บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 392
หลังจากกลับไปแล้ว เพราะภรรยานั้นมีอคติกับเจ้าสามมาก เขาก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิอ๋องเว่ยไปหนึ่งยก หลังจากหยวนชิงหลิงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว จึงพูดว่า “สุดท้ายนี่ก็เป็นเรื่องของครอบครัวเขา เจ้าอย่าได้ไม่สบายใจไปมากเลย เสด็จพ่อต้องลงโทษเขาแน่ อีกอย่าง ได้ยินสวีอีบอกว่า เจ้าสามควักดวงตาของกู้จือคนนั้นออกมา เขาน่าจะรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “เขารู้ตัวว่าผิดแล้วจะมีประโยชน์อะไร ไม่ได้ช่วยเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว ข้ายังจะหวังว่าเขาไม่รู้สึกผิดจะดียิ่งกว่า เพื่อให้พระชายาเว่ยเกลียดเขาตลอดไป เขาจะได้ไม่ต้องมาคอยป้วนเปี้ยนวนเวียนไม่ยอมปล่อย นางก็จะยิ่งเดินจากไปไม่ได้”
หยู่เหวินเห้าไม่รู้ว่าควรพูดอธิบายขอร้องอย่างไรดีแล้ว เกรงว่านางจะสะกดกลั้นอารมณ์จนทำร้ายร่างกายตัวเองเสียเปล่า ในฐานะของพ่อลูกสาม ตอนนี้เขายิ่งรู้สึกเป็นห่วงกังวลครอบครัวเล็กๆของตัวเองเป็นอย่างมาก
ช่วงนี้เรื่องราวช่างเยอะมากจริงๆ
ทำเงาอ๋องฉู่เครียดจนผมขาว
“ใช่แล้ว คดีของหลอกุ้ยผินเป็นอย่างไรบ้าง” หยวนชิงหลิงเพิ่งจะนึกได้และถามถึงเรื่องนี้
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ไม่รู้ โสวฝู่ฉู่ไม่อนุญาตให้ถาม แต่ว่าวันนี้ตอนเข้าวัง ได้ยินมู่หรูกงกงบอกว่าช่วงสองคืนมานี้เสด็จพ่อเอาแต่ฝันเห็นหลอกุ้ยผิน ”
“บังเอิญขนาดนั้นเชียว” หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างประหลาดใจ
หยู่เหวินเห้ายิ้มอย่างสงบหนักแน่น“นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่”
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” หยวนชิงหลิงเห็นเขายิ้มอย่างชั่วร้าย ก็รู้ได้เลยว่าเขาต้องมีความจริงอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่ “พูดสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
หยู่เหวินเห้ากระซิบว่า“โสวฝู่ไม่ให้ข้ายุ่งเรื่องนี้ แต่ข้าก็ถามเขาไปต่อเนื่อง เขาจึงบอกว่าคิดจะลงมือจากทางด้านเสด็จปู่ ข้ารู้สึกว่าเสด็จปู่ช่วยเหลือก็ใช่ว่าจะไม่ดี แต่ก็ดีไม่สุด ถ้าหากเสด็จพ่อรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากล แล้วก็มีคนพูดถึงเรื่องการเผาถ่านในห้องปิดสนิทอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตในราชสำนัก เสด็จพ่อคงจะคิดเชื่อมโยงได้เอง”
หยวนชิงหลิงได้ฟังแล้วก็ยังคงมึนงงไม่เข้าใจ “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่เสด็จพ่อฝันเห็นหลอกุ้ยผินเล่า ”
หยู่เหวินเห้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ในวังมีนางกำนัลพูดกันว่า เห็นวิญญาณของหลอกุ้ยผินมาร้องขอความเป็นธรรม ข่าวลือเหล่านี้ ย่อมต้องส่งต่อไปถึงหูของเสด็จพ่อ บวกกับให้คนใส่อะไรบางอย่างลงไปในธูปหอมที่ทำให้หลับสบาย ฉะนั้น มู่หรูกงกงบอกว่า เขาได้ฝันเห็นหลอกุ้ยผินมาร้องขอความเป็นธรรมติดต่อกันสองคืนแล้ว”
หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ใครกันช่างบังอาจนัก กล้าฟังคำสั่งของท่านใส่บางสิ่งบางอย่างลงไปในธูปหอมของเสด็จพ่อ”
“ข้าไม่ได้ออกหน้า เรื่องนี้โสวฝู่เป็นคนจัดการเอง” ระหว่างที่พูด หยู่เหวินเห้าก็หันกลับไปมอง เห็นว่าทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าดูเข้าอยู่ไม่ได้เข้ามาด้วย จึงเอ่ยเสียงเบาๆว่า “ไม่สู้ข้าอาบน้ำที่นี่แล้วค่อยกลับไป อาบน้ำเสร็จแล้วยังนอนเป็นเพื่อนเจ้าได้อีกประเดี๋ยว”
พอนอนลง เขาก็หลับไปจริงๆ ย่อมไม่เป็นการดีที่จะลากตัวเขาออกมาจากผ้าห่ม
หยวนชิงหลิงออกไปเรียกให้สวีอีเฝ้าสังเกตการณ์เอาไว้ ถ้าหากทหารรักษาพระองค์เข้ามาถาม ก็ให้บอกไปว่าท่านอ๋องเมาแล้ว ต้องการพักผ่อนชั่วครู่ค่อยกลับไป
สวีอีตบที่อกของตัวเอง “ถ้าข้าขวางไม่อยู่ยังมีอะซี่ อะซี่ขวางไม่อยู่ยังมีหมั่นโถว หมั่นโถวขวางไม่อยู่พรุ่งนี้พวกเราจะพาตอเป่ามาด้วย”
แต่ว่า เห็นได้ชัดว่าทั้งสวีอีกับอะซี่ และหมั่นโถวก็ไม่มีประโยชน์
หยู่เหวินเห้าเพิ่งจะนอนลงพร้อมกันกับหยวนชิงหลิง ทหารรักษาพระองค์ก็เข้ามาเรียกหาคน พูดคำเดียวว่าเป็นพระบัญชาฮ่องเต้ ก็ทำให้ทุกคนต่างพูดไม่ออก
สวีอีได้แต่เป่าปากถลึงตา ทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ สมน้ำหน้าที่ต้องเป็นทหารรักษาพระองค์ตลอดชีวิต ไม่มีมันสมองเลยสักนิด
ขณะที่กำลังถูกกดดันจนจะไปเคาะประตู ฮูหยินใหญ่ก็มาด้วยตนเอง
นางสวมชุดนอนไว้ด้านใน ข้างนอกคลุมเสื้อคลุมหน้านุ่มตัวหนึ่ง เดินเข้าไปข้างหน้าดึงมือของทหารรักษาพระองค์ทั้งสองคนเอาไว้ด้วยมาดของผู้นำ เอ่ยอย่างเป็นกันเองว่า “ทั้งสองลำบากแล้ว เชิญเข้าไปกินอาหารร้อนๆข้างในก่อน จากนั้นก็ดื่มเหล้าสักแก้ว ท่านอ๋องดื่มจนเมาไปแล้ว ให้เขาพักผ่อนสักครู่ หลังจากสร่างเมาแล้ว ข้าจะไล่เขาไปทันที”
มือของฮูหยินใหญ่ไม่หนา แต่พอจับมือของทหารรักษาพระองค์แล้ว ทหารรักษาพระองค์กลับรู้สึกได้ถึงความหนาที่แฝงอยู่ภายในของฮูหยินใหญ่ ความหนานี้น่าจะมีหลายร้อยตำลึง
ทหารรักษาพระองค์ทั้งสองคนพลิกมือกลับ ล้วงมือเข้าไปไว้ในกระเป๋าแขนเสื้อ เอ่ยอย่างเอาใจใส่ว่า “ฮูหยินใหญ่ช่างมีน้ำใจไมตรีนัก พวกเราสองคนพี่น้องก็ไม่กล้าปฏิเสธ บวกกับคืนนี้ท่านอ๋องก็คงจะดื่มไปไม่น้อย ก็ให้เขาได้พักผ่อนสักครู่ พวกเราสองคนจะรออยู่ข้างใน คนเป็นบ่าวรับใช้ ก็ต้องแบ่งเบาภาระเจ้านาย”
“ใต้เท้าทั้งสองมีความภักดีและคุณธรรม ทำให้ข้ารู้สึกซาบซึ้งมาก เร็วเข้า รีบไปเตรียมอาหารกับเหล้ามาให้ใต้เท้าทั้งสองท่าน” ฮูหยินใหญ่สั่งการลงไป
สวีอีกับอะซี่และหมันเอ๋อมองทหารรักษาพระองค์ที่มองฮูหยินใหญ่เดินจากไปอย่างว่านอนสอนง่าย ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า“ยังไงฮูหยินใหญ่ก็มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งที่สุด”
“ใช่น่ะสิ คำพูดแค่คำเดียวของนาง มีความหมายมากกว่าพวกเราพูดเป็นร้อยคำ” อะซี่เลื่อมใส
ก็เป็นเช่นนี้ หยู่เหวินเห้านอนที่จวนเจ้าพระยาจิ้งจนตื่นขึ้นมาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
ยังคงไม่รีบร้อน แม่นมสี่ค่อยๆเดินย่องเข้ามาบอกว่าทหารรักษาพระองค์พักผ่อนอยู่ในห้องรับรองด้านข้าง ท่านอ๋องสามารถอยู่ต่อได้อีกประเดี๋ยว
หยู่เหวินเห้ากอดหยวนชิงหลิงเอาไว้ ถอนหายใจและพูดว่า :“คู่สามีภรรยาอื่นเขาได้นอนหลับด้วยกัน แต่ข้ากลับเหมือนขโมยขโจร”
หยวนชิงหลิงรู้สึกประหลาดใจมาก “พวกเขาได้รับบัญชาจากฮ่องเต้ ไฉนจึงเชื่อคำพูดของท่านย่าได้”
หยู่เหวินเห้าเองก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่สนใจ จัดการได้ก็พอ
ตอนที่หยู่เหวินเห้าจากไป ท่าทีของทหารรักษาพระองค์นั้นค่อนข้างจะอบอุ่นมาก ไม่เหมือนก่อนหน้านี้หลายวันที่เอาแต่ปั้นหน้าใส่ ตอนที่หยู่เหวินเห้าขึ้นขี่ม้า หนึ่งในทหารรักษาพระองค์ยังเข้ามาช่วยพยุงตรงก้นเอาไว้ ทำเอาหยู่เหวินเห้าตกใจจนมองเขาอย่างตกตะลึง เห็นรอยยิ้มอบอุ่นมีเมตตาบนใบหน้าของเขา หยู่เหวินเห้าก็ห้อตะบึงม้าจากไปทันที
ช่างแปลกประหลาดเกินไปแล้ว
ในจวนเจ้าพระยาจิ้ง ที่จริงก็ไม่ได้สุขสงบนัก
ตั้งแต่เจ้าพระยาจิ้งไม่อยู่ ฮูหยินใหญ่แย่งอำนาจคืนได้สำเร็จ ฮูหยินรองกับนางหลวนและนางหวงก็จับมือเป็นฝ่ายเดียวกัน
ที่จริงนางหวงนั้นอยากจะอยู่ฝ่ายเดียวกันกับแม่สามีตนเอง แต่ก่อนหน้านี้เคยไปหาเรื่องหยวนชิงหลิงจนถูกแม่สามีตำหนิมายกใหญ่ นางรู้สึกว่าให้ไปอยู่ฝ่ายเดียวกันกับแม่สามีก็คงไม่ได้ประโยชน์อะไร ไม่สู้ไปอยู่ฝ่ายเดียวกันกับฮูหยินรองเสียจะดีกว่า อย่างน้อย เจ้าพระยาจิ้งก็ค่อนข้างจะให้ความเคารพฮูหยินรองมาก
เรื่องที่พระชายาเว่ยมาพักฟื้นที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง ว่าด้วยสถานการณ์และเหตุผลแล้วก็ไม่เหมาะสมทั้งสิ้น
บวกกับเรื่องที่ประตูเมือง พระชายาเว่ยก่อเรื่องเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่โตของราชวงศ์ที่ต้องกล่าวโทษ ตอนนี้นางอยู่ที่นี่ ถ้าฮ่องเต้มีคำสั่งลงโทษ เช่นนั้นจวนเจ้าพระยาจิ้งจะไม่ซวยไม่ด้วยหรือ
ฮูหยินรองคิดถึงท่านเจ้าพระยาที่ได้แต่ใช้หลักธรรมขอให้ตระกูลมีแต่ความโชคดีหลีกเลี่ยงความโชคร้าย นั่นก็คือหากมีเรื่องอันตรายใดๆเกิดขึ้นก็ตาม ต้องผลักออกนอกบ้านให้จงได้
ฉะนั้น นางจึงตรงไปหาฮูหยินใหญ่ของตระกูลชุย พูดอย่างไพเราะและตรงไปตรงมาถึงความคิดเห็นของจวนเจ้าพระยาจิ้ง
ทางด้านตระกูลชุยอยากจะนำตัวพระชายาเว่ยกลับมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ว่าพระชายาฉู่บอกว่าอาการบาดเจ็บสาหัสไม่สะดวกต่อการเคลื่อนไหว อีกทั้งหมอหลวงก็พูดเช่นนี้ เพื่อพระชายาเว่ยแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รับกลับมา
ตอนนี้ได้ยินฮูหยินรองพูดเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่เอ่ยอย่างขอความเห็นใจต่อสถานการณ์นี้ “ขอผ่อนผันให้อีกสักวันสองวันได้หรือไม่ รอให้อาการนางดีขึ้นแล้ว พวกเราค่อยไปรับนางกลับมา”
ฮูหยินรองเอ่ยอย่างเสแสร้งว่า “ข้าตัดสินใจเองไม่ได้ คนที่มีอำนาจใจจวนคือฮูหยินใหญ่ ข้าก็แค่มาส่งข่าว เดิมทีนี่ก็ไม่ใช่ความคิดของข้า หวังว่าฮูหยินเฒ่าท่านจะใจกว้างให้อภัยข้าด้วย”
พูดจบ นางก็จากไปทันที
นางกำลังคิดว่า คำสั่งไล่แขกก็พูดแล้ว คนของตระกูลชุยก็คงไม่กล้าบากหน้าไปพบฮูหยินใหญ่แน่
ไหนเลยจะรู้ว่า ฮูหยินใหญ่ของตระกูลชุยที่เป็นห่วงหลานสาวจับใจนั้นเดินทางไปหาฮูหยินใหญ่จริงๆ
พอฮูหยินใหญ่ได้ยินเรื่องราว ก็ปลอบใจแม่เฒ่าของตระกูลชุยก่อน พอแม่เฒ่าจากไปแล้ว ก็สั่งให้คนไปตามฮูหยินรองมา แน่นอนว่าต้องเป็นการด่ากราดไม่ยั้ง ด่าจนฮูหยินรองไร้ความสามารถจะโต้ตอบได้ ได้แต่รีบไปบ้านตระกูลชุยเพื่อขอโทษ บอกว่าตัวนางเองเกรงว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยาก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฮูหยินใหญ่เลย
ทางด้านตระกูลชุยก็พอจะรู้ถึงพฤติกรรมของฮูหยินรองคนนี้ แต่ในเมื่อคนที่มีอำนาจตัดสินใจในจวนเจ้าพระยาจิ้งไม่ไล่ก็พอแล้ว