บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 475
ภายในเสียงของกู้จือเต็มเปี่ยมไปด้วยความเศร้าโศก “บุรุษล้วนมีคุณธรรมในเรื่องนี้”
เจ้าพระยาจิ้งทนไม่ไหวจึงไปปิดปากของนางเอาไว้ แล้วหาบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในอกครู่หนึ่ง ก่อนหยิบตั๋วเงินออกมาใบหนึ่ง ก่อนรีบยัดใส่มือของกู้จืออย่างลนลาน เอ่ยเสียงเบาอย่างโมโหว่า “เจ้ารีบไสหัวไป อย่ามาหาบุตรสาวของข้าอีก ที่คือตั๋วเงินร้อยตำลึง มากเพียงพอที่จะทำให้เจ้าออกจากเมืองหลวงไปปักหลักที่อื่นได้อย่างสบาย เรื่องระหว่างข้ากับเจ้า เจ้าห้ามพูดถึงเด็ดขาด รีบไสหัวไป”
กู้จือหยิบตั๋วเงินใบนั้น ก่อนยัดเข้าไปในแขนเสื้อของตนอย่างร้อนรน “ตกลง!”
แต่นางกลับนั่งนิ่งไม่ขยับ
เมื่อประตูถูกเปิดออก หยวนชิงหลิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าโมโห อะซี่รีบปิดประตูจากด้านนอกทันที
เจ้าพระยาจิ้งเห็นหยวนชิงหลิง ตกใจอย่างตัวสั่นชั่วขณะ จากนั้นรีบแสร้งวางตัวเรียบเฉยมองหยวนชิงหลิง ก่อนเอ่ยปากอย่างห่วงใย “เจ้ายังอยู่ในช่วงอยู่ไฟ ไม่ควรออกมาตากลม ต้องระวังสุขภาพตนเองให้ดี”
หยวนชิงหลิงถลึงตาให้เขาแวบหนึ่ง ด้วยท่าทางราวอยากฆ่าคน
เจ้าพระยาจิ้งหดคอลง “จะ…เจ้าไม่เป็นอันใดนะ? ผู้ใดทำให้เจ้าไม่สบายใจ?”
“อย่ามาพูดพร่ำเพื่อ จะจัดการเช่นไร?” หยวนชิงหลิงไม่โมโหแล้ว มีบิดาเช่นนี้ ถือว่าเป็นโชคร้ายของเจ้าของร่างเดิมและนาง
เจ้าพระยาจิ้งยังคงแสร้ง “จะจัดการอันใด?”
“บุตรของท่าน” หยวนชิงหลิงชี้ที่ครรภ์ของกู้จือ
เจ้าพระยาจิ้งสีหน้าตกตะลึง “ข้าไม่รู้จักสตรีนางนี้ ลูกของนางเกี่ยวข้องอันใดกับข้า?”
กู้จือได้ยินคำพูดนี้ ส่งเสียงหัวเราะออกมา เสียดแทงใจยิ่งนัก
“เจ้าหัวเราะอันใด?” เจ้าพระยาจิ้งโมโห “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่รู้ขอทานมาจากที่ใด กล้าหาญชาญชัยยิ่งนัก”
“ท่านไม่รู้ว่านางคือผู้ใดอีกหรือ?” หยวนชิงหลิงนั่งลง “ข้าขอแนะนำก่อนแล้วกัน นางมีนามว่ากู้จือ เป็นสนมรักของอ๋องเว่ย ตอนนี้ทุกคนต่างทราบดี นางตั้งครรภ์บุตรของอ๋องเว่ย กระทั่งไทเฮาก็ทรงยอมรับ หากหลังเด็กคนนี้ลืมตาดูโลก ไม่มีส่วนใดคล้ายอ๋องเว่ยแม้แต่น้อย กลับกันดูคล้ายเจ้าพระยาจิ้งเช่นท่าน เช่นนั้นเรื่องคงสนุกพิลึก จนกระทั่งทุกคนในจวนเจ้าพระยาจิ้งต้องถูกตัวศีรษะ เป็นผีอยู่ในจวนด้วยกันเพราะท่าน ท่านว่าน่าสนุกดีหรือไม่?”
เจ้าพระยาจิ้งแทบลื่นลงจากเก้าอี้ ตกใจจนอ่อนแรงไปทั่วร่าง ริมฝีปากสั่นเทิ้มครู่หนึ่ง ก่อนโต้แย้งขึ้น “นางคือกู้จือไม่ผิด แต่นางมิใช่สนมของอ๋องเว่ย นางคือลูกพี่ลูกน้องของพระชายาอาน”
“คำพูดนี้ ถึงเวลาท่านกราบทูลฮ่องเต้และไทเฮาเถิด ดีหรือไม่?” หยวนชิงหลิงมองท่าทางขลาดกลัวนั้นของเขาแล้วโมโหขึ้น
เจ้าพระยาจิ้งตกใจจนไม่กล้าเอ่ยปาก มองหยวนชิงหลิงอย่างไร้ที่พึ่ง คล้ายเด็กน้อยที่ทำความผิดผู้หนึ่ง แทบจะร้องไห้ออกมา
“พูด จะจัดการเช่นไร เด็กคนนี้จะทำเช่นไร?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
เจ้าพระยาจิ้งไม่กล้าพูด เอาแต่มองกู้จือ
กู้จือกลับเอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “หากกำจัดไม่ได้ หลังคลอดออกมาก็รัดคอให้ตาย”
เจ้าพระยาจิ้งได้ฟังคำนี้ รีบเอ่ยพ้องขึ้น “ใช่ ต้องรัดคอให้ตาย เพราะให้ผู้ใดล่วงรู้ไม่ได้”
หยวนชิงหลิงได้ยินคำนี้ โมโหเดือดดาล นางทำสิ่งใดไม่ได้ที่ว่าเจ้าพระยาจิ้งคือบิดาของนาง จึงหยิบถ้วยบนโต๊ะขว้างออกไป แผดเสียงจนทั่วกายสั่นเทิ้ม “ข้าจะบีบคอท่านให้ตายก่อน ดีหรือไม่ เป็นถึงบุรุษ ท่านไม่มีความรับผิดชอบสักนิดเลยหรือ ท่านปู่มอบตำแหน่งเจ้าพระยาให้แก่ท่าน ท่านไม่คิดใช้ความสามารถตนเองปกป้องรักษาไว้ และยังขายบุตรสาวผู้นี้และผู้นั้น สุดท้ายกระทั่งตนเองล้วนขายทิ้งเพื่อรักษาความยิ่งใหญ่พวกนี้ ตอนนี้เพื่อให้พ้นผิด กระทั่งเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูโลกคิดรัดคอให้ตาย ท่านยังเป็นคนอยู่หรือไม่?”
เจ้าพระยาจิ้งก้มหน้าลง ไม่กล้าส่งเสียง กลับไม่ใช่เพราะรู้สึกผิด แต่เพราะหยวนชิงหลิงดุเกินไป จึงไม่กล้าต่อปากต่อคำ
กู้จือไม่ได้ยินเขาตอบกลับ คาดเดาได้ถึงท่าทางขี้ขลาดนั้นของเขาได้ จึงหัวเราะเยาะขึ้นอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงยังไม่ทันหายโมโห หลังได้ยินเสียงหัวเราะนี้ของนาง หันหน้าไปอย่างเฉยชา “เจ้าหัวเราะอันใด เสียงหัวเราะนี้ของเจ้าช่างคล้ายกำลังดูเรื่องตลก เด็กคนนี้กระทั่งตอนนี้ข้ายังไม่แน่ใจว่าคือบุตรของบิดาข้าหรือไม่ แม้จะใช่ เจ้าคิดว่าเป็นความผิดเขาหรือ เจ้าไม่มีความผิด ได้ยินจวิ้นจู่จิ้งเหอเล่าว่าตั้งแต่เจ้าไปถึงสำนักนางชีหมิงเยว่ มัความคิดกำจัดเด็กคนนี้ตลอดเวลา เพราะเหตุใดหรือ อุตส่าห์วางแผนให้ตั้งครรภ์ แต่สุดท้ายไม่ใช้ประโยชน์เห็นคุณค่า ต้องการกำจัดกระทั่งรัดคอให้ตาย เหตุใดบนโลกนี้จึงมีคนที่โหดเหี้ยมเช่นเจ้าด้วย พูดคำว่าน่าอายกับเจ้า ถือเป็นการสบประมาทคำว่าน่าอายด้วยซ้ำไป”
กู้จือจึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เหตุใดเจ้าต้องแสร้งทำท่าทางสูงส่งเหนือผู้อื่นด้วยเล่า เจ้าจะมีคุณธรรมสูงไปไหน เจ้าคิดว่าวิธีการตอนแรกของเจ้าไม่น่ารังเกียจหรือ ถูกต้อง ตอนนี้อ๋องฉู่ชื่นชอบเจ้า ไม่คิดเล็กคิดน้อยถึงความผิดในอดีตของเจ้า แต่หากคิดให้ดี ๆ เจ้าแตกต่างกับข้าอย่างไร สิ่งที่แตกต่างกันเพียงสิ่งเดียวคืออ๋องเว่ยไม่ได้รักข้า แต่เจ้าประสบความสำเร็จเท่านั้น”
หยวนชิงหลิงเอ่ยเสียงเย็นว่า “ถึงข้าน่ารังเกียจ ไม่เคยทำร้ายผู้ใด คำพูดเหลวไหลพวกนี้ไม่พูดถือว่าดี ข้าสั่งให้คนส่งเจ้ากลับสำนักนางชีหมิงเยว่ก่อน และให้เจ้าคลอดบุตรอย่างปลอดภัยไร้ความกังวล หลังเด็กคลอดออกมา ข้าจะให้คนนำตัวไป ส่วนเจ้าหลังรักษาตัวจนหายดี ส่งกลับหนานเจียง”
เอ่ยจบ นางลุกยืนพร้อมเอ่ยกับเจ้าพระยาจิ้ง “ท่านมากับข้า”
เจ้าพระยาจิ้งยืนขึ้นเดินได้สองก้าว พลันกลับไปดึงข้อมือของกู้จือ แย่งตั๋วเงินร้อยตำลึงที่เขาให้ไปเมื่อครู่กลับมา ก่อนเอ่ยโมโห “ที่แท้เจ้าคิดร้ายกับข้า”
กู้จือโมโหจึงลูบแก้วใบหนึ่งแล้วเขวี้ยงออกไป “ชายชั่ว!”
เจ้าพระยาจิ้งนำตั๋วเงินเก็บซ่อนไว้อย่างดี ตั๋วเงินร้อยตำลึงนี้เวลานี้ถือว่าสำคัญกับเขาอย่างมาก ตอนนี้ไม่เหมือนในอดีต สกุลล้วนว่างเปล่า ตำแหน่งขุนนางไม่มีแล้ว ย่อมต้องเห็นแก่เงินทองไว้เท่านั้น
หยวนชิงหลิงพาเขาเข้ามาในห้องหนังสือ เจ้าพระยาจิ้งหลังเข้ามารีบร้อนเอ่ยขึ้น “ลูกพ่อ เรื่องนี้เจ้าจัดการอย่างไร้เหตุผลยิ่งนัก หากต้องส่งนางไป ส่งไปตอนนี้ อย่ารอให้นางคลอดเลย เด็กคนนี้หลังคลอดออกมาคือหายนะ”
หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างเย็นขา “ดังนั้น เด็กคนนี้จะเป็นจะตาย ท่านล้วนไม่สนใจ?”
เจ้าพระยาจิ้งเม้มปาก “คล้ายกับที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้ เด็กคนนี้อาจไม่ใช่บุตรของข้า เหตุใดข้าต้องหาเรื่องใส่ตัว ตอนนั้นอ๋องอานบอกว่านางคือลูกพี่ลูกน้องของพระชายาอาน กระทั่งตอนนี้ยังไม่ได้แต่งงาน คะนึงหาบุรุษอย่างที่สุด ข้าคิดว่านางน่าสงสารจึงอยู่เป็นเพื่อนนางหลายคืน แม้จะทำด้วยความหวัง แต่ผู้ใดจะรู้ว่าความหวังดีกลายเป็นความผิด คนดีเป็นไม่ได้จริง ๆ”
หัวใจของหยวนชิงหลิงแทบรับไม่ไหว คนผู้หนึ่งสามารถไร้ยางอายได้ถึงจุดนี้ ได้เปลี่ยนความคิดของนางที่มีต่อคำว่าไร้ยางอายจริง ๆ
ยัดเงินใช้เส้นสาย ขายบุตรสาวเพื่อหาที่พึ่ง อยู่กับสตรีเพื่อดึงความสัมพันธ์ ตอนนี้ยังจะฆ่าบุตรของตน คนประเภทนี้ หากสัญญากับเขาจริง ให้เขานำกระดูกของบรรพบุรุษไปต้มน้ำซุป เขายินยอมทำ
เขาเห็นหยวนชิงหลิงไม่พูดจา คิดว่าหยวนชิงหลิงเชื่อเขา จึงเอ่ยต่อว่า “เรื่องนี้ ความจริงข้าก็ไม่ได้เต็มใจทำ กู้จือผู้นั้นค่อนข้างขี้เหร่ แต่เห็นแก่อ๋องอาน จึงยอมอยู่กับนาง ผู้ใดจะรู้ว่านางกลับเป็นสนมของอ๋องเว่ย อ๋องเว่ยตาบอดหรือ พระชายาเว่ยนั้นข้าเคยพบมาก่อน รูปโฉมสวยงามกว่ากู้จือนัก อาจเป็นเพราะลีลาบนเตียงนั้นยอดเยี่ยม แต่ก็สู้ฮูหยินซ่างไม่ได้”
“หุบปาก!” หยวนชิงหลิงฟังเขายิ่งพูดยิ่งเหลวไหล โมโหจนร้องคำรามขึ้น “ท่านไม่อับอาย แต่ข้ายังอับอาย”
นางพลันเงยหน้าขึ้น “ฮูหยินซ่าง ฮูหยินซ่างที่ใด?