บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 416
บนใบหน้าของอ๋องฉีมีร่องรอยบาดแผลหลายรอย สีแดงๆเขียวๆทั่วทั้งใบหน้า
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “ใบหน้าของเจ้าถูกแส้ฟาดหรือ?”
สีหน้าอ๋องฉีค่อนข้างไม่สู้ดี พึมพำพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เกี่ยวอะไรกับเจ้า? ห้ามถาม”
หยวนหย่งอี้พูดอธิบายขึ้นว่า “ถูกฟาดมา พาเขาไปพบเจ้าอาวาสวัดฮู่กว๋อ เจ้าอาวาสบอกว่าเขาถูกผีสิง จึงช่วยขับไล่วิญญาณชั่วให้เขา โดยใช่กิ่งหลิวแห้งฟาดเขา”
“อยู่ดีๆ ทำไมถึงไปถามเรื่องพวกนี้ที่วัดฮู่กว๋อ?”หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
หยวนหย่งอี้มองดูอ๋องฉีแว็บหนึ่ง แล้วก็คิดถึงอาการป่วยของเขาที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ จึงหัวเราะเพราะพูดขึ้นว่า “ไม่สมปรารถนาจึงไปถามไถ่”
อ๋องฉีกลัวว่านางจะพูดไปเรื่อย จึงลุกขึ้นดึงหยู่เหวินเห้าออกไปพูดคุยกัน
หยวนหย่งอี้ถามหยวนชิงหลิงอย่างดีใจว่า “ข้าได้ยินมาว่าในท้องพี่หยวนเป็นแฝดสาม ดีจริงๆ”
หยวนชิงหลิงยิ้มมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “อาการป่วยของอ๋องฉีดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง?”
หยวนหย่งอี้ส่ายหัว พร้อมพูดว่า “ไม่รู้ เขาก็ไม่ให้ใครตรวจ ข้ากลับไปหาท่านย่าเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ ท่านย่าพูดว่าหากหมอไม่สามารถรักษาได้ ก็ให้ไปวัดฮู่กว๋อไปเจ้าอาวาสช่วยขับไล่ผี นี่ไง จึงพาเขาไปแล้วไง?”
“เจ้าอาวาสพูดว่าอย่างไร?”
“ไม่ใช่ไม่เป็นไร บอกว่าถูกรุมเร้าด้วยความชั่วร้าย”
หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา งั้นก็เท่ากับว่าไม่เป็นไร
ยังไงก็ทำวิจัยด้านวิทยาศาสตร์มา เรียนรู้การไล่ผีอีก นับว่ามีความสามารถ
เพียงแต่ อ๋องฉีอยู่ดีๆแล้วจะแกล้งป่วยทำไม? ยังหลอกให้หยวนหย่งอี้เป็นห่วงเขาขนาดนี้
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ภายในห้องสักพัก ก็ได้ยินหมันเอ๋อเข้ามาบอกว่า พระชายาจี้ส่งคนมาเชิญพระชายาไปที่จวน
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เรียกข้าไปหา?”
“ใช่เพคะ” หมันเอ๋อเรียกเพ่ยเอ๋อสาวใช้พระชายาจี้เข้ามา พร้อมพูดขึ้นว่า “เพ่ยเอ๋อเป็นคนมาเชิญ”
เพ่ยเอ๋อเข้ามาทำความเคารพ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาอ๋องฉู่ พระชายาของข้าขอเรียนเชิญท่านต้องไปที่จวนอ๋องจี้ ในจวนเกิดเรื่องสำคัญ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
กับพระชายาจี้ถือว่าไม่ได้สนิทสนมกัน ก่อนหน้านี้ที่เข้าใจกันผิดก็ยังไม่ได้คลี่คลาย แต่ก็รู้ว่าคนอย่างนาง หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องสำคัญ จะไม่มีทางมาเชิญนางไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
เพ่ยเอ๋อเดินเข้ามาพูดขึ้นว่า “พระชายาพูดเพียงว่าจะต้องเชิญท่านไปให้ได้ มีบางเรื่องจำเป็นต้องให้ท่านไปจัดการด้วยตนเอง”
“ข้าไปจัดการเรื่องภายในจวนอ๋องจี้หรือ?”หยวนชิงหลิงคาดไม่ถึง
“เกิดเรื่องอะไรกันแน่?” หยวนหย่งอี้ถาม เห็นนางอ้ำๆอึ้งๆ จึงทำสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมพูดขึ้นว่า “พูด”
เพ่ยเอ๋อค่อยเข้าก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ชายารองฉู่พบว่าภายในพระอุโบสถของพระชายามีหุ่นคนตัวเล็กซ่อนไว้ บนตัวคนตัวเล็กนั่นเต็มไปด้วยเข็ม เขียนชื่อของท่านพระชายาอ๋องฉู่กับเวลาวันเดือนปีเกิดของท่าน ตอนนี้เรื่องรู้ไปถึงอ๋องจี้ อ๋องจี้พูดว่าจะส่งพระชายาจี้ไปรับโทษภายในวัง”
หยวนหย่งอี้พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “นี้เป็นคาถาโบราณ ใช้คาถาสาปแช่งหรืออธิษฐานเพื่อปราบคน สิ่งของ หรือสัตว์ประหลาด ใครกันช่างกล้าไม่คิดถึงชีวิตได้ถึงขนาดนี้? นี่เป็นการสาปแช่ง”
แม่นมสี่ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเช่นนี้ ก็รีบเข้ามาพูดขึ้นด้วยสีหน้าโมโหว่า “พระชายาจี้เป็นคนทำหรือ?เจ้าแม่กวนอิมที่นางส่งมาแต่เดิมก็คือคำสาป ตอนนี้พระชายามีบุญคุณต่อนาง นางจะตอบแทนบุญคุณด้วยความแค้นหรือ?”
เพ่ยเอ๋อตกใจจนคุกเข่าลง พร้อมร้องไห้พูดขึ้นว่า “พระชายาไม่มีทางกระทำเช่นนี้อีกเด็ดขาด”
หยวนหย่งอี้ขมวดคิ้วถลึงตา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ ไม่ทำเช่นนี้แน่? แล้วทำไมถึงค้นพบในพระอุโบสถของนาง? ตอนนี้อ๋องจี้จะส่งตัวนางเข้าไปในวัง นางเห็นว่าพี่หยวนเป็นคนมีเมตตา จึงใช้เจ้ามาเชิญพี่หยวนไปช่วยพูดให้กับนาง พูดว่าให้อภัยนางนางจะได้ไม่ต้องรับโทษใช่หรือไม่? อย่าแม้แต่จะคิด นางโหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ ควรที่จะถูกจับตัวส่งไปรับโทษในวัง”
เพ่ยเอ๋อร้องไห้พร้อมทั้งพูดอธิบายว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆ ชายารองหยวน พระชายาถูกใส่ร้าย”
“ไปเชิญท่านอ๋องมา” หยวนหย่งอี้ออกคำสั่ง
หมันเอ๋อจึงรีบไปตามหยู่เหวินเห้าทันที
หยู่เหวินเห้าได้ฟังเรื่องนี้แล้ว ก็รีบเร่งมาพร้อมกับอ๋องฉี
สีหน้าหยู่เหวินเห้าดำสนิท
ก่อนหน้านี้เพราะเขาถูกโบยตี ทังหยางจึงได้ไปถามพระอาจารย์ ช่วงนี้จวนอ๋องฉู่มีสิ่งสีดำปกคลุมจริงๆ บอกว่าให้ระวัง เพราะฉะนั้นในใจของเขาจึงค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก
ตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีหุ่นคนตัวเล็กถูกฝังเต็มไปด้วยเข็ม กลอุบายที่โหดเหี้ยมอำมหิตขนาดนี้ เจ้าฟุ้งมาที่เจ้าหยวนที่กำลังตั้งครรภ์ เขายังจะทนต่อไปได้อีกอย่างไร
แต่เขาก็ไม่ได้เสียสติไปทั้งหมด เพียงพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “ในเมื่อมาเชิญ งั้นเราก็ไปกัน หุ่นคนตัวเล็กนั้นไม่ว่าใครเป็นคนทำ วันนี้ยังไงก็ต้องหาตัวออกมาให้ได้”
หยวนชิงหลิงกลับเชื่อมั่นในตัวพระชายาจี้
ใช่ว่าพระชายาจี้จะเป็นคนดีอะไร หรือตอนนี้นางกำลังป่วยอยู่ต้องการให้นางช่วยรักษา
ส่วนพระชายาจี้หากในพระอุโบสถซ่อนสิ่งของต้องห้ามอะไรเช่นนี้ไว้จริงๆ ฉู่หมิงหยางไม่มีทางเข้าไปค้นหาได้
นี่เป็นแผนการหนึ่ง
แผนการนี้ ทำให้พระชายาจี้ถลำตัวเข้าไปอย่างไม่ทันป้องกันตัวเช่นนี้ คงไม่ใช่ฝีมือฉู่หมิงหยางเพียงคนเดียวแน่
อ๋องจี้ที่พูดว่าจะจับตัวพระชายาจี้ส่งเข้าวังนั้น จะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือเปล่า?
หากใช่ เพื่อยกฐานะของฉู่หมิงหยาง เขาลงทุนอย่างมากจริงๆ
อ๋องฉีสองสามีภรรยาก็ตามพวกเขาไปด้วย แม่นมสี่ก็ไปด้วย ตลอดทางนางโกรธและโมโหอย่างมาก
มาถึงจวนอ๋องจี้ ประตูใหญ่ปิดสนิท แสดงว่าเพ่ยเอ๋อแอบหนีออกไปตามหยวนชิงหลิง
หยู่เหวินเห้าเปิดประตู แล้วก็บุกเข้าไปโดยตรง
ทุกคนล้วนอยู่ภายในห้องโถง อ๋องจี้นั่งอยู่บนที่นั่งประมุขด้วยสีหน้าโกรธจัด เห็นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง ท่าทีเขาอึ้งเล็กน้อย กวาดสายตามองไปยังพระชายาจี้ที่นั่งอยู่สงบด้านข้างอย่างเยือกเย็น แล้วก็ลุกขึ้นยืน ถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าห้า พี่ใหญ่ขออภัยเจ้าด้วย พี่สะใภ้ของเจ้ากระทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ เจ้าวางใจ พี่ใหญ่จะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าแน่ จะไม่ปล่อยหญิงสารเลวคนนี้ง่ายๆแน่”
หยู่เหวินเห้ามองดูหุ่นตัวเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ
หุ่นตัวเล็กทำจากผ้า สวมชุดสีขาว เสื้อผ้าชุดนี้คุ้นตามาก ยิ่งคุ้นตาก็คือใบหน้าของทรงผม ดูดีๆแล้วก็คือหยวนชิงหลิงในแบบตัวจิ๋ว
หุ่นคนตัวเล็กนั่นถูกแทงด้วยเข็มเงินไปทั้งตัว ข้างหลังแบกสิ่งของที่ทำมาจากผ้า เขียนชื่อกับวันเดือนปีเกิดของหยวนชิงหลิง
และที่ทำให้เขาโกรธกราดเกรี้ยวที่สุดก็คือ หุ่นคนตัวเล็กนั่นก็เป็นคนท้อง บนท้องนั่นก็แทงเต็มไปด้วยเข็ม และล้วนปักจมเข้าไปในหุ่นคนตัวเล็ก เหลือเพียงหัวเข็ม
หยู่เหวินเห้าโกรธจนเลือดขึ้นหน้า มองดูอ๋องจี้ กัดฟันพร้อมถามขึ้นว่า “พี่สะใภ้ทำหรือ?”
อ๋องจี้พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ผู้หญิงเลวทรามต่ำช้าคนนี้แหละที่ทำ”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆหันหน้าไปมองพระชายาจี้ พระชายาจี้สวมชุดผ้าฝ้ายสีฟ้า มือวางไว้บนแขนอย่างสงบ สีหน้าค่อนข้างขาวซีด ท่าทีน่าสงสารมาก
นางมองดูหยู่เหวินเห้า แล้วก็หันไปมองหยวนชิงหลิง สุดท้ายก็มองไปยังมอง หยุดอยู่ตรงใบหน้าฉู่หมิงหยาง ค่อยๆส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ใช่คนทำ”
ฉู่หมิงหยางลุกขึ้นมาในทันใด หัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “โย้? เมื่อกี้ถามเจ้าตั้งสามสี่รอบ ว่าเจ้าเป็นคนทำหรือไม่ เจ้าไม่พูดอะไรสักคำ เท่ากับเป็นการยอมรับ ตอนนี้เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม เจ้าจะไม่ยอมรับหรือ?”
วันนี้ฉู่หมิงหยางสวมชุดกระโปรงสีแดง สวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีขาว ในมือถือเตาอังมือไว้หนึ่งอัน แลดูสง่างามและสูงส่งอย่างบอกไม่ถูก หากไม่พูด ยังจะคิดว่านางต่างหากที่พระชายาเอกของอ๋องจี้
หันกลับมามองพระชายาจี้ ดูโทรมและย่ำแย่
แต่พระชายาจี้ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา มุมปากค่อยๆยักได้รูป พร้อมพูดขึ้นว่า “เพราะไม่มีคนของข้า ข้าปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าพูดถูก เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนร้ายก็ต้องชดใช้กรรม ตอนนี้พวกเขาต่างก็มาแล้ว งั้นเรื่องนี้ก็พูดได้เลย”
พระชายาจี้กลายเปลี่ยนเป็นมีสติ ไม่ดูอ่อนแอ ถูกโจมตีได้ง่ายๆเหมือนเมื่อตอนพวกหยวนชิงหลิงเพิ่งเข้ามา