บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 472
หยวนชิงหลิงมองนาง เห็นใบหน้าซีดเซียวแฝงด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ก่อนนางจะกล่าวว่า “ตอนนั้น ไร้หนทาง สิ้นหวังอย่างมาก แต่ตอนนี้นึกขึ้นมาแล้ว จึงรู้ว่าไม่มีสิ่งใดต้องกังวล”
“ถูกต้อง ทุกอย่างต้องผ่านไป” หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างเข้าใจยาก ก่อนมองนาง ฟังนางพูดต่อไป
จวิ้นจู่จิ้งเหอจึงเอ่ยต่อไปว่า “ข้าจึงพบกู้จือในตอนนั้น นางหลบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง หลังได้ยินฝีเท้าของข้า นางกระโจนออกมาขอให้ข้าช่วยนาง ดวงตาสองข้างของถูกควักออก เหลือเพียงการได้ยินเท่านั้น พูดแล้วน่าขันเสียจริง นางกลับฟังเสียงฝีเท้าของข้าออก เมื่อข้าเห็นใบหน้านั้นของนาง จึงตอบตกลงช่วยนาง ข้าลากนางขึ้นไปบนยอดเขาด้วย ตอนนั้นข้าคิดว่าตายคนเดียวคงไม่ดี ต้องหาคนมารับเคราะห์หลังข้าตายสักคน ชีวิตของกู้จือข้าเป็นคนช่วยมา เช่นนั้นข้าจะนำมันคืน”
หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยว่า “ตอนนั้นนางคงไม่รู้ความคิดของท่านสินะ นางขอร้องท่าน คงรู้ว่าตนถูกตนไล่สังหาร ใช่หรือไม่?”
“ตอนแรกข้าก็คิดว่านางคงไม่รู้ว่าข้าจะให้นางตายไปพร้อมกัน แต่ตอนที่เดินแล้วหยุดลงบนยอดเขา นางพลันคุกเข่าลง ก่อนเอ่ยขอบคุณที่ข้าช่วยชีวิตในวันนั้น วันนี้หากข้าจะปลิดชีพ นางพร้อมปลิดชีพตามไปด้วย”
“นางไม่ได้พูดจางใจจริง” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ย่อมไม่ใช่แน่ ข้าไม่ได้ตอบรับคำพูดของนาง เพียงเอาแต่นั่งอยู่บนยอดเขา นางนั่งเฝ้าอยู่ข้างกายข้า กลิ่นชะมดบนกายนางรุนแรงยิ่งนัก ข้าจึงถามนางถึงที่มาของกลิ่นชะมด และใช้มันทำสิ่งใด นางพูดว่าต้องการทำแท้ง กลิ่นชะมดนี้ขโมยมาจากห้องยาในสำนักนางชีหมิงเยว่”
หยวนชิงหลิงประหลาดใจอย่างมาก “เด็กคนนี้คือสิ่งคุ้มกันนางในขณะนั้น นางกลับคิดกำจัดเขา นางคิดทำสิ่งใด?”
แม้ไทเฮาจะทรงไม่ชอบนาง อย่างน้อยพูดได้ว่าเกลียดชังนาง แต่เพียงมีเด็กคนนี้อยู่ อย่างน้อยสามารถรักษาชีวิตนี้เอาไว้ได้
“ข้าเองก็แปลกใจ ดังนั้นจึงถามนาง นางพูดว่าอ๋องอานส่งคนมาสังหารนาง นางจำเป็นต้องหนีกลับหนานเจียง แต่นางอุ้มท้องอยู่ จึงไม่สามารถหลบหนีไปได้ ดังนั้นนางจึงพูดว่าเดิมทีคิดทำแท้งเอาเด็กออกก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีหลบหนีไป ตอนนี้เมื่อเจอข้าแล้ว นางจึงยินยอมตายเป็นเพื่อนข้า ความจริงคำพูดของนางน่าฟังมากยิ่งนัก ราวพูดออกมาจากใจ และเจ้าทำเป็นไม่สนใจไม่ได้ว่าขณะนางพูดล้วนออกมาจากใจจริง ทำให้คนเชื่อนางอย่างง่ายดาย”
“สะกดจิต” หยวนชิงหลิงกล่าวขึ้น
จวิ้นจู่จิ้งเหอพยักหน้า “ไม่ผิด นางสะกดจิตข้า หากคืนนั้นข้าไม่ได้พบนาง ข้าต้องโดดลงไปแน่”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเรื่องราวคงไม่บังเอิญขนาดนี้ “ดังนั้น เพราะเหตุนี้ท่านจึงดูแลนาง?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอพยักหน้าอีกครั้ง “ข้าเคยช่วยนางไว้ นางเองช่วยข้าไว้ เราสองต่างไม่ติดค้างกันแล้ว ข้าดูแลนาง เพราะเด็กในครรภ์ของนาง นางคิดกำจัดเด็กคนนั้นตลอดเวลา น่าเสียดาย เด็กคนนี้ดวงแข็งยิ่งนัก ขนาดนางกลิ้งตกจากเนินเขา จนศีรษะแตกเลือดอาบ ครรภ์นั้นกลับไม่กระทบกระเทือน นางกรอกยาและหญ้าพิษมากมายลงไปในปาก จนอาเจียนท้องเสีย ไข้ขึ้นเวียนศีรษะ แต่ครรภ์ยังไม่เป็นไร ข้าเอ่ยถามนางจึงรู้ว่า ความจริงนางมีครอบครัวอยู่ที่หนานเจียง เมื่อไม่พอใจจึงหนีออกมา ตอนนี้ได้ส่งข่าวกลับไปที่หนานเจียงแล้ว ก่อนได้รับช่วยเหลือนางจึงต้องกำจัดเด็กออก นางพูดว่าหากไม่กำจัด แม้คลอดออกมา ก็ต้องรีบบีบคอให้ตาย จะให้ผู้ใดรู้ว่านางแอบคลอดบุตรไม่ได้ ทางหนานเจียงของพวกนางมีลงโทษเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้รุนแรงอย่างมาก”
หยวนชิงหลิงมองนาง ก่อนเอ่ยถาม “หลังเด็กคลอดออกมา ท่านคิดทำเช่นไร?”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่านางไม่ควรเลี้ยงดูลูกของอ๋องเว่ยและกู้จือ
“พาตัวไป จะให้ถูกนางบีบคอจนตายไม่ได้”
“ท่านคิดเลี้ยงดูเองหรือ?” หยวนชิงหลิงถอนหายใจมองนาง “ท่านจะไม่เกลียดชังเด็กคนนั้น เลี้ยงดูเขาเหมือนเด็กกำพร้าทั่วไปได้จริงหรือ?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอมีสีหน้าเรียบเฉย “ทั้งหมดคือความแค้นของผู้ใหญ่ จะเกี่ยวข้องกับเด็กผู้นั้นได้เช่นไร และนางยังพูดว่าบิดาของเด็กนั้น คือผู้อื่น”
หยวนชิงหลิงตกใจเมื่อได้ยิน “ไม่ใช่อ๋องเว่ยหรือ?”
“นางบอกว่าไม่ใช่” จวิ้นจู่จิ้งเหอก้มหน้าลง เมื่อพูดเรื่องเหล่านี้ อดอึดอัดใจไม่ได้ “นางพูดว่าทุกครั้งแม้ใช้กระดังงาไทย ไม่สามารถทำให้เขาลุ่มหลงได้ สุดท้ายจำต้องใช้ดอกลำโพง เพื่อให้เขาเกิดอาการประสาทหลอน สร้างภาพลวงตาขึ้นมา แต่อ๋องอานให้นางจำต้องตั้งครรภ์ สุดท้ายจึงต้องหาคนมาคนหนึ่ง คนผู้นั้น เจ้าเองก็รู้จัก”
หยวนชิงหลิงมองนาง ก่อนถามออกไปทันที “ผู้ใด?”
“บิดาเจ้า เจ้าพระยาจิ้ง!”
หยวนชิงหลิงแทบผุดลุกขึ้นมา ก่อนพูดอย่างประหลาดใจ “นี่จะเป็นไปได้เช่นไร บิดาข้าไม่รู้จักนาง?”
บิดานางผู้นั้น ก่อนหน้านี้คิดถึงแต่ความก้าวหน้าในตำแหน่ง เหตุใดถึงเกลือกกลั้วกับกู้จือ คนงามสหายรู้ใจของอ๋องอานในตอนนั้นได้กัน
แม้เขาจะหลงผิด แต่การประจบประแจงประเภทนี้ ต้องไม่หลงผิดเป็นแน่
เขาไม่กล้าล่วงเกินอ๋องอาน
และรูปโฉมของกู้จือนั้น ถือว่าไม่ใช่ประเภทที่บิดาของนางชื่นชอบอีกด้วย
นางไม่เชื่อ กู้จือต้องโกหกแน่นอน
นางเอ่ยเช่นนี้ คิดจะมาไม้ไหนอีก?
จวิ้นจู่จิ้งเหอจึงเอ่ยขึ้นว่า “นางพูดเช่นนี้ รายละเอียดต่อไปเจ้าถามนางเองเถิด”
หยวนชิงหลิงจะรอต่อไปได้เช่นไร ในใจคล้ายไฟกำลังแผดเผา เจ้าห้าเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรัชทายาท บิดาของพระชายารัชทายาทถูกพบว่าลักลอบมีสัมพันธ์กับสนมที่อ๋องเว่ยโปรดปรานจนตั้งครรภ์
หากเป็นเรื่องจริง แผนนี้ของอ๋องอาน ต้องเตรียมการไว้แล้วเป็นแน่
ทุกก้าวของเขาต้องคำนึงถึงคนมากมายเพียงใดกัน?
หยวนชิงหลิงคิดว่าหากเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นอ๋องอานน่ากลัวเกินไปจริง ๆ
“ตอนนี้กู้จืออยู่ที่ใด?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
“ห้องด้านข้างในสำนักนางชีหมิงเยว่ ที่พักของข้าในเวลานี้”
“จวิ้นจู่จิ้งเหอ ข้าอยากพบกู้จือสักครั้ง เอ่ยถามนางเรื่องของนางและบิดาของข้าให้กระจ่าง”
จวิ้นจู่จิ้งเหอมองนางพร้อมเอ่ยว่า “ความจริงเจ้าไม่ควรต้องกังวล คำพูดของกู้จือ หากสิบประโยค เจ้าเชื่อเพียงประโยคเดียวล้วนอันตราย เชื่อเพียงคำเดียวล้วนเรียบร้อยแน่ เมื่อก่อนนางยังเล่าเรื่องยามค่ำคืนอันมีความสุขของพวกเขาว่าเป็นเช่นไรต่อหน้าข้า”
จวิ้นจู่จิ้งเหอเอ่ยพลางเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา เย้ยหยันอย่างยิ่ง
หยวนชิงหลิงถอนหายใจ “จวิ้นจู่ หากเรื่องนี้เป็นความจริง หลังแพร่ออกไป คงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แน่เพคะ!”
จวิ้นจู่จิ้งเหอพยักหน้าอย่างเห็นพ้อง พร้อมเอ่ยว่า “หากเจ้าต้องการพบนาง ให้ส่งคนที่ไว้ใจได้ไปรับตัว ห้ามให้ตกอยู่ในมือของอ๋องอานเด็ดขาด อ๋องอานส่งคนไล่ล่าสังหารนางตลอดเวลา แต่เขาคงคิดไม่ถึงว่าข้าจะซ่อนตัวกู้จือไว้ ผู้ใดล้วนคิดไม่ถึงแน่”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำนี้ หนักใจขึ้น “หากพูดว่าอ๋องอานไล่สังหารนางอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้นางพูดแผนการที่เขาใช้กับจวนอ๋องเว่ยออกไป แต่เขาลากบิดาข้ามาเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก เพราะต้องการข่มขู่เขาหรือข่มขู่เจ้าห้าและข้า เขามีคำสั่งให้ฆ่ากู้จือ เห็นชัดว่าบิดาถูกเขาบีบไว้ในกำมือแล้วล่ะ”
“เช่นนั้นพระชายาต้องระวังตัวให้ดี” จวิ้นจู่จิ้งเหอกล่าว
หยวนชิงหลิงเรียกอะซี่และสวีอีเข้ามา สั่งให้พวกเขาสองคนส่งจวิ้นจู่จิ้งเหอกลับไป และนำตัวกู้จือกลับมาที่จวนอ๋อง นางต้องสอบถามด้วยตนเอง
หลังส่งจวิ้นจู่จิ้งเหอ หยู่เหวินเห้าก็กลับมา หยวนชิงหลิงจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่จวิ้นจู่จิ้งเหอพูดแก่เขาฟัง
เจ้าห้าแปลกใจอย่างมาก “จะเป็นไปได้เช่นไร ก่อนนี้พี่สามให้ความสำคัญกับครรภ์ของกู้จือมาก หากไม่ใช่บุตรเขา เหตุใดเขาจึงทะนุถนอมเช่นนั้น?”
“หากเขาเองล้วนไม่รู้?” หยวนชิงหลิงกล่าว
หยู่เหวินเห้าสะบัดมือ ท่าทางราวผู้อาวุโสมากประสบการณ์ “เรื่องนี้ทำหรือไม่ตนเองต้องรู้แน่ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้