บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 485
ไทเฮาพูดเข้าประเด็นว่า “ตอนนี้ผู้สืบทอดบัลลังก์ก็ได้เลือกแล้ว สิ่งที่แม่คาดหวังที่สุดถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่การที่แม่สูงศักดิ์เพราะลูกสูงศักดิ์ เป่ยถังเรามีกฎแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสนมเพราะบุตรมาตลอด ในเมื่อเจ้าแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาทแล้ว แต่ไม่แต่งตั้งเสียนเฟย นี่จะเป็นการทำให้คนอื่นคิดว่าเจ้ายังคงลังเลใจ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านแม่วางใจ เรื่องนี้ ข้ามีเหตุผลของตนเอง ท่านไม่ต้องมีส่วนร่วม”
ไทเฮามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าบอกแม่ เป็นเพราะนางขัดขวางเรื่องการคลอดหรือ?”
สายตาฮ่องเต้หมิงหยวนมองไปยังด้านม่านอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ก่อนที่พระชายารัชทายาทจะคลอดตลอดจนวันที่คลอด นางก็เดือดร้อนที่จะเอาลูกไม่เอาแม่ ดีที่พระชายารัชทายาทโชคดี ผ่านพ้นมาได้ แต่งตั้งเจ้าห้าเป็นองค์ชายรัชทายาท ข้ารู้กฎของบรรพบุรุษอยู่แล้ว ต้องเลื่อนตำแหน่งแม่ของเขาด้วย แต่ข้าทำแก้วศักดิ์สิทธิ์ในวัดอิมพีเรียลบรรพบุรุษหกไปสามครั้งติดต่อกัน แม้แต่บรรพบุรุษก็ไม่ตกลงที่จะเลื่อนตำแหน่งให้กับนาง”
ไทเฮาอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง เสียนเฟยไม่คิดมากกับเรื่องพวกนี้ ยังไงทิ้งแม่เก็บลูกไว้เป็นความคิดของนาง ตอนนี้ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก ก็ถือเป็นเหตุผลเดียวกัน”
ไทเฮาหัวเราะอย่างขมขื่น หากไม่คิดอะไรมากก็คงดี
“ที่เจ้าพูดว่าทิ้งแม่เก็บลูกไว้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”ไทเฮารู้ว่าเมื่อวันคลอด เสียนเฟยก่อเรื่องวุ่นวาย แต่นางทำอะไรลงไปบ้าง กลับไม่รู้ชัดเจน
ฮ่องเต้หมิงหยวนค่อนข้างแปลกใจ จึงพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ เรื่องนี้พูดถึงกันจนทั่ววังแล้ว ท่านไม่รู้เรื่องหรือ?”
เขายังคงนึกว่าเสด็จย่ารู้เรื่องแล้ว เพราะยังไงนี่ก็ไม่ใช่ความลับแล้ว เขาไม่เห็นเสด็จย่าลงโทษ ยังคิดว่าเสด็จย่าจะเหมือนที่ผ่าน เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างป้ากับหลาน
“รู้กันไปทั่วหรือ? แล้วทำไมข้าถึงไม่รู้?”ไทเฮายิ่งอยู่ก็ยิ่งงง
แม่นมหูมองดูไทเฮาแว๊บหนึ่งอย่างกระสับกระส่าย เรื่องแอบอ้างคำสั่งของไทเฮา ภายในวังใครๆต่างก็รู้แล้ว แต่ทางด้านไทเฮาข่าวทั้งหมด ล้วนต้องผ่านนางก่อน ดังนั้นไทเฮารู้เพียงว่าเสียนเฟยเหนียงเหนียง สร้างความเดือดร้อนในห้องคลอด แต่ไม่รู้ว่าหนักหนาขนาดไหนหรือเดือดร้อนเรื่องอะไร
ไทเฮาเห็นทีท่า ก็รู้แล้วว่ามีอะไรแอบแฝงแล้วตนเองไม่รู้ จึงตะคอกพูดขึ้นว่า “แม่นมหู มีเรื่องปิดบังข้าใช่ไหม? รีบพูดมา”
แม่นมหูตกตะลึงตกใจ เสียงคุกเข่าดังขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ไทเฮาโปรดอภัย ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบัง เพียงแต่เสียนเฟยเหนียงเหนียงสั่งไว้ ว่าห้ามทูลไทเฮาเด็ดขาด ไทเฮาจะไม่โกรธจนส่งผลกระทบต่อพระวรกาย”
ไทเฮาโกรธจนอึ้ง จ้องมองไปที่ม่านด้วยสายตาดุดันแว๊บหนึ่ง พร้อมพูดกับแม่นมสี่ว่า “รีบพูดมา”
แม่นมหูไม่กล้าปิดบังอีกต่อไป เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้กับไทเฮาฟัง
ไทเฮาได้รู้ว่าแอบอ้างคำสั่งของนางโดยจะทิ้งแม่เก็บลูกไว้ ก็เกือบที่จะขาดใจ ฮ่องเต้หมิงหยวนปลอบอยู่สักพัก นางค่อยสงบจิตใจลง
“ฮ่องเต้ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”ไทเฮากัดฟันสั่งให้ฮ่องเต้หมิงหยวนกลับไป
ฮ่องเต้หมิงหยวนลุกขึ้นมาทูลลา หาวแล้วก็จากไป
เสียนเฟยแอบอยู่ข้างใน ได้ยินคำพูดของฮ่องเต้หมิงหยวนกับแม่นมหู ทั้งหวาดกลัวทั้งกระสับกระส่าย นางรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นเรื่องตอนที่หยวนชิงหลิงคลอด
ตอนนั้น จะไปรู้ได้อย่างไร ว่าฮ่องเต้จะแต่งตั้งให้เจ้าหาเป็นองค์ชายรัชทายาท? หากรู้แต่แรก นางก็จะไม่พูดว่าไม่ไว้ชีวิตหยวนชิงหลิง
หลังจากที่ฮ่องเต้หมิงหยวนไปแล้ว ไทเฮาตะคอกพูดขึ้นว่า “ออกไปเถอะ”
เสียนเฟยเดินออกมาด้วยดวงตาแดงก่ำ คุกเข่าอยู่บนพื้น พร้อมพูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “ท่านป้า ท่านว่าหลานควรจะทำอย่างไรดี?”
ไทเฮาเห็นนางยังมีท่าทีสงสารตัวเอง ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา ยกฝ่ามือตบนางไปหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก ในโลกนี้ทำไมถึงได้มีแม่ยายเช่นเจ้า? ลูกสะใภ้เป็นตายร้ายดีอยู่บนเตียงคลอด เจ้าไม่คิดที่จะช่วย กลับต่อต้านขัดขวางการช่วยเหลือ? แหกกฎฟ้า แอบอ้างคำสั่งของข้า ทำให้ข้ากลายเป็นคนไม่มีคุณธรรม พระชายาอ๋องฉู่เพิ่งมีลูกหลานสืบสกุลให้กับราชวงศ์ นางกลับยังพูดว่าข้าจะฆ่านาง อุกอาจจริงๆ ตอนนี้ข้าฆ่าเจ้าทิ้งก็ไม่เสียดาย”
ไทเฮาโกรธจนริมฝีปากสั่นเทา ก่นด่านางเป็นชุด
“ท่านป้า ท่านจะพูดถึงพวกนี้ทำไม? ตอนนั้นหลานก็แค่เลอะเลือนไปแล้วไม่ใช่หรือ?”เสียนเฟยถูกตบไปหนึ่งที ในใจกดดันอย่างมาก
“ตลอดชีวิตนี้เจ้าไม่เคยมีสติเลย” ไทเฮาก่นด่าต่อว่า “ถึงว่าวันพิธีการอาบน้ำวันที่สาม ใครๆก็อุ้มเด็กน้อยได้ มีเพียงเจ้าคนเดียวที่อุ้มไม่ได้ เจ้าอุ้มก็ร้องทันที ข้าวเหนียวน้อยร้องไห้จนจะขาดใจ เด็กน้อยเพิ่งคลอด ยังมีดวงจิตของชาติที่แล้ว พวกเขายังก็รู้ว่าเจ้าจะฆ่าแม่ของพวกเขา เด็กพวกนี้จะไม่มีทางสนิทสนมกับเจ้าอีกแล้ว ต่อไปหากไม่มีคำสั่งของข้า เจ้าห้ามเข้าใกล้เด็กทั้งสองคน”
ไทเฮาคิดถึงตอนที่นางไปอาละวาดในห้องคลอดก็ตระหนกตกใจแล้ว ยังจะกล้าให้นางเจอเด็กๆอีกหรือ ใครจะไปรู้ว่าเพราะเด็กๆไม่ยอมสนิทเข้าใกล้นางแล้วโกรธขึ้นมา ลงมือทำร้ายเด็กล่ะ?
เสียนเฟยรู้ว่าหากไทเฮารู้เรื่องพวกนี้ แล้วจะโกรธอย่างมาก ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงสั่งให้แม่นมหูเก็บเป็นความลับ แต่เรื่องก็ผ่านมาหลายวันแล้ว นางหวนกลับไปคิด ก็ไม่รู้สึกว่าตนเองทำผิดอะไรมากมาย จึงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “นั่นเป็นหลานแท้ๆของข้า ทำไมข้าถึงเจอไม่ได้? เรื่องในห้องคลอดข้าทำผิดไป แต่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักหนา หยวนชิงหลิงยังคงปลอดภัยดี หลานทั้งสามก็คลอดออกมาได้อย่างราบรื่น ทำไมท่านป้าจะต้องเอาเรื่องพวกนี้มาลงโทษหลาน?”
“ก็เพราะถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่สำนึกผิด” ไทเฮาเอามือทาบอก มองดูนางที่เป็นถึงเสียนเฟย กลับมีท่าทีเลวทราม โกรธจนดวงตาทั้งสองข้างลุกเป็นไฟ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไสหัวไป ไสหัวไป กลับไปคัดพระโพธิสัตว์ผู้เป็นครรภ์แห่งแผ่นดินร้อยจบ”
“ท่านป้า…..”
“ไป”ไทเฮาโกรธจนไม่อยากฟังแม้แต่เสียงของเขา
เสียนเฟยเห็นท่าป้าไร้ความปรานีขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะท้อแท้ หมดกำลังใจ ร้องไห้หันเดินออกไป
ไทเฮาพูดขึ้นอย่างโกรธยังไม่หายว่า “นางยังจะมีหน้ามาทำตัวน่าสงสาร? อย่าว่าแต่ฮ่องเต้ไม่ยอมที่จะเลื่อนตำแหน่งให้กับนาง ข้าก็ไม่ยอม”
นางพูดพร้อมกับจ้องมองแม่นมหู ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างดุดัน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าก็ช่างกล้ายิ่งนัก เรื่องใหญ่ขนาดนี้กล้าปิดบังข้า คนนอกต่างก็รู้ว่าข้ามีคำสั่งที่จะเอาชีวิตของพระชายารัชทายาท คงมีคนพูดถึงข้าว่าเป็นคนแก่โหดเหี้ยม อำมหิตอยู่ทุกวัน? สิ่งที่น่าสงสารก็คือข้ายังไม่รู้ ถูกปิดบังไว้อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว”
แม่นมหูพูดร้องขอว่า “ไทเฮา ข้าน้อยก็กลัวท่านโกรธ ตอนนั้นข้าน้อยห้ามเสียนเฟยแล้ว แต่ห้ามไว้ไม่ไหว เดือดร้อนจนต่อมา พอฮ่องเต้มาถึง ตบเสียนเฟยไปหนึ่งที เรื่องราวค่อยสงบลง ข้าน้อยเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะกล้าบอกท่านเสียที่ไหน? กลัวท่านจะโกรธโมโหจนส่งผลกระทบต่อร่างกาย”
“ถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังจะช่วยนาง? นางใช่ไหมที่สั่งให้เจ้าห้ามบอกข้า” ไทเฮาโกรธจนปวดท้อง คิดถึงว่าหยวนชิงหลิงอาจจะคิดว่านางเป็นคนสั่งจริงๆ จึงพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ตอนนี้เพราะเจ้าห้าได้รับพระเดชพระคุณ ไม่สามารถที่จะลงโทษนางได้ รอหลังจากพิธีการผ่านไปแล้ว คอยดูว่าข้าจะจัดการกับนางอย่างไร”
“ไทเฮาท่านอย่าโมโห ยังไงนางก็เป็นแม่ขององค์ชายรัชทายาท เป็นสายเลือดตระกูลซูเหมือนกับท่าน”แม่นมหูพูดปลอบ
ไทเฮาขมวดคิ้วตาโต พร้อมพูดขึ้นว่า “ตระกูลซูเป็นครอบครัวของข้า ข้าปล่อยปละละเลยคนในตระกูลของตนเอง สนใจแต่ครอบครัวของตัวเองก็จบแล้วหรือ? สายเลือดไม่สายเลือดอะไร ข้าไม่สนใจ สนใจแต่เพียงเด็กทั้งสองคนของข้า โถ่ น่าสงสารอย่างมาก ทำไมพวกเขาถึงต้องมาเจอกับท่านย่าแบบนี้?วันนั้นใช้คำว่าฝ่าพายุเลือดมาก็ไม่เกินไป”