บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 478
เจ้าพระยาจิ้งเอ่ยอย่างโมโห “นี่คือเรื่องของข้า ข้าล้วนไม่คิดว่าจะจัดการเช่นไร แล้วอันใดกับนาง หากเกิดเรื่องจริง ข้าจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียว”
ให้เขาไปหนานเจียงใช้ชีวิตร่วมกับคนแปลกหน้า ไม่หรูหราฟู่ฟ่าดังเมืองหลวง ไม่ใช่เจ้าพระยาในราชสำนัก เป็นแค่ราษฎรทั่วไปเหมือนคนทั่วไป เขาไม่ยินยอม
เขาโมโหฝีปากของหยวนชิงหลิงนัก
เรื่องนี้เดิมทีไม่มีผู้รับรู้ ตอนนี้ทำให้หลายคนรู้เห็น แม้สุดท้ายจะเกิดเรื่องจริง เป็นเพราะนางก่อเรื่องเอง
ทังหยางเอ่ยเกลี้ยกล่อมอย่างหวังดี “เจ้าพระยา คนเหล่านั้นไม่ใช่สตรีทั่วไป โดยเฉพาะฮูหยินซ่างสามารถตัดศีรษะท่านได้ ยังมีฮูหยินอื่นๆพวกนั้น สามีพวกนางจะปล่อยท่านไปหรือ ท่านรีบไปเถิด ไปจากที่นี่ อย่างน้อยรักษาชีวิตไว้ได้ และไม่สร้างความยุ่งยากให้รัชทายาท”
เจ้าพระยาจิ้งเอ่ยอย่างโมโห “เอาแต่พูดว่าข้าสร้างความยุ่งยากให้เขา ข้าสร้างความยุ่งยากอันใด เขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพวกนางเสียหน่อย เพียงคำนินทาไม่แค่กี่ประโยค ยังรับไม่ได้ เขาเป็นถึงรัชทายาทแล้ว ยังสนใจคำนินทาพวกนี้อยู่อีกหรือ?”
ทังหยางเห็นเขาเลอะเลือนขนาดนี้ ไม่เพียงโมโห น้ำเสียงสูงแฝงโมโหเล็กน้อย “เจ้าพระยา สตรีที่ท่านมีความสัมพันธ์ไม่ใช่คนทั่วไป สามีพวกนางคือผู้มีอำนาจในราชสำนัก ทราบหรือไม่?”
“แล้วเช่นไร พวกนางไม่พูดแน่ แม้ถูกสามีพวกนางรู้เข้าจริง พวกเขาไม่เอะอะแน่ ผู้ใดล้วนรักในหน้าตา โวยวายออกไป พวกเขาไม่กลัวอับอายหรือ?” เจ้าพระยาจิ้งคาดการณ์ดูแล้ว เรื่องประเภทนี้แม้ทราบ ไม่มีผู้ใดสืบเสาะ
ทังหยางจึงโมโหอย่างยิ่ง “เจ้าพระยา ท่านไม่คิดเลยหรือ พวกเขาไม่เอะอะโวยวาย แล้วจะไม่แก้แค้นท่านลับ ๆ และท่านเป็นถึงพ่อตาของรัชทายาท ท่านไม่จำเป็นต้องเลือกฝั่ง ท่านล้วนอยู่ทางฝั่งรัชทายาท ขณะที่แก้แค้นท่าน อาจจะแก้แค้นรัชทายาทด้วยก็ได้”
เจ้าพระยาจิ้งไม่พูด ไม่ใช่เห็นพ้อง แต่ยังไม่ทันได้คิดคำโต้แย้ง
ทังหยางคิดว่าเขาคิดได้แล้ว จึงกล่าวต่อไปว่า “สิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น คือถูกเปิดโปงความลับ ท่านมีความสัมพันธ์กับฮูหยินมากขนาดนั้น ทุกคนจะคิดเช่นไร อาจคิดว่ารัชทายาทให้ท่านทำเช่นนี้ จุดประสงค์คือให้สามีพวกเขาโน้มน้าวเหล่าขุนนางเพื่อสนับสนุนรัชทายาท แบ่งพรรคแบ่งพวก จับกลุ่มหาผลประโยชน์ส่วนตัว นี่คือข้อห้ามที่สำคัญของฮ่องเต้ และการใช้วิธีการต่ำทรามเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงเอ่ยว่าไม่สร้างความยุ่งยากให้รัชทายาท อ๋องอ่านสามารถจ้องมองบุตรเขยของท่านอยู่ในตำแหน่งรัชทายาท เขาไม่คิดหาวิธีปลดพระองค์ลงมาหรือ?”
ภายในคำพูดชุดนี้ของทังหยาง เห็นชัดว่าเจ้าพระยาจิ้งได้ยินเพียงวิธีการต่ำทราม
เขาเอ่ยอย่างเดือดดาล “วิธีการคือวิธีการเหมือนกัน ยังจะแบ่งขาวสะอาดต่ำทรามอันใด เจ้าเอาแต่พูดว่าไม่โปร่งใส่ และจุดเริ่มต้นของข้าไม่ใช่เพื่อตนเอง พวกนางเองน่าสงสาร นั่งเฝ้ารอคอยมานานปี ไม่ได้รับความรักทะนุถนอม อายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตเหี่ยวเฉา พวกเราส่วนใหญ่ต่างใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ไม่ได้เลวทราม”
แม้ทังหยางจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินประโยคนี้ล้วนอดโกรธจนขนตั้งชันไม่ได้
“ท่านยังคิดว่าที่ทำเป็นเรื่องดี ข้าบอกจะสร้างความยุ่งยากให้แก่รัชทายาท ท่านฟังไม่เข้าใจหรืออันใด?”
เจ้าพระยาจิ้งทนไม่ไหวที่ข้ารับใช้ตัวเล็ก ๆ มาเอ่ยเหลวไหลโอหังในจวนเจ้าพระยาจิ้งของเขา จึงต่อยหมัดออกไป ก่อนสั่งให้คนรีบพาตัวออกไป
ทังหยางอยากสั่งสอนตาแก่นี้สักยกเสียจริง แต่ไม่กล้า ยังไงเป็นถึงบิดาของพระชายารัชทายาท ทำได้เพียงกุมดวงตาดำคล้ำข้างหนึ่ง กลับไปรายงาน
หยู่เหวินเห้าและหยวนชิงหลิงเห็นทังหยางสะบักสะบอมกลับมา ประหลาดใจอย่างยิ่ง
ทังหยางเป็นบ่าวรับใช้ในจวนอ๋อง เปี่ยมความสามารถ สิ่งที่เขาเก่งกาจที่สุดไม่ใช่วิทยายุทธ แต่เป็นริมฝีปากคู่นั้น
เขาสามารถพูดหว่านล้อม จนศพลุกขึ้นมาได้ ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงให้เขาไปหาเจ้าพระยาจิ้ง พูดถึงคุณและโทษในความสัมพันธ์ให้กระจ่าง ด้วยความสามารถล้างสมองของทังหยาง ปกติเจ้าพระยาจิ้งไร้หนทางต้านทาน
ทังหยางเห็นสายตาสงสัยของเจ้านายทั้งสอง เอ่ยอย่างโกรธเคือง “”เจ้าพระยาจิ้งคือคนไร้เหตุผล
หากเอ่ยว่าสารเลวล้วนเป็นการยกย่องเขา
หยู่เหวินเห้ามองหยวนชิงหลิง “เจ้าคิดเช่นไร?”
แววตาหยวนชิงหลิงปรากฎความโหดเหี้ยมแวบผ่าน “หากลุ่มคนลักพาตัวไป ยังต้องเกรงใจอันใดเขาอีก?”
ประจวบกับหยู่เหวินเห้ามีแผนการนี้อยู่เช่นกัน แต่สุดท้ายต้องดูสีหน้าของท่านพ่อตา หรือภรรยา เมื่อภรรยาเอ่ยเช่นนี้ เช่นนั้นลงมือ
คิดไม่ถึง ขณะกำลังวางแผนพาตัวเจ้าพระยาจิ้งไป ทางฮูหยินใหญ่นั้นอาการไม่ดี คนสามารถช่วยชีวิตกลับมาได้ แต่กระทั่งพูดจาล้วนทำไม่ได้ และร่างกายฉีกหนึ่งขยับไม่ได้
หยวนชิงหลิงรู้ข่าว รีบร้อนเป็นที่สุด ขณะนางอยู่ไฟนางกลับบ้านบิดามารดาไม่ได้ นี่คือธรรมเนียม ทำได้แต่ให้เจ้าห้าและหมอหลวงไปดูอาการ เมื่อหยู่เหวินเห้าและหมอหลวงไปถึง เจ้าพระยาจิ้งและนางหวงภรรยาปรนนิบัติอยู่ข้างเตียงฮูหยินใหญ่
ฮูหยินใหญ่หลับสนิท สีหน้าแดงก่ำ หลังหมอหลวงเอ่ยว่าโรคโรคจากภายนอกที่เกิดจากลม ล้วนง่วงงุนเป็นพิเศษ และความจริงอาการยังไม่คงที่ ยังคงมีอันตราย
เจ้าพระยาจิ้งร้องไห้จนดวงตาบวมเป่ง ก่อนลากหยู่เหวินเห้าออกไป ก่อนเอ่ยว่า “ข้ารู้พวกเจ้าอยากส่งข้าจากไป ข้าเองก็เคยคิด ความจริงอยู่ในเมืองหลวงมีอันตราย ข้ายอมไป แต่รอสักระยะ ให้ฮูหยินใหญ่อาการคงที่สักหน่อยแล้วข้าจะไป มิฉะนั้นหากข้าไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับนาง ข้างกายกระทั่งคนส่งครั้งสุดท้ายล้วนไม่มี”
หยู่เหวินเห้ามองใบหน้าสะอึกสะอื้นของเขา เอ่ยอย่างหงุดหงิด “ท่านเอ่ยสิ่งใดให้ฮูหยินใหญ่ตกใจหรือไม่ อยู่ดี ๆ เหตุใดนางจึงเป็นโรคจากภายนอกที่เกิดจากลม?”
เจ้าพระยาจิ้งสาบานต่อฟ้า “ไม่แน่นอน ข้าจะกล้าเอ่ยกับนางเช่นไร นางโมโหจนตายแน่ หากข้าตายไป มีหน้าไปพบบรรพบุรุษได้เช่นไร”
หยู่เหวินเห้าถลึงตามองเขาแวบหนึ่ง “ตอนนี้ท่านตายไป ไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษเช่นกัน”
เจ้าพระยาจิ้งอับอายไม่กล้าพูดจา และไม่กล้าร้องไห้อีก
เมื่อกลับมาที่จวน หยู่เหวินเห้าให้หมอหลวงเล่าอาการฮูหยินใหญ่แก่หยวนชิงหลิง
“ครั้งนี้จู่ ๆโรคจากภายนอกที่เกิดจากลม คนก็หมดสติไม่ตื่นขึ้นมา ให้โคโรคไปแล้ว ต้องดูว่าอาการจะคงที่หรือไม่ หากไม่คงที่ เกรงว่าภายในเวลาอันสั้นนี้ต้องเกิดครั้งที่สองขึ้นแน่ ครั้งที่สองยากลำบากแน่” หมอหลวงกล่าว
หยวนชิงหลิงรู้ถึงอันตรายของอัมพาต เดิมทีนางเป็นโรคหัวใจ ผู้ป่วยหลอดเลือดหัวใจขาดเลือดประเภทนี้ ความดันโลหิตไม่คงที่อย่างยิ่ง ก่อนนี้ช่วยนางวัดความดันโลหิต สูงเล็กน้อยแต่ไม่ได้ร้ายแรง
ครั้งนี้ ต้องเป็นเหนื่อยล้าเกินไป ไม่ก็สะเทือนใจหนักจนความดันโลหิตพุ่งสูง
เมื่อส่งหมอหลวงออกไป หยู่เหวินเห้าเข้ามาเอ่ยกับหยวนชิงหลิง “ดูท่าแล้ว ระยะนี้เขาต้องอยู่ในเมืองหลวงแล้ว มิฉะนั้นหากเกิดสิ่งใดกับท่านย่า เป็นจริงดังที่เขาพูด ข้างกายไม่มีบุตรชายส่งอำลาครั้งสุดท้าย”
หยวนชิงหลิงกังวลอาการป่วยของท่านย่า ไม่สนใจเจ้าพระยาจิ้งไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยว่า “เช่นนั้นได้แต่ทำเช่นนี้ และจัดการเขาไม่ได้ หากเกิดเรื่องร้ายขึ้นจริง ก็ถือว่ากรรมตามสนองเขา”
หยู่เหวินเห้าปลอบโยนหลายประโยค แม่นมอุ้มเด็ก ๆ ที่เพิ่งป้อนนมเข้ามาพอดี
สี่วันก่อนหน้านี้ เด็กน้อยทั้งสามเกิดโรคดีซ่าน
โรคดีซ่านของเด็กเกิดใหม่ ปกติห้าวันถึงหนึ่งสัปดาห์จะหายไป
แต่เจ้าเล็กข้าวเหนียวคล้ายยังโรคดีซ่าน
หยวนชิงหลิงลองฟังเสียงหัวใจของ เจ้าเล็กข้าวเหนียว ก่อนจะใช้ยา แล้วสังเกตสักระยะค่อยวินิจฉัย
นางอุ้ม เจ้าเล็กข้าวเหนียว เจ้าเล็กข้าวเหนียว คือคนที่เงียบสงบที่สุด
ตอนที่เกิดมานั้น เขาร้องไห้เสียงเบา และร้องไห้น้อย
ตอนนี้เห็นเกิดมาหลายวันเช่นนี้ พี่ชายของเขาสองคนต่างน้ำหนักเพิ่มขึ้นทิ้งห่างไปแล้ว
เห็นชัดว่าเขาตัวเล็กผอมมากทีเดียว เจ้าเล็กข้าวเหนียว