บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 450
ฮูหยินใหญ่พยักหน้า ถามอย่างเคร่งขรึมจริงจังว่า “ทำไมหรือ”
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นอีกว่า “ทำไมท่านต้องให้เขาไปด้วย”
ฮูหยินใหญ่บอกว่า “เขาอายุมากแล้ว และอยู่รับใช้ในจวนมานาน เขามีความหวังว่าจะได้กลับไปใช้ปั้นปลายชีวิตที่บ้านเกิด ข้าก็เลยให้เงินเขาไปจำนวนหนึ่ง ให้เขากลับไป เขาทำผิดอะไรหรือเปล่า ก่อเรื่องอะไรใช่หรือไม่ ”
หยู่เหวินเห้าพูด “มีคนแช่ดอกท้อและใบกล้วยไว้ในโอ่งน้ำที่ให้ยายหยวนใช้เป็นการส่วนตัว หลังจากสอบถามแล้ว ก็รู้ว่าเป็นฝีมือโจวกุ้ยซึ่งเป็นของพ่อครัวที่ท่านส่งไป โจวกุ้ยบอกว่า นี่เป็นคำสั่งของท่าน”
สีหน้าของฮูหยินใหญ่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ถามขึ้นทันทีว่า “แล้วนางเป็นอย่างไรบ้าง”
หยู่เหวินเห้าเห็นสีหน้าของนางเผยแววตื่นเต้นขึ้นมา ไม่ได้เป็นการแสร้งเป็นห่วง จึงเอ่ยว่า “คนนั้นไม่เป็นไร แต่เจ็บปวดทรมานมาก โจวกุ้ยคนนั้นบอกว่า เป็นคำสั่งของท่าน คนที่ส่งข่าวให้เขาก็คือคนรับใช้เก่าแก่ก่อนหน้านี้ที่ชื่ออะฉวงคนนั้น ”
สายตาของฮูหยินใหญ่มีแววแค้นเคืองประกายขึ้น “ดีล่ะ ช่างเป็นเรื่องที่คิดอย่างรอบคอบแล้วก็ยังมีความประมาทเลินเล่อได้ ซุนมามา ไปหาที่อยู่บ้านเกิดของอะฉวง หาตัวเขากลับมา เพื่อทำการสอบสวน”
จากนั้น นางก็มองไปทางหยู่เหวินเห้า “ท่านวางใจได้ เรื่องนี้ต้องมีคำตอบให้ท่านแน่ ท่านกลับไปเฝ้าดูแลนางดีๆก่อน ประเดี๋ยวข้าจะตามไป”
คำพูดของฮูหยินใหญ่ ทำให้หยู่เหวินเห้าคลายข้อสงสัย
คนบางคน แค่แววตาเดียวก็พอที่จะทำให้เชื่อใจได้ ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ
ท้องของหยวนชิงหลิงยังคงเจ็บอยู่ข้างใน อาการเจ็บแบบนี้เป็นอาการเจ็บแบบหน่วงๆ แม้จะไม่ได้เจ็บแบบแหลมปรี๊ด แต่ก็ทรมานเป็นอย่างยิ่ง
เดิมทีนางก็ไม่สบายไปหมดทุกที่อยู่แล้ว ตอนนี้ยังกินไม่ลง ทั้งอาเจียนทั้งท้องเสียหลายครั้ง ไหนเลยจะมีแรงหลงเหลืออยู่อีก
หยู่เหวินเห้าก็ไม่ไปทำคดีนี้อีกแล้ว เขามีลางสังหรณ์ว่า อะฉวงคนนั้นคงหาตัวไม่พบ ถึงแม้จะหาตัวพบ ก็คงจะเป็นศพไปแล้ว
ในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ เขาไม่มีทางทิ้งหยวนชิงหลิงเอาไว้โดยไม่ดูแล เพื่อไปตามตรวจสอบคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“หยวน ยังทรมานอยู่หรือไม่”เขาประคองนางให้ค่อยๆนั่งลง นางนอนจนเอวแทบจะหักไปแล้ว
แต่ว่านั่งลงก็ทรมาน ท้องใหญ่ค้ำเอาไว้ นางนอนแนบไปกับอ้อมอกของหยู่เหวินเห้าอย่างอ่อนแรง ค่อยๆปรับลมหายใจ “ทรมาน แต่ว่าก็ดีขึ้นมากแล้ว”
ลูบที่คางแหลมเล็กของนาง หยู่เหวินเห้าปวดใจแทบทนไม่ไหว เขาสามารถทำทุกสิ่งไม่ว่าอะไรก็ตามเพื่อนาง แต่กลับไม่สามารถช่วยแบกรับความเจ็บปวดทรมานบนร่างของนางได้
หมอหลวงเฉากลับกวักมือเรียกอย่างสุดแรงอยู่ข้างๆ ให้หยู่เหวินเห้าออกไปพูดคุยกันข้างนอก
หยู่เหวินเห้าเห็นท่าทีของพวกเขาแล้วก็รู้สึกโมโหมาก เพราะพวกเขาต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว คิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่สามารถให้ยายหยวนฟังได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องเลวร้าย
เขาหอมไปที่แก้มของหยวนชิงหลิงหนึ่งที พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าจะออกไปสักครู่ เดี๋ยวค่อยกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
“เช่นนั้นข้าก็นอนลงดีกว่า นั่งก็ทรมานเหมือนกัน”หยวนชิงหลิงพูด
“ได้”หยู่เหวินเห้าประคองนางให้นอนลงอย่างระมัดระวัง และได้ยินนางบ่นพึมพำเสียงหนึ่ง “อยากจะตายจริงๆ”
หยู่เหวินเห้าปวดใจ ตอนนี้เห็นนางท่าทีของนางที่มีอาการป่วนจนเหนื่อยอ่อนอย่างโชคร้าย ไหนเลยจะมีท่าทีคอยโต้เถียงกับเขา ท่าทีที่ดูดุดันมือเท้าเอวเหมือนอย่างเช่นวันวานที่ผ่านมา
ถ้าสามารถให้นางกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้ แม้จะต้องถูกนางตีทุกวันก็ยินดี
หยู่เหวินเห้าถูกเรียกตัวออกไป อยู่ในเรือนด้านข้าง หัวหน้าโรงหมอหลวงได้เรียกตัวนางผดุงครรภ์และหมอหลวงอีกหลายคนมาประชุมร่วมกัน ให้หยู่เหวินเห้าร่วมฟังการประชุมด้วย
หยู่เหวินเห้าเห็นบรรยากาศที่หนักอึ้ง หัวใจก็หนักหน่วงตามไปด้วย หลังจากนั่งลงแล้ว ก็ถามหัวหน้าโรงหมอหลวงว่า “ท่านว่า อาการของพระชายาตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่”
หัวหน้าโรงหมอหลวงน้ำเสียงเคร่งขรึมพูดว่า “ท่านอ๋อง ข้าน้อยขอบังอาจเรียนตามตรง อาการของพระชายานั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก ตอนนี้อายุครรภ์มากแล้ว อีกทั้งยังเป็นลูกแฝดที่มากกว่าสองคน ส่วนมากจะมีความเป็นไปได้ที่จะคลอดก่อนกำหนด นั่นก็คือ เวลาคลอดก็อยู่ในช่วงระหว่างไม่กี่วันนี้แล้ว แต่ตอนนี้ร่างกายของพระชายากำลังประสบกับอาการเจ็บปวดอย่างหนักหน่วง ไร้พละกำลัง นางไม่มีทางที่จะทนต่อความเจ็บปวดในการให้กำเนิดได้แน่ คนเดียวก็ทนไม่ไหว ไม่ต้องพูดถึงลูกสามคนแล้ว”
“มีผงอู๋โยวอยู่มิใช่หรือ”หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ร้อนใจขึ้นมา
หมอหลวงเฉาพูดว่า “ท่านอ๋อง ผงอู๋โยวไม่ได้เป็นยาดีไว้ช่วยชีวิตคน เพียงแต่ใช้ในระหว่างการให้กำเนิดเพื่อเพิ่มพละกำลังให้กับหญิงคลอดบุตรมีแรงมากขึ้นเท่านั้น”
“เช่นนั้นก็ได้แล้วมิใช่หรือ นางไร้เรี่ยวแรง ก็เพิ่มพละกำลังให้นาง”หยู่เหวินเห้าพูด
หมอหลวงเฉาโบกมือ “ท่านอ๋อง ผงอู๋โยวสามารถกระตุ้นพลังความสามารถที่อยู่ในร่างกายคน แต่ตอนนี้พระชายากินดื่มไม่ได้ ร่างกายอ่อนล้าจนถึงขีดสุดแล้ว ไหนเลยจะยังสามารถกระตุ้นพลังออกมาได้ แม้จะเป็นการกระตุ้นอย่างบีบบังคับ แล้วจะสามารถอดทนให้ผ่านพ้นทั้งกระบวนการได้หรือไม่ ถ้าหากทนไม่ได้ ใช้ผงอู๋โยว ข้าน้อยขอบังอาจพูดคำที่ไม่น่าฟังว่า กลับจะเป็นการทำร้ายพระชายาให้หมดเรี่ยวหมดแรง พลังลมปราณถูกทำลายไปจนสิ้น อันตรายถึงแก่ชีวิตได้”
คำพูดของหมอหลวงเฉา ทำให้หยู่เหวินเห้าตกอยู่ในภวังค์แห่งความตื่นตระหนก นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ไม่มีความคิดเห็น ได้แต่ตะคอกด้วยหน้าซีดขาวว่า “ข้าไม่สน พวกเจ้าต้องหาวิธีให้ได้”
ทุกคนต่างรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที ไหนเลยจะมีวิธีการอีก แม้จะมีความสามารถแต่ไร้ซึ่งเงื่อนไขที่ดีก็ยากจะทำสำเร็จได้ พระชายาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจริงๆแล้ว เรื่องการให้กำเนิด คนรอบข้างก็ไม่สามารถช่วยใช้พลังเบ่งได้
หมอหลวงเฉาถอนหายใจพูดว่า “นี่เกรงว่าจะเป็นแผนการของคนชั่ว ลงมือช่วงเวลาไหนไม่ลง อีกไม่กี่วันก็จะคลอดอยู่แล้วจึงได้ลงมือ”
ในใจของหมอหลวงเฉามีคำพูดหนึ่งไม่ได้พูดออกมา นั่นก็คือไม่สู้ให้ยาพิษมาถุงหนึ่งจะได้รู้แล้วรู้รอดกันไป ดูอาการของพระชายาตอนนี้แล้ว หลังจากต้องผ่านความเจ็บปวดจากการเจ็บท้องคลอด คลอดไม่ออก สุดท้ายก็ไร้เรี่ยวแรงจนต้องสิ้นใจ
คำพูดนี้ถ้าพูดออกไป ท่านอ๋องคงต้องคลุ้มคลั่งแน่ๆ
ตอนนี้หยู่เหวินเห้าก็อยู่ในอาการกึ่งคลุ้มคลั่งแล้ว
เสด็จพ่อจับตาดูอยู่ ในวังก็จับตาดู ฉะนั้นจึงไม่กล้าลงมืออย่างเปิดเผย ได้แต่ใช้วิธีการร้ายอย่างลับๆ
วิธีการเหล่านี้ ป้องกันอย่างไรก็ไม่พ้น อาหารการกินทุกอย่างได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด มีเพียงน้ำเท่านั้นที่ไม่ทันได้สังเกต
“เช่นนั้นตอนนี้ ก็ไม่มีหนทางใดๆสินะ แล้วถ้าพักฟื้นปรับสมดุลร่างกายตอนนี้เล่า เมื่อถึงเวลาคลอด ก็จะมีพละกำลังกลับคืนมาแล้วมิใช่หรือ ”หยู่เหวินเห้าเห็นทุกคนต่างไม่ปริปากพูดอะไร ก็อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้
หัวหน้าโรงหมอหลวงค่อยๆส่ายหน้า “ท่านอ๋อง ใช้ไม่ได้ ตอนนี้กระเพาะและลำไส้ของพระชายายังอยู่ในอาการอ่อนแอ สามารถกินได้เพียงอาหารอ่อนๆอย่างโจ๊กเปล่าเท่านั้น แม้แต่เนื้อสับละเอียดก็ไม่สามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้ ไม่เช่นนั้นจะยิ่งมีอาการเลวร้ายลงไปอีก”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกใจหายวาบ “ถ้าพูดเช่นนี้ ใช้อาหารบำรุงไม่ได้ กินยาก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ ก็คงต้องมองนางเป็นเช่นนี้ตาปริบๆอย่างนั้นหรือ”
ทุกคนนิ่งเงียบไม่ส่งเสียง
นางผดุงครรภ์ที่ใต้เท้าชุยแนะนำมาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนๆว่า “มีหลวงจีนบารมีสูงคนหนึ่งมาอยู่ด้วยมิใช่หรือ เชิญท่านหลวงจีนสวดมนต์ให้พร บางทีอาจจะมีประโยชน์ก็ได้ ”
หยู่เหวินเห้าได้ยินคำพูดนี้แล้ว ในหัวใจก็ยิ่งรู้สึกหมดหวัง
นั่นเท่ากับว่า ที่คนสามารถทำได้นั้น แทบจะไม่มีเลย
ได้แต่ฟังคำบัญชาจากสวรรค์เท่านั้น
หมอหลวงเฉาก็ทุกข์ใจเป็นอย่างมาก หลายวันมานี้คอยดูแลพระชายาอยู่ในจวน เขาเลื่อมใสและชื่นชมพระชายามาก เมื่อมีความรู้สึกต่อกัน ความสัมพันธ์ย่อมไม่ใช่นายกับบ่าวอีกต่อไป
ที่น่าโมโหก็คือวิชาแพทย์ของเขาไม่ได้ยอดเยี่ยม ตอนนี้จึงไร้ซึ่งหนทางช่วยเหลือ ไม่มีวิธีการเลยสักนิด
ทุกคนคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาไม่ออกเลย
ในสถานการณ์เช่นนี้ หัวหน้าโรงหมอย่อมต้องรายงานในวัง
ไทเฮาได้ยินเรื่องนี้แล้ว ก็เป็นลมล้มพับไป หลังจากตื่นขึ้นมา ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน กัดฟันกรอดพูดว่า “เหลนทั้งสามคนของข้า จะได้เห็นหน้าอยู่รอมร่อแล้ว เป็นฝีมือใครกัน ใครช่างใจดำ ถ้าหากข้ารู้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ข้าจะทำให้มันต้องแหลกสลายเป็นหมื่นชิ้น”
ฮ่องเต้หมิงหยวนก็รู้สึกหนักอึ้งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เขาหวังว่าราชวงศ์จะสามารถให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง หวังมาเนิ่นนาน หลายปีมานี้ ก็ผิดหวังอยู่ตลอด ผิดหวังแล้วผิดหลังเล่า
สุดท้ายได้ยินข่าวการตั้งครรภ์ของหยวนชิงหลิง เขารู้สึกว่าในใจมีไฟแห่งความหวังก่อขึ้นมาอีกครั้ง
ตั้งแต่เกิดเรื่องของเจ้าเจ็ดขึ้น เขาได้ปลดเจ้าห้าออกจากตำแหน่ง ให้เขาตั้งใจดูแลหยวนชิงหลิงอยู่ในจวน อย่าให้คนฉวยโอกาสเพียงเล็กน้อยทำเรื่องไม่ดีได้
ไหนเลยจะรู้ว่า ที่เห็นเฝ้าดูแลกันอย่างเข้มงวด ก็ยังเกิดเรื่องขึ้นจนได้ ทำให้เขารู้สึกทั้งเศร้าเสียใจทั้งโมโหและปวดใจจริงๆ