บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 420
หยู่เหวินเห้าฟังคำพูดนี้แล้ว ก็หัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ให้พี่ใหญ่ยอมสารภาพ ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ต้องให้น้องชายออกไปต่อสู้เป็นรอบ ในเมื่อพี่ใหญ่ยอมรับ งั้นก็ดี ก่อนหน้านี้ที่เจ้าบอกว่าจะให้ความยุติธรรมแก่ข้า ตอนนี้ขอถามว่าพี่ใหญ่ให้ความยุติธรรมแก่ข้ายังไง?” เขาโกรธจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว อดกลั้นอดทนไว้แล้วคุยกับเขา ไม่ได้เพียงเพื่ออยากได้ความยุติธรรมเพียงเท่านั้น
อ๋องจี้โบกมือ เรียกทหารจวนมา แล้วสั่งให้ขอโทษหยู่เหวินเห้า
ทหารจวนรีบวิ่งมา คุกเข่าขออภัย
หยู่เหวินเห้าดึงมือหยวนชิงหลิงนั่งลง พูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชาว่า “พี่ใหญ่ อย่างอื่นข้าไม่สน ความยุติธรรมของเจ้าหากเพียงแค่ให้พวกเขาคุกเข่าขออภัย งั้นก็ไม่จำเป็น”
วันนี้อ๋องจี้ตกอยู่ในมือของเขา เกลียดจนกัดฟันกัดกราม แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จึงพูดขึ้นว่า “งานเจ้าอยากทำอย่างไร? อยากเดือดร้อนไปถึงแสดงพ่อหรือ?”
หยู่เหวินเห้ามองดูเขาอย่างเย็นชาพร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จพ่อเกลียดชังเรื่องเช่นนี้มาก ข้าไม่อยากทำให้ท่านไม่สบายใจ”
“งั้นเจ้าอยากทำเช่นไร?” แววตาอ๋องจี้แลดูโล่งอก ขอเพียงไม่เดือดร้อนไปถึงเสด็จพ่อ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น
หยู่เหวินเห้าเหมือนคิดไว้ก่อนแล้ว เขาพูดขึ้นว่า “หนึ่งแสนตำลึง ข้าจะเอามาทำบุญให้กับเจ้าหยวน เพื่อลบล้างคำสาปแช่งนี้ของเจ้า”
อ๋องจี้โกรธจัด พูดขึ้นด้วยเสียหน้าเขียวปัดว่า “หนึ่งแสนตำลึง? เจ้าทำไมไม่ไปปล้นเอา?”
หยู่เหวินเห้าเม้นริมฝีปากหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นอย่างประชดประชันว่า “จวนอ๋องจี้ที่ใหญ่โต เพียงแค่หนึ่งแสนตำลึงก็ไม่มีหรือ?”
พระชายาจี้ที่ฟังอยู่ด้านข้าง ค่อยๆนั่งลง
หนึ่งแสนตำลึง เขาไม่มี นอกจากฉู่หมิงหยางให้
แต่ฉู่หมิงหยางจะสามารถให้ได้หนึ่งแสนตำลึงหรือ?
นั่นเป็นสินสอดทั้งหมดของนางนะ รวมถึงเครื่องประดับด้วย
หลานสาวโสวฝู่แต่งงาน ถึงแม้จะไม่มีขบวนสินสอดยาวสิบลี้ แต่สินสอดหนึ่งแสนตำลึงเป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วแล้ว คนอื่นต่างก็รู้กัน เจ้าห้าโหดจริงๆ
“หากไม่สามารถให้ได้ งั้นพี่ชายก็อย่าโทษที่ข้าจะนำตุ๊กตานี้ไปยังที่ว่าราชการ พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้” หยู่เหวินเห้าพูดขู่
แววตาอ๋องจี้เยือกเย็น อยากที่จะฆ่าเขาให้ตายเสียในทันที
“ตอนนี้ข้าไม่มี” อ๋องจี้อดกลั้นความโมโหที่อัดแน่นเต็มอก พร้อมพูดขึ้นว่า “อีกสองสามวันเจ้าค่อยมา”
“อีกสามวันข้าจะมาเอา” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “พี่ใหญ่อย่าคิดบิดเบี้ยว ที่มาของตุ๊กตานี้ถ้าอยากสืบไม่ใช่เรื่องยาก หากทำให้ข้าโกรธ เจ้าจะเสียใจจริงๆ”
พูดเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น จูงมือหยวนชิงหลิงแล้วก็เดินออกไป
หยวนชิงหลิงหันไปมองดูพระชายาจี้แว็บหนึ่ง พระชายาจี้ก็มองดูนาง แววตาซับซ้อน นางส่ายหัวให้กับหยวนชิงหลิง เป็นการตอบหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงอยากถามนางว่ามีอันตรายหรือไม่
ขณะนี้นางจะไม่มีอันตราย สิ่งที่เจ้าห้าขอ ในขณะเดียวกันก็ถือเป็นเส้นทางหนึ่งให้นางได้ถอย ให้นางได้มีเวลาเตรียมพร้อม
อ๋องฉีกับหยวนหย่งอี้ก็เดินออกไป รอจนเมื่อทุกคนไปแล้ว ฉู่หมิงหยางก็ยังไม่กล้าออกมา
รอเมื่อไม่เห็นเงาของทุกคนแล้ว นางค่อยให้สาวใช้ประคองเดินออกมา
ใบหน้าของนางบวมอย่างค่อนข้างรุนแรง ผิวตรงโหนกแก้มแตกเป็นแผล หน้าผากบวมเป็นลูกซาลาเปาสองลูก อยู่ตรงปลายคิ้วสองข้างพอดี จึงดูเหมือนมีเขางอกออกมาสองข้าง
ไม่ค่อยได้ร้องไห้ แต่เมื่อเห็นอ๋องจี้ กลับร้องไห้อย่างน่าสงสาร
อ๋องจี้ไม่สนใจคนใช้กับทหารจวนด้านนอก กอดนางไว้แล้วก็พูดปลอบ รู้สึกสงสาร โกรธเคือง และไม่รู้จะทำอย่างไร
เขาเช็ดน้ำตาฉู่หมิงหยางให้แห้ง นิ้วมือสัมผัสบาดแผลบนใบหน้า พูดขึ้นอย่างห่วงใยว่า “เจ็บไหม?”
ฉู่หมิงหยางร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ็บมาก บาดแผลของข้าจะทิ้งรอยแผลเป็นไหม? ท่านอ๋อง ท่านจะต้องแก้แค้นให้กับข้า”
แววตาอ๋องจี้เยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าวางใจ ความแค้นนี้ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะต้องเอาคืนให้กับเจ้า”
เขาหันหน้าไป จ้องมองดูใบหน้าเย็นชาของพระชายาจี้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงโกรธจัดว่า “หญิงชั่ว เพราะเจ้าคนเดียว”
พระชายาจี้เม้นริมฝีปากหัวเราะ แววตาฉายแววเยาะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง อยากหย่ากับข้าพูดมาตรงๆก็ได้ ใช้วิธีแบบนี้ ไม่กลัวเสียชื่อเสียงของเจ้าหรือ? เรื่องมาถึงขนาดนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องมาทำเป็นสงบต่อกัน วันนี้หากเจ้าแตะต้องข้าแม้เพียงปลายผม ข้าจะไม่ยอมเด็ดขาด เมื่อกี้ข้าได้สั่งให้เพ่ยเอ๋อไปส่งจดหมายให้กับพี่ใหญ่แล้ว หากเกิดอะไรขึ้นกับข้า หรือถูกดุด่าในจวนอ๋องจี้ หลักฐานทุกอย่างในมือของข้าทั้งหมดก็จะส่งต่อให้กับเขา ให้เขาเอาไปบีบบังคับคนพวกนั้นแล้วเป็นศัตรูกับเจ้า ยังมี หนึ่งแสนตำลึงนั่น ดีที่สุดคือให้เจ้ามีความสามารถที่จะหามาได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากข้า ไม่เช่นนั้น ก่อนที่เจ้าจะทำอะไรขอให้เจ้าคิดไตร่ตรองให้ดี”
พูดเสร็จ ไม่รอให้เขาตอบ นางก็เดินออกไปอย่างเย็นชา
อ๋องจี้โกรธจนถีบโต๊ะกระเด็น จนพวกคนใช้ตกใจหลบไปด้านนอก
ฉู่หมิงหยางอยู่ด้านในจึงได้ยินสิ่งที่หยู่เหวินเห้าต้องการ แต่นางคิดว่า จวนอ๋องจี้ที่ใหญ่โตขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะไม่มีเงินหนึ่งแสนตำลึง
นางไม่พอใจการรีดไถของหยู่เหวินเห้า ยิ่งไม่พอใจกับความหยิ่งผยองของพระชายาจี้
จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงค่อนข้างไม่พอใจว่า “ท่านอ๋อง เรื่องนี้ทำไมท่านไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนแล้วค่อยทำ?”
นางก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเดือดร้อนจนใหญ่โตขนาดนี้ หาดจะเดือดร้อนไปถึงทางด้านหยู่เหวินเห้า นางคิดว่าแผนการนี้ก็ไม่ควรที่จะด่วนสรุปแบบนี้
ถึงฉู่หมิงหยางจะไม่ได้คิดลึกซึ้งได้อย่างฉู่หมิงชุ่ย แต่ก็ไม่ใช่คนไม่มีสมอง
จากแผนการในครั้งนี้ นางค่อนข้างผิดหวังในตัวอ๋องจี้
ช่วงเวลานี้ อ๋องจี้รักใคร่เอ็นดูนาง และยังเป็นการรักใคร่นางด้วยวิธีที่ค่อนข้างมีอิทธิพลเอาแต่ใจ นางจึงเห็นว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่รอบคอบ ตอนที่แผนการนี้เริ่มต้นขึ้น นางคิดว่าเขาจะมีแผนสำรอง
ที่ไหนได้ เขาเพียงแค่วางแผนไว้เพียงเท่านี้ ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาภายหลังเลย
อ๋องจี้ค่อยๆสงบสติ หันไปมองเห็นแววตาผิดหวังของฉู่หมิงหยาง เขาถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าวู่วามไปแล้วจริงๆ ข้าเพียงร้อนใจที่จะหย่ากับนาง จะยกเจ้าเป็นชายาเอก”
เขาหันมาค่อยๆโอบกอดนางแนบอก ถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารอคอยไม่ไหวแล้ว ไม่อยากให้เจ้าต้องทนลำบาก ข้าอยากที่จะให้เจ้าเป็นชายาเอกของข้า สามารถจูงมือกับข้าเข้าไปในวัง หยางเอ๋อ ทำไมเจ้าถึงทำให้ข้ากระวนกระวาย ขาดสติไปแล้วทั้งหมด? ทำไมเจ้าถึงได้มีเสน่ห์ขนาดนั้น? ค่าควรที่จะทำอย่างไรกับเจ้า?”
คาวมผิดหวังที่ก่อเกิดในใจฉู่หมิงหยางถูกกดทับลงไป แนบชิดหน้าอกของเขาไว้อย่างว่าง่าย ใบหน้าที่บวมอมยิ้มอย่างอ่อนหวาน พร้อมพูดขึ้นว่า “จริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน ไม่เช่นนั้นข้าจะวู่วามขนาดนี้ได้อย่างไร?”อ๋องจี้พูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนหวาน ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะเปิดปากขอเงินจากนางได้อย่างไร
ตลอดระหว่างเดินทางกลับหยู่เหวินเห้าล้วนเพียงแค่จับมือหยวนชิงหลิงไว้ ไม่พูดไม่จา
เขาชนะอ๋องจี้แล้วหรือ? ไม่เลยสักนิด
หนึ่งแสนตำลึงอ๋องจี้ไม่บิดเบี้ยวแน่ ต่อให้ต้องปล้นมาเขาก็จะปล้นมาได้จนครบหนึ่งแสนตำลึง
แต่ตุ๊กตาที่เจตนาชั่วร้ายนั่น เหมือนเป็นหนามตำตา ทิ่มแทงอยู่ในหัวใจของเขา ทิ่มแทงประจักษ์อยู่ภายในดวงตาเขา
ความโกรธที่มีอยู่ภายในใจ ตอนนี้ก็ยังไม่ลดน้อยลง
วินาทีที่เห็นตุ๊กตานั่น เขาแทบอยากที่จะฆ่าอ๋องจี้ด้วยซ้ำ
เขารู้ดีแก่ใจ คนพวกนี้ ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเจ้าหยวนคลอด ยังไงก็จะไม่ปล่อยนางกับพวกลูกๆแน่
ช่วงนี้เสด็จพ่อข่มเขาไว้อยู่ตลอด หวังอยากให้เขาอดทนซุ่มซ่อน หวังอยากให้เขาเป็นคมในฝัก ซ่อนเร้นความสามารถ
แต่เขากลับตามใจเข้าข้างพี่ใหญ่มาตลอด
“เจ้าหยวน” เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เราจะพึ่งพาเสด็จปู่ หรือเสด็จพ่อตลอดไปไม่ได้แล้ว เสด็จพ่อคิดเห็นอย่างไร เกรงว่าตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจ เขายังคงปกป้องพี่ใหญ่ เขากำลังจับตามองอยู่ตลอด หากสุดท้ายพี่ใหญ่คือคนที่เขาเลือก เขาคงจะกำจัดพวกเราทิ้ง เพื่อพี่ใหญ่อย่างไม่ลังเล”