บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 469
เสียนเฟยแอบคับแค้นในใจ จึงไปอุ้มทังหยวน คิดไม่ถึง อุ้มทังหยวนไว้ในมือ ก็ร้องไห้จนแทบไม่ไหวเหมือนกัน
ใบหน้าของนางค่อนข้างควบคุมไว้ไม่ได้แล้ว กลับยังลองไปอุ้มเจ้าข้าวเหนียวน้อยอีก แรกเริ่มเจ้าข้าวเหนียวน้อยไม่ได้ร้องไห้ แต่หลังจากที่นางเข้าไปอุ้มก็แหวะนม หลังจากที่แหวะนม เสียนเฟยก็เช็ดด้วยความรีบร้อนตื่นตระหนก เจ้าข้าวเหนียวน้อยก็ร้องไห้ขึ้นมาแล้ว
เดิมทีเจ้าข้าวเหนียวน้อยก็ค่อนข้างอ่อนแอ เสียงร้องไห้ไม่ดัง แต่ร้องไห้ขึ้นมาก็อาเจียนได้ง่าย นี่เพิ่งจะผ่านมือไปครู่เดียว เจ้าข้าวเหนียวน้อยก็ถูกทรมานจนสีหน้าเริ่มม่วง
ไทเฮาพิโรธแล้ว “พอแล้ว เจ้านั่งเถอะ เจ้าไม่ต้องอุ้ม”
พูดจบ เรียกแม่นมสี่ไปอุ้มเจ้าข้าวเหนียวน้อยมาให้นาง
เสียนเฟยเต็มไปด้วยความอัปยศ นั่งลงอย่างโกรธเคือง น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในตา
ไทเฮาเลี้ยงเด็กเป็น หลังจากที่เช็ดให้เจ้าข้าวเหนียวน้อยสะอาดแล้ว วางไว้บนตักค่อยๆ แกว่งไกวเบาๆ แล้วตบผ้าอ้อมเบาๆ “เด็กดีเด็กดี เด็กดีของข้า ไม่กลัวไม่กลัว เสด็จทวดอุ้มไว้ ถนอมไว้”
เจ้าสามก็ไม่ร้องไห้แล้ว
เสียนเฟยรู้สึกเพียงใบหน้าของตัวเองถูกคนตบสองสามฉาดอย่างรุนแรง รู้สึกเจ็บปวด นางรู้สึกว่าสายตาของทุกคนที่มองนางล้วนเป็นการหัวเราะเยาะเย้ย นี่คือหลานแท้ๆของนาง แต่ว่า ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถอุ้มได้ เพียงแค่นางไม่ได้
ตอนนี้จู่ๆกุ้ยเฟยยังหัวเราะและพูดขึ้นว่า: “นี่กลับน่าแปลกแล้ว ใครอุ้มก็ได้ มีเพียงเสียนเฟยท่านท่านย่าแท้ๆผู้นี้ผู้เดียวอุ้มไม่ได้ บนมือของท่านมีหนามหรือว่าเกิดอะไรขึ้น?”
สายตาล้วนรวมอยู่บนหน้าของเสียนเฟย ความกลัดกลุ้มอับอายในใจของเสียนเฟยกลายเป็นโทสะ “วันนี้เป็นวันดี กุ้ยเฟยพูดวาจาเหล่านี้ไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมหรือ?”
เมื่อก่อนนางล้วนไม่เคยรู้สึกว่ากุ้ยเฟยน่ารำคาญขนาดนี้ วันนี้ทำไมพยายามที่จะตอกย้ำนาง?
ก้นบึ้งหัวใจที่เย็นยะเยือกของนางคิดว่า อีกประเดี๋ยวรอหลังจากพิธีอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวันจบสิ้นแล้ว ดูซิว่านางยังจะลำพองใจอีกหรือไม่
นางรู้มาจากไทเฮา วันนี้ฮ่องเต้นำพระราชโองการมาแล้ว น่าจะหลังจากที่อาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวันแล้วก็ต้องการประกาศต่อโลกหล้า แต่งตั้งเจ้าห้าเป็นรัชทายาท
ท่านแม่ของรัชทายาท ตำแหน่งจะต่ำไม่ได้เป็นธรรมดา ตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยแขวนว่างไว้มาตลอด ก่อนหน้านี้ทุกคนล้วนคิดว่าเป็นฉินเฟย เพราะว่าเป็นไปได้มากว่าอ๋องจี้จะถูกตั้งเป็นรัชทายาท
แต่ว่า หากเจ้าห้าถูกตั้งเป็นรัชทายาท เช่นนั้นตำแหน่งหวงกุ้ยเฟยก็เป็นของนางแล้ว
เมื่อใจในคิดเช่นนี้ ก็สบายใจมากแล้ว อีกทั้งอดทนอีกชั่วขณะ ก็มีเวลาให้กุ้ยเฟยร้องไห้แล้ว
นับตั้งแต่วันนั้นกลับวังถูกฮ่องเต้ตำหนิว่ากล่าวอย่างรุนแรง เดิมทีนางคิดว่าไทเฮาและฮ่องเต้จะดุว่านางอีก คิดไม่ถึง ไทเฮาไม่ว่าอะไร ฮ่องเต้ก็ยิ่งไม่ว่าอะไร ด้วยเหตุนี้ นางยิ่งมั่นใจแล้ว นางสามารถได้รับการแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งเป็นหวงกุ้ยเฟย
ฮู่เฟยอุ้มซาลาเปาไว้ โยกเบาๆ กล่าวด้วยความสงสัย: “พวกเขาทั้งสามเหมือนกันทุกอย่าง จะแยกแยะอย่างไรล่ะ?”
แม่นมสี่อยู่ด้านข้างอมยิ้มแล้วกล่าว: “ฮู่เฟยเจ้าคะ บนข้อเท้าขององค์ชาย ล้วนผูกสายรัดที่เขียนไว้น่ะเจ้าค่ะ”
ฮู่เฟยเอาซาลาเปาวางบนตัก มองเข้าไปด้านใน กล่าว: “ก็เขียนไว้ แต่หากเป็นเวลาอาบน้ำ ทำสายรัดนี่เปียกล่ะ? แบบนี้อาจจะทำให้คนเกิดความผิดพลาดได้นะ”
ทุกคนได้ยินคำพูดของฮู่เฟย ก็รู้สึกว่าถูก แม้ว่าจะล้วนเป็นพระชายาฉู่พระชายาเอกคลอด แต่คนโตคนรองก็ไม่สามารถทำให้สับสนได้
“เรื่องนี้ต้องระวังหน่อย จำสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง พวกเขาทั้งสามมีหรือไม่มีตรงไหนที่สามารถแยกแยะออกมาได้?” ไทเฮากล่าว
แม่นมสี่ปิดปากหัวเราะทันที “ไทเฮาเจ้าคะ แยกออกเจ้าค่ะ เจ้าใหญ่ใต้เท้ามีเหยียบเจ็ดดาว เจ้าสองคือห้าดาว เจ้าสามคือสามดาวเจ้าค่ะ”
ไทเฮาได้ยินดังนั้น สีหน้าดีอกดีใจมาก “จริงหรือ? รีบให้ข้าดูหน่อย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ตกตะลึงเล็กน้อย เข้ามาดูใกล้ๆ
แม่นมสี่เปิดผ้าอ้อมออกอย่างระมัดระวัง เอาเท้าน้อยๆโผล่ออกมา เป็นเช่นนี้จริงๆ ฝ่าเท้าน้อยๆทั้งสามข้างล้วนมีไฝสีแดงสามเม็ดห้าเม็ดเจ็ดเม็ด
บนหน้าของกุ้ยเฟยเปลี่ยนเล็กน้อยแล้ว “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? คงไม่ได้วาดเข้าไปหรอกนะ? ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทไม่ได้เคยอุ้มแล้วหรือ? ฝ่าบาทก็ไม่รู้หรือเพคะ!”
แม่นมสี่กล่าว: “กุ้ยเฟยเจ้าคะ นี่จะวาดเข้าไปได้อย่างไร? นี่วาดลงไปเมื่อล้างก็หลุดแล้ว อีกทั้งวันนั้นที่ฝ่าบาทอุ้ม พระชายายังมีสถานการณ์อันตราย จึงไม่ได้ดูอย่างละเอียดเจ้าค่ะ”
กุ้ยเฟยเข้าไปดูอย่างละเอียดใกล้ๆ ยังเอื้อมมือไปขูดเล็กน้อย ขูดจนฝ่าเท้าน้อยๆแดงแล้วสีก็ไม่ได้หลุด ไทเฮาไม่พอพระทัยแล้ว “จะเป็นการวาดลงไปได้อย่างไร? รีบห่อขึ้นมา ตอนนี้อากาศยังเย็นอยู่นะ”
แม่นมสี่สั่งการแม่นม “อุ้มไปเตรียมตัวเถอะ จะได้เวลาแล้ว ต้องอาบน้ำแล้ว”
ได้ยินว่าต้องอาบน้ำแล้ว ไทเฮาจึงถามขึ้น: “ทำไมครอบครัวของพระชายายังไม่มาล่ะ?”
แม่นมสี่ยิ้มแล้วกล่าว: “ไทเฮา มาแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่และเจ้าพระยาจิ้งสองสามีภรรยามาหมดแล้ว เจ้าพระยาจิ้งนี้ไม่ได้อยู่รอประกาศด้านนอกหรอกหรือเจ้าคะ?”
“อ้าว เช่นนั้นรีบเชิญเข้ามาดูเด็กๆ พวกเจ้าไปเตรียมตัว” ไทเฮากล่าว
เจ้าพระยาจิ้งวันนี้ลืมตาอ้าปากได้จริงๆจังๆแล้ว
คลอดเสร็จวันนั้น เขาก็รู้ว่าเป็นบุตรชาย รีบสั่งคนให้เตรียมของขวัญใหญ่ เพื่อรอที่จะมาวันนี้วันที่อาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวัน
วันนี้หลังจากที่มาแล้ว เห็นไทเฮาและฮ่องเต้ดูเด็กๆอยู่ด้านใน เขาจึงยืนอยู่หน้าประตูเตรียมตัวรอฮ่องเต้ให้เข้าพบ ฮูหยินใหญ่และนางหวงรวมถึงหยวนชิงผิงก็ไปเยี่ยมหยวนชิงหลิงแล้ว
หลังจากที่เจ้าพระยาจิ้งเข้าไปแล้ว ทำความเคารพอย่างมีกฎเกณฑ์ ท่าทางเคารพนอบน้อม
ไทเฮาขาดไม่ได้ที่จะต้องชื่นชมเขาสองสามประโยค ชื่นชมจนเจ้าพระยาจิ้งมีความสุขจิตใจเบิกบาน แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมา เพราะว่าฮ่องเต้ไม่ได้พูด
แต่ว่า แววตาที่ฮ่องเต้มองดูเขาไม่ได้โกรธ เขาก็อามิตาพุทธแล้ว
การอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวันกำลังดำเนินการในบ้าน ในบ้านวางอ่างทองแดงใหญ่ๆสามใบ ด้านในใส่น้ำครึ่งอ่าง อ่างทองแดงส่องสะท้อนจนน้ำเป็นสีทองอร่าม ในน้ำใส่ ผ้าพันอ่าง เตาดินเหนียว ข้าวโพด แท่งทองคำแท่งเงินและสิ่งของที่เป็นมงคลอื่นๆ
คนที่รับผิดชอบในการจัดการอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวันคือคุณยายที่ทำคลอดของทารก และก็เป็นฮูหยินเจ้าพระยาเจียงหนิงท่านป้าจูเพ่ย
แต่เพราะมีสามคน ดังนั้น นางผดุงครรภ์ที่ใต้เท้าชุยแนะนำ ยังมีแม่นมสี่ร่วมอาบน้ำด้วยกัน
ในบ้านก่อไฟเตาทำความอุ่นไว้ ส่องจนอบอุ่นเหมือนฤดูร้อน หลังจากถอดเสื้อผ้าแล้ว วางลงในอ่างทองแดงเบาๆ เดิมทีเจ้าตัวเล็กทั้งสามก็ผอมอ่อนแอ ตอนนี้ถอดเสื้อผ้าแล้ว ก็เหมือนกับลูกสุนัขตัวหนึ่ง ตกน้ำ มือเท้ากวัดแกว่งขึ้นมา ทำให้คนที่เห็นรักและเอ็นดูเป็นที่สุด
อันดับแรกเป็นไทเฮาวางทองคำแท่งลงในอ่างทองแดง ต่อจากนั้นเป็นกุญแจอายุยืนสมดั่งความปรารถนาที่ฮ่องเต้หมิงหยวนให้ กุญแจทองคำของฮองเฮา ลูกคิดทองคำของเสียนเฟย ผลัดวนใส่ลงไปทีละคน รอเดินหมดแล้ว ในอ่างทองแดงนี้ใส่เงินทองเครื่องประดับจนเกือบจะเต็มทั้งหมด
พิธีอาบน้ำให้ทารกหลังจากคลอดได้สามวันที่ยิ่งใหญ่ เจ้าตัวเล็กทั้งสามก็มีความมั่งคั่งแล้ว
หลังจากอาบเสร็จ อุ้มทารกจากไป ทุกคนรวมตัวอยู่ในบ้าน มู่หรูกงกงยืนขึ้นอย่างฉับพลัน ตะโกนเสียงสูง: “ฝ่าบาทมีพระราชโองการ อ๋องฉู่หยู่เหวินเห้ารับราชโองการ!”
สีหน้าของทุกคนล้วนเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยเฉพาะอ๋องอาน ในตาแดงฉานจนแทบจะหยดออกมาเป็นเลือด
หยู่เหวินเห้าขึ้นไปด้านหน้าคุกเข่าลง “หม่อมฉันหยู่เหวินเห้ารับพระราชโองการพ่ะย่ะค่ะ!”
มู่หรูกงกงถือพระราชโองการด้วยมือทั้งสองข้าง เปิดออกอย่างช้าๆ อ่านด้วยเสียงสูง: “พระราชโองการของฮ่องเต้แห่งเป่ยถัง องค์ชายห้าหยู่เหวินเห้า เป็นราชนิกุลที่ฉลาดหลักแหลมมีความสามารถ ในปีที่เจ็ดสมัยหยวนหมิงได้รับการแต่งตั้งเป็นอ๋องฉู่ ด้วยลิขิตแห่งสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ให้ปฏิบัติตามที่แจ้งให้ทราบด้วยทั่วกันด้วยความเคารพนอบน้อม การบันทึกตรวจสอบกฎเกณฑ์ประเพณี เชื่อฟังความคิดเห็นของราษฎรและข้อวิพากษ์วิจารณ์ของมหาชน แจ้งด้วยความเคารพต่อฟ้าดิน ศาลบรรพบุรุษ ประเทศชาติบ้านเมือง มอบหนังสือและราชลัญจกรที่ล้ำค่า แต่งตั้งเป็นรัชทายาท ขึ้นตำแหน่งตำหนักบูรพาอย่างเป็นทางการ เพื่อการปกครองที่ยาวนาน และเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของใต้หล้า จบราชโองการ!”
ชั่วขณะหนึ่ง เงียบเชียบเป็นอย่างมาก
ตำแหน่งรัชทายาทนี้แขวนว่างไว้นานแล้ว กำหนดชี้ขาดฉับพลัน ยังทำให้คนมีความรู้สึกไม่เป็นความจริงชนิดหนึ่ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หยู่เหวินเห้ายกมือสองข้างขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่สุขุมเคร่งขรึมและสงบ “หยู่เหวินเห้ารับพระราชโองการ เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ!”
สมุดที่ล้ำค่าตกลงในมือของเขา มีความสำคัญเป็นที่สุด
ตอนนี้ ความจริงเขาควรจะกล่าวสองสามประโยค เช่นคำพูดที่ว่าต่อจากนี้จะตั้งใจขยันเรียนรู้เรื่องการบ้านการเมืองรักใคร่ราษฎรให้กำลังใจคน แต่ว่า สภาพจิตใจของเขาตอนนี้ค่อนข้างสับสน และไม่อยากพูดคำพูดที่จอมปลอม จึงใช้เพียงเป็นพระมหากรุณาธิคุณประโยคหนึ่งตอบกลับการรับพระราชโองการแล้ว
เขาสามารถรับรู้ได้ ในฝูงชน มีสายตาหลายหลากชนิด
ในนั้น มีธนูอันแหลมคนที่อาบยาพิษดอกหนึ่ง แม้ว่าเขาจะก้มหัวก็ล้วนสามารถรับรู้ได้