันไปแล้ว พระชายาเว่ยก็จะกระโดดลงไป ดังนั้น มือของนางจึงยื่นอยู่อย่างนั้น เพียงรอให้นางยื่นมือมา
แววตาพระชายาเว่ยลังเลไปครู่หนึ่ง ปลายนิ้วของนางขยับไปหนึ่งที จ้องมองมือที่หยวนชิงหลิงยื่นมาหาอย่างแน่วแน่ หยวนชิงหลิงมองออกว่านางกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด และควบคุมความปรารถนาที่จะตายในหัวใจนาง
นางพูดให้กำลังใจเบาๆ พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า “ลงมาเถอะ ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้ามาทางนี้ เราจะกลับไปพร้อมกัน”
ด้านหลัง กลับดังขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชาของอ๋องเว่ย “ในเมื่อเจ้าอยากจะฝังเป็นเพื่อนลูกชายของท่านชายชิงหยาง เจ้าก็ไปตายซะ”
พระชายาเว่ยยิ้ม นางพูด “ข้าผิดเอง”
ดวงตาของนางก็ไม่มองมือของหยวนชิงหลิงอีกเลย แต่ได้หันกลับไปมองท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขต
ท้องฟ้าไม่มีอะไรเลย ท้องฟ้าสีคราม แสงเพียงเล็กน้อยก็มองไม่เห็น
นางหลับตาลง แล้วดิ่งตัวลงไปข้างล่าง
ด้านล่าง ดังขึ้นด้วยเสียงกรีดร้อง
หยวนชิงหลิงพุ่งตัวเข้าไป คว้าได้แต่ความว่างเปล่า นางมองดูร่างของพระชายาเว่ยดิ่งลงไปข้างล่างต่อหน้าต่อตา