บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 465
เมื่อสวีอียกมือ เรียกคนหลายคนเข้ามาช่วยเปิดกล่อง
เมื่อกล่องทั้งหมดเปิดออก วางแสดงอยู่ต่อหน้าของหยู่เหวินเห้า หยู่เหวินเห้าปิดปาก เปล่งเสียงตื่นตระหนกออกมา “โอ้พระเจ้าเอ๊ย!”
“โอ้พระเจ้าเอ๊ย!” ทังหยางกับสวีอีก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงอย่างตกตะลึง ทังหยางที่นิสัยขรึมพูดน้อยเพียงนั้น ก็อดกลั้นไว้ไม่ได้จริงๆ
ใครจะคิดได้ ราชวงศ์ในเวลานี้ตอนนี้ ไท่ซ่างหวงในเวลานี้ตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทำสิ่งง่ายๆ เรื่องที่ลวกๆธรรมดาสุดๆ?
ด้านในกล่องสามสิบใบ กล่องยี่สิบเจ็ดใบทั้งหมดล้วนเป็นทองคำสีทองอร่าม
“เขาไปปล้นทองคำในคลังของประเทศหรือ?” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ จากนั้นพูดกับทังหยางด้วยริมฝีปากที่สั่นเทาทันที: “เร็ว ชั่งหน่อยว่ามีเท่าไหร่”
ทังหยางหยิบรายการของรางวัลออกมาจากด้านใน กล่าวว่า: “ท่านอ๋อง ในนี้เขียนแล้ว ทองคำหนึ่งแสนชั่ง”
หยู่เหวินเห้าแบมือนับพึมพำ “ทองคำหนึ่งชั่งเป็นเงินสิบตำลึง เงินสิบตำลึงเป็นสิบกว้านเงินทองแดง หนึ่งกว้านเงินทองแดงเป็นหนึ่งพันเหรียญทองแดง งั้นในนี้คือเท่าไหร่นะ?”
สวีอีมองดูเขาซื่อๆตรงๆ “ท่านอ๋อง ก็คือทองคำหนึ่งแสนชั่ง หากว่าท่านต้องการเปลี่ยนเป็นเงิน นั่นก็คือเงินหนึ่งล้านตำลึงขอรับ”
“พระเจ้า พวกเขาเพิ่งจะเกิด ก็ร่ำรวยแล้ว?” หยู่เหวินเห้าตกจากเก้าอี้ที่นั่ง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ท่านแม่เคยบอกว่า ตอนนั้นที่ให้กำเนิดข้า ไท่ซ่างหวงก็ประทานป้ายกุญแจอายุยืนที่ทำจากทองคำอันหนึ่ง”
ป้ายกุญแจนั่น ตอนนี้ยังอยู่ในกระเป๋าของเขา
เขาเอาออกมา วางไว้ด้านบนของกล่องทองคำ ชั่งเล็กนิดเดียวเสียนี่กระไร!
เล็กนิดเดียวจนเขาอยากจะร้องไห้ ทำไมความแตกต่างชั่งมากมายขนาดนี้?
ทังหยางพูดปลอบ: “เอาเถอะ ท่านอ๋อง ท่านอย่าแย่งชิงความโปรดปรานกับบุตรชายของตัวเองเลย ไท่ซ่างหวงเห็นความสำคัญ นั่นเป็นเรื่องที่ดี เรื่องดีเพียงใดขอรับ”
“สามกล่องนั่นคืออะไร?” หยู่เหวินเห้าจัดการอารมณ์ เข้ามาดูใกล้ๆ สามกล่องนั่นดูแล้วสีแตกต่างไป กล่องยังมีอีกช่องสองสามช่อง เหมือนกับต้องการระบายอากาศเช่นนั้น ค่อนข้างใหญ่กว่ากล่องอื่นๆเล็กน้อย “เปิดออกดู”
“คาดว่าก็คือทองคำแล้ว” ทังหยางกล่าวพร้อมเรียกคนมาเปิดออก
สวีอีเข้าไปเปิด แต่กลับเห็นด้านในกล่องทุกใบ ล้วนเป็นลูกสุนัขสีขาวทั้งตัวนั่งยองๆอยู่ตัวหนึ่ง ตาแป๋ว น่ารักมาก
“ทำไมเป็นสุนัขล่ะ? เป็นลูกชายของฝูเป่าหรือ?” หยู่เหวินเห้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ฝูเป่าเป็นตัวผู้ เกิดลูกชายออกมาไม่ได้ขอรับ” ทังหยางอุ้มขึ้นมาตัวหนึ่ง ยื่นมือไปลูบขนบนตัวของลูกสุนัข “น่ารักมาก อ่อนนุ่มมาก หูตั้ง ขนละเอียด เอ๊ะ ดวงตานี่เป็นสีเขียว? คุณพระ นี่ไม่ใช่สุนัข นี่เป็นลูกหมาป่าหิมะนะขอรับ”
เจ้าอาวาสเดินเข้ามา เอื้อมมือไปอุ้มหมาป่าหิมะในกล่องขึ้นมาตัวหนึ่ง ยื่นมือไปลูบ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่อบอุ่นและความเมตตา “นี่คือลูกหมาป่าหิมะของตระกูลเซียวเหยากง คลอดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ไท่ซ่างหวงขอเขาแล้ว บอกว่าจะมอบให้ซื่อจื่อ และบังเอิญจริงๆ ทั้งสามตัวล้วนเป็นตัวผู้”
“เช่นนั้นจะล้ำค่าเพียงใดนะ!” หยู่เหวินเห้ามองดูด้วยความตะลึง และอุ้มไว้ตัวหนึ่ง ชอบมากจนวางไม่ลง “ยังพอมีอีกสักตัวไหม? ข้าก็อยากได้สักตัว”
“ไม่มีแล้ว ท้องนี้คลอดออกมาสามตัว” เจ้าอาวาสกล่าว ปุ้ยปาก “นั่นคือรายการของขวัญหรือ?”
ในกล่อง ยังวางสมุดไว้เล่มหนึ่ง สวีอีหยิบขึ้นมาดูครู่หนึ่ง หัวเราะเยาะ “สามสิบกล่อง บนรายการของขวัญกลับมีเพียงสองข้อ อ๋อ ท่านอ๋อง ทองคำนั่นไม่ได้ให้ซื่อจื่อ คือมอบให้พระชายาใช้เพื่อซื้อของบำรุงมากินบำรุงร่างกาย หมาป่าหิมะถึงจะให้ซื่อจื่อขอรับ”
หยู่เหวินเห้าหยิบรายการของขวัญมาดู หัวเราะจนปิดปากไม่ได้ในทันที “คือให้ยายหยวนหรอ ดี ดีนะ”
ครอบครัวเล็กๆร่ำรวยแล้ว
หลังจากที่หยวนชิงหลิงฟื้นมา ก็เห็นหยู่เหวินเห้าพูดกับนางด้วยความสุขใจ: “เจ้ารู้ว่าเจ้าร่ำรวยอย่างสุดๆในวันหนึ่งแล้วหรือไม่?”
แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะอ่อนแอเป็นอย่างมาก แต่กลับรู้สึกตื่นตัวในพริบตา “ท่านเลิกคิดหมายปองเก้าหมื่นตำลึงนั้น”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ นั่นนับอะไรได้” หยู่เหวินเห้ายิ้มแป้นแล้วกล่าว: “เสด็จปู่มา มอบทองหนึ่งแสนชั่งให้เจ้า”
หยวนชิงหลิงได้ยินดังนั้น ตะลึงครู่หนึ่ง “จริงหรือ? เขามีทองมาขนาดนี้ที่ไหน?”
ไท่ซ่างหวงมีคลังเก็บเงินส่วนตัว แต่เงินคลังเก็บเงินส่วนตัวตามหลักแล้วก็ไม่ได้มาก เงินแท่งหนึ่งแสนชั่งอาจจะมี แต่ทองคำหนึ่งแสนชั่งก็ค่อนข้างเกินไปแล้ว
อีกทั้งเขาคงไม่ถึงกระทั่งล้วงเงินในบ้านออกมาจนเกลี้ยงแล้วมอบให้นาง
เงินในท้องพระคลังของประเทศ ในวังก็ไม่สามารถแตะต้องได้ตามใจ เงินในราชสำนัก ก็ไม่สามารถใช้ได้ตามใจ
“ไม่รู้ ข้าก็สงสัยน่ะ” หยู่เหวินเห้ากล่าว
ทองคำหนึ่งแสนชั่ง นั่นเป็นเงินหนึ่งล้านตำลึงเชียว หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองร่ำรวยสุดๆในพริบตาแล้ว
นางเริ่มวางแผน ตอนนี้เงินทุนเพียงพอ รออยู่เดือนเสร็จแล้ว ควรจะต้องจัดเตรียมเรื่องคณะแพทยศาสตร์แล้ว
“ถูกแล้ว ชื่อออกมาแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
“ยังไม่มี” หยู่เหวินเห้าก็ใจคอแห้งเหี่ยวเป็นอย่างมาก “ช้ามากๆ ตามหลักแล้ว กรมพิธีการทางนั้น ควรจะร่างชื่อส่งไปให้เสด็จปู่เลือกล่วงหน้า นี่คลอดออกมาวันหนึ่งแล้ว ยังไม่ได้ตั้งชื่ออีก”
หยวนชิงหลิงขยับตัวเล็กน้อย เท้าทั้งสองปวดเมื่อย หยู่เหวินเห้ารีบนวดให้นาง ก่อนหน้านี้เจ้าอาวาสเคยบอก อะไรนั่น หลังจากคลอดเสร็จต้องนวดขาสักหน่อย
“ไม่เช่นนั้น พวกเราตั้งชื่อเล่นให้ก่อน?” หยวนชิงหลิงกล่าว
หยู่เหวินเห้าเห็นด้วย แต่ว่า ก็เพราะความสามารถในการจินตนาการเกี่ยวกับด้านนี้ในสมองมีข้อจำกัด
ตั้งชื่อก็ยากเช่นเดียวกับเขียนบทกลอน
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง กล่าวอย่างอ่อนโยน: “ลูกคือเจ้าที่ให้กำเนิดออกมาด้วยความยากลำบาก เช่นนั้นอำนาจในการตั้งชื่อเล่น ก็มอบให้เจ้า เจ้าตัดสินใจก็ได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงตอบรับด้วยความยินดี เรียกคนให้อุ้มทารกเข้ามา
นางยังไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้ ดังนั้นแม่นมก็อุ้มเด็กกึ่งนั่งคุกเข่าให้นางดู
ทารกทั้งสามดูเหมือนจะรู้ว่านี่ก็คือแม่ผู้ให้กำเนิดของพวกเขา ดังนั้น ล้วนแสดงให้เห็นถึงความน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ ดวงตาดำขลับกลอกกลิ้งหมุนไปมา หมัดเล็กๆจับไว้
หยวนชิงหลิงดูไป ก็เบ้าตาแดงแล้ว นี่คือลูกของนาง ลูกชายทั้งสามคนนั้นที่อยู่ในท้องทำให้นางทรมานมาตั้งนาน
นางหยวนชิงหลิงมีลูกชายสามคนแล้ว
ในหนึ่งปีก่อนนี้ หากมีคนบอกนาง หนึ่งปีหลังจากนี้นางจะมีลูกชายสามคน นางจะแจ้งความ
หยู่เหวินเห้าเห็นท่าทางที่จะร้องไห้ของนาง จึงกล่าวปลอบ: “เจ้าคิดไม่ออกก็ไม่ต้องร้อง อย่ารีบร้อน ค่อยให้จิ้งเหยียนตั้ง เขารู้จักอักษรมากมาย”
หยวนชิงหลิงเอื้อมมือออกไป ลูบหน้าทารกคนโตเล็กน้อย เจ้าหนูน้อยนั้นคิดว่ามีนมให้กินแล้ว รีบเอียงปากเข้ามา ถูไถไม่หยุด ทำท่าทางกินนมออกมา
หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างมีความสุขแล้ว
หยู่เหวินเห้านั่งอยู่ข้างเตียง มองดูนางหยอกล้อลูกจนยิ้มด้วยท่าทางที่มีความสุขนั่น อดไม่ได้และยิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
“ดูดีหรือไม่?” เขาถาม
“ดูดี ท่านว่าเหมือนใคร?” หยวนชิงหลิงถามพร้อมดวงตาแดงๆ
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตอนนี้เด็กมีรอยย่นยู่ยี่ น่าเกลียด จึงกล่าว: “เหมือนเสด็จพ่อ หลานค่อนข้างเหมือนเสด็จปู่”
หยวนชิงหลิงค้อนเขาแวบหนึ่ง “ดูแล้วไม่เหมือน”
ดูเค้าโครงของลูก ความจริงเหมือนหยู่เหวินเห้าเป็นพิเศษ ก็คือมีรอยย่นยู่ยี่น่าเกลียดเล็กน้อยจริงๆ หยู่เหวินเห้าไม่เต็มใจยอมรับ
แต่ในตาของหยวนชิงหลิง ลูกชายทั้งสามนั่นก็คือถอดแบบหยู่เหวินเห้าฉบับหดเล็กลง
นางกล่าว: “เดิมทีชื่อเล่นข้าคิดไว้ก่อนแล้วสามชื่อ รอข้าสบายขึ้นหน่อยแล้ว ไตร่ตรองกับท่านดีๆ”
“ไม่จำเป็นต้องไตร่ตรอง เจ้าตัดสินใจก็ได้” หยู่เหวินเห้ากล่าวอย่างผ่าเผย
หยวนชิงหลิงเผลอหัวเราะออกมา ก็รู้ว่าเขาไม่ชอบยุ่งเรื่องเหล่านี้ “ได้ เจ้าไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นในห้องหนังสือ ข้าเขียนไว้ด้านบนแล้ว ก็เอาชื่อตามนี้ มอบให้เสด็จพ่อและเสด็จปู่ดูผ่านตา หากว่ากำหนดได้แล้ว พวกเราก็ใช้ชื่อเล่นสามชื่อนี้ ชื่อจริงก็รอในวังกำหนดออกมาแล้วค่อยว่ากัน”