บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 437
มือทั้งคู่ของหยวนชิงหลิงจับไม้ปราบอยู่ในกระเป๋าเสื้อ เมื่อรถม้าเคลื่อนไหวไปแล้ว นางกรี๊ดตะโกนอยู่ข้างในก็ไม่มีประโยชน์
การกรีดร้องไม่เคยใช้เป็นอาวุธได้
“ท่านอ๋องคิดที่จะจับข้าเป็นตัวประกันหรือ?” หยวนชิงหลิงถามขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา
อ๋องอานหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าระมัดระวังขนาดนี้ทำไม? ข้าไม่คิดที่จะกินเจ้าเสียหน่อย แค่ส่งเจ้ากลับจวนเท่านั้นเอง”
ประโยคที่พูดว่าไม่คิดที่จะกินเจ้าเสียงหน่อย ทำให้หยวนชิงหลิง คิดถึงท่าทีที่เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาดมด้วยมือที่น่าขยะแขยง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกคนพองไปทั้งตัว
นางขยับไปด้านข้าง รักษาระยะห่างระหว่างเขา แต่ภายในรถม้าไม่ได้กว้างขวาง เขาเองก็ตัวสูงใหญ่ ไม่ว่าจะหลบไปทางไหน รูปร่างที่สูงของเขา กลายเป็นความกดดันจนทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก
หยวนชิงหลิงอดกลั้นความขยะแขยงไว้ แล้วพูดขึ้นว่า “งั้นข้าต้องขอบคุณท่านอ๋องใช่ไหม?”
อ๋องอานขยับไปด้านข้างนาง กลิ่นไม้กฤษณา กระหน่ำโจมตีใส่นาง เดิมกลิ่นไม้กฤษณาหอมน่าดมมาก แต่ตอนนี้หยวนชิงหลิงรู้สึกอยากอ้วกเท่านั้น ไม่อยากได้กลิ่นนี้อีกไปตลอดชีวิต
“ได้ยินมาว่า” เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น จ้องมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นด้วยแววตาป่าเถื่อนและชั่วร้ายว่า “เจ้าตั้งครรภ์แฝดสาม เจ้าว่าทำไมเจ้าถึงได้มีบุญขนาดนั้นล่ะ?”
เขายังจะยื่นมือไปสัมผัสท้องของหยวนชิงหลิง
มือข้างหนึ่งของหยวนชิงหลิงเอาไม้ปราบออกมาจ่อตรงหน้าอกของเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าอย่าเข้ามา”
อ๋องอานก้มหัวมองดูไม้ปราบ อมยิ้มที่มุมปากพร้อมพูดขึ้นว่า “นี่คือไม้ปราบที่ไท่ซ่างหวงประทานให้เจ้าหรือ? ได้เห็นว่าสามารถตีฮ่องเต้ไม่เอาไหน และขุนนางโลภมาก และเคยได้ยินว่าเจ้าเคยใช้ไม้ปราบนี่ตีเจ้าสาม ตีได้สะใจไหม?”
เขาใช้มือข้างเดียวแย่งไป จับไว้ในมือ พิจารณามองดูอย่างตั้งใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฝีมือของเสด็จปู่ช่างดีจริงๆ ทุกจุดล้วนแกะสลักไว้ได้อย่างประณีตละเอียดอ่อน เสด็จปู่ช่างรักและเอ็นดูเจ้ามากจริงๆ เจ้ารู้ไหม เป็นเพราะเจ้า ไม่ได้เรื่องอย่างเจ้าห้า กลับได้ดิบได้ดีขึ้นมา”
เขายิ้มหวานมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดอยากที่จะใช้ไม้ปราบนี่ตีข้าหรือ?”
เขาขยับเข้ามาใกล้ หน้าอกแทบจะกดทับท้องของหยวนชิงหลิง เขาหัวเราะ หางตายังคงเผยให้เห็นลวดลายดอกท้อ เหมือนพัดที่มีรอยพับบางๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “เสียดายที่เจ้าตีไม่โดนข้า ตอนนี้เจ้าตกอยู่ในมือของข้า หากข้ามีมีดสั้น กรีดผ่านบนท้องของเจ้าแบบนี้ แล้วก็แบบนี้…..”
เขาพูดไปด้วย แสดงท่าทีไปด้วย นิ้วมือนั้นเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าหยวนชิงหลิง อย่างอ่อนโยน แต่กลับแสดงท่าทีที่โหดเหี้ยมออกมา
ดวงตาของเขาจ้องมองหยวนชิงหลิงตลอด อยากที่จะเห็นภาพหวาดกลัวตื่นตระหนกภายในดวงตาของนาง เขาก็พอใจแล้ว เขามองเห็นท่าทีประหลาดใจของหยวนชิงหลิง ร่างกายสั่นเทาเล็กน้อย แม้แต่ริมฝีปากก็ตกใจจนขาวซีด
“ลูกของเจ้า ข้าจะล้วงออกมา” เขาพูดต่อไป พร้อมกับดวงตากระหายเลือดและตื่นเต้นว่า “เจ้าว่า ควรจะจัดการอย่างไร? ทารกน้อยที่เต็มไปด้วยเลือด ยังไม่รู้จักลืมตาขึ้น ตกอยู่ในมือของข้า เจ้าว่าข้าจะจัดการอย่างไร?”
เขามองเห็นความหวาดกลัวภายในดวงตาหยวนชิงหลิงที่เพิ่มมากขึ้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ทันใดนั้น เขาเห็นดวงตาที่ตื่นตระหนกเหล่านั้นสงบลง กลายเปลี่ยนเป็นความแน่วแน่เย็นชา มือของนางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มีบางอย่างพุ่งมาที่เขา
เขาหลบไม่ทัน ความจริงแล้วก็ไม่มีที่หลบ เพราะใบหน้าของเขาลอยอยู่ตรงหน้าหยวนชิงหลิง
เขาเห็นเพียงมีขวดหนึ่งเคลื่อนไหวแปบหนึ่ง ดวงตาก็เจ็บแสบขึ้นมาทันที มีสิ่งของบางอย่างหลุดเข้าไปในจมูก เขาจามติดต่อกัน แทบที่จะหยุดไม่ได้
หยวนชิงหลิงกระทำสิ่งหนึ่ง ที่ตอนนี้ถือว่ายากที่สุดสำหรับนาง
ยกขากระทืบตรงระหว่างขาของเขา ภายใต้เสียงร้องเจ็บปวดอย่างแปลกประหลาด แย่งไม้ปราบกลับคืนมา เปิดม่านออก พูดกับคนขับรถม้าด้วยเสียงดังว่า “หยุดรถ ท่านอ๋องของเจ้าใกล้ตายแล้ว”
คนขับรถม้าได้ยินเสียงอ๋องอานร้องอย่างเจ็บปวด จึงรีบจอดรถม้า หยวนชิงหลิงใช้ขวดน้ำพริกพ่นใส่อ๋องอานอีกครั้ง แล้วก็เปิดม่านเดินออกไป หันกลับมาแย่งไม้ปราบคืน แล้วก็ตีบนหัวอ๋องอานอย่างแรง อ๋องอานแทบลืมตาไม่ขึ้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธโมโหกลับยังคงจามไม่หยุด
นางพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “เมื่อกี้เจ้าถามว่าข้าตีอ๋องเว่ยสะใจไหม ข้าลืมตอบแล้ว สะใจมาก แต่ไม่สะใจเท่าข้าได้ตีเจ้าเช่นนี้”
คนขับรถม้าเห็นอ๋องอานถูกตี แววตาฉายแววโมโห หยวนชิงหลิงกลับโดดลงไปแล้ว เหยียบลงพื้นอย่างมั่นคง ไม่ได้ล้มลง แล้วก็หันกลับมาตีก้นของม้า พร้อมตะโกนขึ้นว่า “ไปเลย”
ม้าเจ็บปวด ดึงรถม้าแล้วก็วิ่งไปทันที
ด้านหลัง องครักษ์วิ่งตามมา มองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนกว่า “พระชายา ทำไมหรือ? ทำไมหรือ?”
หยวนชิงหลิงอุ้มท้องไว้ แล้วก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว ฟันก็กระทบกันขึ้นมา
ฤดูหนาวบนท้องถนน ลมหนาวพัดผ่าน หยวนชิงหลิงกลับมีสีหน้าขาวซีด เหงื่อไหลออกมามากมาย
นางค่อยๆพิงประตูร้านข้างถนน ค่อยๆนั่งลง หายใจคำใหญ่คำโต
ตอนที่แม่นมสี่ตามมาถึง นางดึงมือแม่นม แล้วก็ใช้แรงจับไว้แน่นพร้อมพูดขึ้นว่า “กลับบ้าน เรากลับบ้าน”
แม่นมสี่เห็นนางเช่นนี้ ก็ตกใจอย่างมาก แต่ก็ไม่ถามอะไร ประคองนางขึ้นไปบนรถม้าของพระชายาจี้
ตอนที่แม่นมสี่ประคองหมันเอ๋อออกมา มองเห็นรถม้าของอ๋องอานไปแล้ว พระชายาจี้ได้ยินนางพูด จึงรีบเรียกรถม้าของตนมาแล้วก็ตามไป
พระชายาจี้อยู่ในรถม้า เห็นหยวนชิงหลิงขึ้นมา นางรีบเอามือปิดปากแล้วก็หันนี้
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างหมดแรงว่า “ไม่ต้องปิดปากแล้ว ตอนนี้อาการป่วยของเจ้าไม่แพร่เชื้ออีกต่อไปแล้ว”
รถม้าไม่ใหญ่ แม่นมสี่ไม่สามารถเข้าไปนั่งด้วยได้ จึงให้พวกนางกลับไปที่จวนก่อน แม่นมสี่กับหมันเอ๋อคิดหาทางกลับเอง
พระชายาจี้เห็นสีหน้าของนางขาวซีด จึงถามขึ้นว่า “อ๋องอานทำอะไรเจ้าหรือเปล่า?”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง แล้วก็คิดถึงเมื่อวานพระชายาจี้มองดูเงาหลังของอ๋องอาน แววตานั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น จึงถามขึ้นว่า “อ๋องอานเป็นคนยังไง? ในสายตาเจ้า”
“ปีศาจ ปีศาจชั่ว” พระชายาจี้พูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
หยวนชิงหลิงคิดถึงอ๋องอาน ตอนที่แสดงท่าทีพูดว่าจะล้วงลูกของนางออกมา แล้วก็ตัวสั่นพร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่ เขาเป็นปีศาจชั่ว”
“เขาทำอะไรเจ้าหรือเปล่า?” พระชายาจี้ถามขึ้นว่า “เขาไม่ได้ทำร้ายเจ้าใช่ไหม?”
หยวนชิงหลิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นข้างห้องน้ำ กับเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถม้าเมื่อกี้ให้พระชายาจี้ฟัง นางรู้ว่าไม่ควรที่จะเล่าเรื่องทุกสิ่งอย่างให้กับพระชายาจี้ฟัง แต่อึดอัดไม่สบายใจจริงๆ เจ้าห้าก็ยังไม่กลับมา อีกอย่าง ตอนนี้เขาตกอยู่ภายใต้ความกดดัน หากรู้เรื่องนี้จะต้องไปเอาเรื่องอ๋องอานเป็นแน่
พระชายาจี้ถอนหายใจเพราะพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เจ้ากำลังตั้งครรภ์ หลบเลี่ยงเขาหน่อย อีกอย่าง เรื่องนี้เจ้าห้ามเล่าให้เจ้าห้าฟัง”
“ทำไม?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
พระชายาจี้มองดูนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “อ๋องอานไม่ได้บ้า นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขากระทำออกมาได้อย่างปกติ เขาตั้งไจทำเช่นนี้ เขาทำเช่นนี้เพื่ออะไร? เจ้าเคยคิดไหม?”
สองวันนี้หยวนชิงหลิงเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว สมองอยู่ในสภาพที่เสื่อม คิดไม่ถึงเลยจริงๆ
พระชายาจี้ตบมือของนางเบาๆ ถือเป็นการปลอบอย่างจริงใจ แล้วพูดขึ้นว่า “อ๋องฉีถูกลอบทำร้าย เจ้าถูกลอบทำร้าย ล้วนโยนความผิดให้กับหยู่เหวินจุน แต่เรื่องนี้ข้ามั่นใจว่าเขาไม่ใช่คนทำ เขาอาจจะเคยมีความคิดเช่นนี้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน ดังนั้นเขาจึงเป็นเพียงแพะรับบาป คนร้ายตัวจริง คืออ๋องอาน”
“โหดเหี้ยมจริงๆ” หยวนชิงหลิงอุทาน
พระชายาจี้หัวเราะเยาะ “โหดเหี้ยม? ไม่แค่นั้น เขาได้คิดบัญชีเจ้าห้าไปด้วยแล้ว เจ้าห้าได้กลับไปยังกรมการพระนคร ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น และนักฆ่าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถจับตัวมาได้ทั้งหมด ฮ่องเต้จะต้องลงโทษเขา หากในช่วงเวลานี้ เจ้าห้าไปหาเรื่องอ๋องอานเพราะเรื่องของเจ้า อ๋องอานจะต้องอาศัยโอกาสนี้ สร้างให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องในห้องน้ำกับเรื่องเมื่อกี้ มีพยานไหม? ไม่มี เสด็จพ่อจะเชื่อใคร? จะเชื่ออ๋องอานที่ซื่อตรงและอยู่ในกรอบระเบียบมาตลอด หรือเชื่ออ๋องฉู่ที่กระทำผิดนับครั้งไม่ถ้วน? เจ้าลองคิดดู”