บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 411
เขาหัวเราะขึ้นมา รอยยิ้มนั้นอึมครึมหมดหวัง ดวงตาฉายแววดั่งหัวใจแตกสลาย หยวนชิงหลิงมองดู ในใจค่อนข้างเจ็บปวด แล้วทุกอย่างก็เริ่มต้นอย่างเจ็บปวดเช่นนี้
คนที่ป่วย ไม่ได้มีเพียงจวิ้นจู่จิ้งเหอ ยังมีเขา
มีความสงสัย หวาดระแวง ภาพลวงตา
คอของเขายื่นออกมาแปบหนึ่ง ราวกับค่อยๆ มุดออกจากกระดองเต่า พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ ข้าคิดได้วิธีที่ดีที่สุดหนึ่งวิธี นั่นก็คือให้ลูกของนางกับท่านชายชิงหยางตายในท้อง ยาถ้วยนั้น ข้าวางยาไปปริมาณค่อนข้างเยอะ ข้าคิดว่า นางอาจจะตาย นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ใช่หรือไม่? นางจะไม่ได้เห็นหน้าท่านชายชิงหยางของนางอีก”
ร่างกายของเขาค่อยๆหดลงอีกครั้ง แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
หยวนชิงหลิงรออยู่ตั้งนาน เขาก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องราวภายหลัง
เหมือนเขาคิดว่า เรื่องราวทั้งหมดเมื่อถึงตรงนี้แล้วทุกอย่างก็จบสิ้น
บางที เรื่องราวภายหลังพวกนั้น แม้แต่เขาเองก็ไม่กล้าเผชิญหน้า ไม่กล้าแตะต้องแล้ว
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “คำพูดพวกนี้ ข้าไม่สามารถไปบอกกับนางได้ ข้าสามารถทำได้เพียงพูดคำว่าขอโทษแทนเจ้าได้ ในเวลาที่เหมาะสม หากเจ้าพูดเสร็จแล้ว ก็กลับไปเถอะ”
ต่อให้มีความลำบากใจแค่ไหน ต่อให้มีเหตุผลมากแค่ไหน สิ่งที่เขาทำก็ล้วนทำให้คนโกรธอย่างมาก ไม่น่าให้อภัย
เขานั่งอยู่สักพัก จากนั้นก็ไม่พูดอะไรสักคำ ลุกขึ้นแล้วก็เดินจากไป
ตอนที่เขาเดินออกไป ลมแรงมาก เสื้อคลุมหลวมตัวนั้นถูกลมพัดจนปลิวขึ้นมา เขาเดินค่อนข้างไม่ตรงโอนเอนไปมา หยวนชิงหลิงมองดู รู้สึกเหมือนเขาจะถูกลมพัดปลิวไปได้ตลอดเวลา
จวิ้นจู่จิ้งเหอถูกรับตัวไปแล้ว แต่นางไม่ยอมอยู่ในจวน นางเรียกร้องที่จะไปสำนักนางชีหมิงเยว่
ตระกูลชุยปฏิเสธ เพราะกู้จือคนนั้นก็ถูกส่งไปยังสำนักนางชีหมิงเยว่แล้ว
หากนางต้องการพักรักษาตัวอย่างสงบ จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่สำนักนางชีหมิงเยว่
แต่นางก็ยืนยันเช่นนี้
ตระกูลชุยไม่รู้จะทำยังไง จึงทำได้เพียงให้คนรับใช้ที่ทำงานดีหลายคน ไปรับใช้นางที่สำนักนางชีหมิงเยว่ ที่สำคัญก็คือเพื่อป้องกันกู้จือคนนั้น
แต่กู้จือไม่ได้อยู่ที่สำนักนางชีหมิงเยว่ หลังจากที่นางถูกส่งไปที่สำนักนางชีหมิงเยว่ วันที่สองก็หลบหนีไปแล้ว ไม่รู้ไปไหน
ไม่มีใครสนใจความเป็นความตายของนาง แต่นางตั้งครรภ์ลูกของอ๋องเว่ย เจ้าสำนักนางชีหมิงเยว่จึงพาคนออกตามหา เมื่อหาไม่เจอ จึงไปแจ้งที่ทำการปกครอง แล้วที่ทำการปกครองก็ไปรายงานไทเฮา
ไทเฮาก็ไม่ได้เสียใจนาน เด็กคนนี้โชคไม่ดี ที่มีแม่แบบนี้ และมีพ่อแบบนี้ คลอดออกมาก็มีแต่จะเป็นทุกข์
สำหรับเรื่องที่จวิ้นจู่จิ้งเหอมาอยู่ที่สำนักนางชีหมิงเยว่ ที่จริงหยวนชิงหลิงก็เห็นด้วย ขอเพียงกู้จือไม่อยู่ที่นั่น
สำนักนางชีหมิงเยว่นางเคยไป ดินแดนพุทธบริสุทธิ์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่ที่ดีในการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ หรือพักรักษาตัว
ชีวิตไม่มีอะไรมากไปกว่าประสบการณ์ อาจเจอเรื่องพลิกผันมากมาย นางหวังว่าเมื่อจวิ้นจู่จิ้งเหอได้สงบจิตใจ แล้วสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขจริงๆ
นางค่อยเข้าใจ ฮ่องเต้แต่งตั้งตำแหน่งนี้เพื่ออะไร
อ๋องเว่ยไปจากเมืองหลวงเมื่อวันหิมะตกแล้ว
นอกจากกู้ซือ ไม่มีใครไปส่ง
กู้ซือคือไม่อาจขัดต่อราชโองการ
เพียงแต่กู้ซือก็ลำบากใจอย่างมาก เพราะเขากับอ๋องเว่ยรู้จักกันมาก็นานมากแล้ว เห็นชีวิตของเขากลายเป็นแบบนี้ ในใจก็ทุกข์อย่างมาก
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้เขาเข้าใจถึงความสำคัญของการทะนุถนอม ควรมีมากกว่าความไว้วางใจ
หลังจากกู้ซือกลับมาถึงจวน ก็มาพูดเรื่องสู่ขออีกครั้ง
เป็นเพราะอารมณ์และความรู้สึกของชีวิตที่เพิ่มเข้ามาด้วยส่วนหนึ่งทุกคนล้วนสนับสนุน จึงได้ให้คนไปสู่ขอ
หลังจากตระกูลกู้มาสู่ขอแล้ว ฮูหยินใหญ่จึงได้สั่งคนไปเชิญเจ้าพระยาจิ้งที่บอกว่าไป “ร่วมงานศพ”กลับมาจากโรงเตี๊ยม
ที่จริงเจ้าพระยาจิ้งสนใจติดตามเรื่องภายในจวนตลอด ถึงแม้จะรู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ต่อมาจวนเจ้าพระยาจิ้งก็มีพระชายาอ๋องเว่ยมา เขาจึงยังกลัวว่าจะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหา จึงยังคงหลบต่อไป ตอนนี้ตระกูลกู้มาสู่ขอ เขาจึงไม่สนใจอะไรแล้ว รีบเก็บข้าวของพาสนมนางโจวกลับมา
หยวนชิงหลิงก็กลับมาอยู่ที่จวนเจ้าพระยาจิ้ง หยวนชิงผิงโผล่เข้ากอดนาง ทั้งเขินทั้งพูดอยู่อย่างไม่เข้าใจ
หยวนชิงหลิงคิดถึงครั้งแรกที่กลับมาบ้าน น้องสาวคนนี้ยังต่อว่านางอยู่อย่างดุดัน ตอนนี้กลับกลายสาวน้อย ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
นางจึงยิ้มพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรไม่เข้าใจ กู้ซือชอบเจ้าแต่แรกแล้ว ส่วนคนเป็นพ่อเป็นแม่ ขอเพียงลูกชอบ ยังไงก็ให้การสนับสนุน”
หยวนชิงผิงหมุนผ้าเช็ดหน้าในมือ พร้อมพูดขึ้นด้วยดวงตาเปล่งประกายว่า “เจ้ามั่นใจหรือว่าเขาชอบข้า?”
“คนเขาไม่ชอบเจ้า แล้วทำไมถึงมาสู่ขอเจ้า อยากได้คนปากจัดอย่างเจ้าหรือ?”หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
หยวนชิงผิงหน้าแดง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”
ทั้งสองพี่น้องพูดคุยกันอยู่สักพัก เจ้าพระยาจิ้งก็เดินมาพร้อมกับเอามือไขว้หลัง เขาไล่หยวนชิงผิงออกไปก่อน นั่งลงแล้วถามหยวนชิงหลิงว่า “ฮ่องเต้เคยพูดเช่นนั้นกับเจ้าจริงหรือ? จะเอาเรื่องตอนที่อยู่จวนเจ้าหญิงจริงหรือ?”
“หากไม่เอาเรื่อง แล้วทำไมข้าต้องกลับมาอยู่บ้านล่ะ?”หยวนชิงหลิงถามกลับ
เจ้าพระยาจิ้งมองดูนาง ค่อยๆขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ท่านอ๋องก็ยังมาหาเจ้าบ่อยๆ”
“ฝ่าบาทเอาเรื่อง ไม่ใช่ท่านอ๋องเอาเรื่อง ข้ายังกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขา เขาจะไม่มาดูข้าได้หรือ?”
เจ้าพระยาจิ้งฟังคำพูดนี้แล้ว ความหวังที่เพิ่งมีอันน้อยนิดดับลง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะโกรธเกลียดนางขึ้นมา
คิดถึงแผนการของตนเอง เขาพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ งั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พ่อได้สั่งฮูหยินรองไปหาหญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์พอๆกับเจ้า หากเจ้าคลอดเป็นลูกผู้ชาย งั้นก็ไม่เป็นไร จวนเจ้าพระยาจิ้งของข้าก็จะไม่เดือดร้อน แต่หากเจ้าคลอดเป็นลูกผู้หญิง ก็ให้สับเปลี่ยน เจ้าก็ไม่ต้องเดือดร้อน ลูกสาวของเจ้าพ่อจะสั่งคนดูแลเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ไม่ว่ายังไง ทุกอย่างให้นึกถึงส่วนรวมเป็นหลัก ห้ามดื้อเอาแต่ใจ ตอนนี้น้องรองของเจ้าก็กำลังจะได้แต่งงานกับตระกูลที่ดี ถึงตอนนั้น ค่อยให้ใต้เท้ากู้ช่วยพูดกับฮ่องเต้ จวนเจ้าพระยาจิ้งของเราก็ยังมีหวังที่จะรักษาความมั่งคั่งในตอนนี้ไว้ได้”
หยวนชิงหลิงฟังคำพูดพวกนี้แล้ว ทั้งน่าโกรธและก็ทั้งน่าขำ
นางไม่โกรธแล้ว เพียงพูดขึ้นอย่างสงบว่า “เสด็จพ่อ ตอนที่ข้าเกิด ในวังจะต้องมีคนมาแน่ และก็มีหมอหลวงเฉาคอยชี้แนะอยู่ข้างนอก ลูกอยากถามท่านว่า ท่านจะตบตาผู้คนได้อย่างไร?”
เจ้าพระยาจิ้งเคยคิดถึงเรื่องนี้แล้ว จึงพูดขึ้นว่า “นางผดุงครรภ์ จะมาอยู่รอก่อน ถึงตอนนั้นพ่อจะจัดการเอง ส่วนทางด้านหมอหลวง พ่อคิดว่าจะให้เงินเขาพันสองตำลึง แต่เรื่องนี้ต้องบอกไว้ก่อน เงินเจ้าต้องเป็นจ่าย พ่อแค่ช่วยออกหน้าไปช่วยพูด”
หยวนชิงหลิงตกตะลึงกับความ “ไร้เดียงสา”ของเขา พร้อมถามขึ้นว่า “ความหมายของท่านก็คือ หมอหลวงจะเห็นแก่เงินพันสองตำลึงของท่าน ยินยอมที่จะแลกด้วยชีวิตของคนทั้งบ้าน แล้วไปช่วยท่านตบตาผู้คนหรือ?”
“ถ้าอยากมั่งคั่ง ก็ต้องเสี่ยงและทำสิ่งที่คนธรรมดาไม่กล้าทำ หมอหลวงเป็นขุนนางราชการขั้นห้า รายรับทั้งปีบวกกันแล้วก็ไม่เกินสองร้อยตำลึง พันสองตำลึงก็ไม่น้อยแล้วนะ หรือเจ้าเห็นว่าควรให้เท่าไหร่?”เจ้าพระยาจิ้งครุ่นคิดตั้งนานกว่าจะคิดวิธีนี้ขึ้นมาได้ ทำไมถึงใช้ไม่ได้ล่ะ? เขาไม่พอใจ
หยวนชิงหลิงมองเขาอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านลาออกจากราชการดีไหม?”
เจ้าพระยาจิ้งถามขึ้นว่า “ลาออกจากราชการ แล้วฮ่องเต้จะให้อภัยพวกเราหรือ?”
“ท่านอ๋องจะช่วยพูดให้”หยวนชิงหลิงคิดว่า เขาจะรับราชการต่อไปอีกไม่ได้แล้ว หลายปีมานี้ เขาผ่านมาได้อย่างไรกันแน่? ทำไมถึงไม่โง่จนตัวตาย?
เจ้าพระยาจิ้งพูดขึ้นอย่างเสียสละว่า “หากลาออกจากราชการแล้วจะทำให้ฮ่องเต้ปล่อยพวกเรา พ่อก็จะไม่ยึดมั่นในตำแหน่งราชการ”
ความจริงแล้ว เขาเองก็ไม่ผ่านการสอบประเมิน
ที่ผ่านมาเมื่อมีการสอบประเมิน เขารู้ว่าใช้วิธีการส่งของใต้โต๊ะ จนทรัพย์สินในบ้านถูกใช้ไปจนหมดถึงสามารถรักษาตำแหน่งราชการไว้ได้จนถึงทุกวันนี้ หลังจากเกิดเรื่องที่จวนเจ้าหญิง ล่วงเกินโสวฝู่ จึงไม่มีใครรับของใต้โต๊ะแล้ว