บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 488
หยวนชิงหลิงยื่นมือโอบกอดไหล่เข้าไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้ามีเรื่องหนึ่งจะต้องบอกกับเจ้า แต่เจ้าจะต้องอยู่ในความสงบ ฟังข้าพูดให้จบก่อน ห้ามพูดว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ”
หยู่เหวินเห้ามองดูนางอย่างประหลาดใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้แล้วหรือ? ข้ายังคิดที่จะเก็บไว้เป็นความลับอยู่เลย”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเก็บเป็นความลับ”
หยู่เหวินเห้าก็อึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เหมือนเราจะไม่ได้พูดถึงเรื่องเดียวกัน”
“เจ้าพูดก่อน”หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าก็ยิ้มหัวเราะ คิ้วพลิ้วราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ พร้อมพูดขึ้นอย่างเขินอายว่า “จิ้งถิงจะมา”
หยวนชิงหลิงเห็นเขายิ้มหัวเราะจนมองไม่เห็นดวงตาแล้ว ท่าทีนั้นน่าต่อยอย่างมาก และก็ได้ยินไม่ชัด จึงถามขึ้นอีกครั้งว่า “ใครจะมา?”
“จิ้งถิง”หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงนั้นอ่อนโยนหวานดั่งน้ำผึ้ง บวกกับความสุขที่เด่นชัดบนใบหน้า เหมือนเด็กสาวที่กำลังรอแต่งงานอย่างมาก
“จิ้งถิง?” ภายในหัวสมองหยวนชิงหลิงเหมือนมีเสียงระฆังดังขึ้นในทันใด เฉินจิ้งถิงเพื่อนที่อยู่แคว้นต้าโจวคนนั้น “เขาจะมา? เขามาทำไม?”
“ร่วมงานเฉลิมฉลองแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาท” หยู่เหวินเห้านั่งอยู่อย่างรู้สึกอันตราย พร้อมพูดขึ้นด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “วันนั้นถือเป็นวันสำคัญของข้า คนอื่นใครไม่มาไม่เป็นไร เขาจะต้องมาอย่างแน่นอน”
หยวนชิงหลิงหรี่ตาลงพร้อมพูดขึ้นว่า “คนอื่นใครไม่มาไม่เป็นไร คนอื่นที่ว่านี้ หมายถึงใครหรือ?”
“หมายถึงทุกคน” หยู่เหวินเห้ากำลังจะได้สติกลับมาจากความดีใจที่จะได้เจอกับจิ้งถิง เห็นสีหน้าภรรยาที่ค่อนข้างโกรธ ก็หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ใครทุกคนที่ว่า ไม่ได้หมายรวมถึงเจ้าแน่นอน”
เห็นผู้ชายคนนี้ที่จู่ๆก็กลายเป็นคนอ่อนโยน ในใจหยวนชิงหลิงรู้สึกได้ถึงวิกฤตที่เต็มไปด้วยอันตราย
เห็นทีเมื่อตอนที่นายจิ้งถิงคนนี้มา จะต้องจับตาดูให้ดี นางสงสัยเป็นอย่างยิ่ง หากนายจิ้งถิงพูดกับเขาเพียงว่ากลับแคว้นต้าโจวไปกับข้า ดูจากท่าทีของเขาในตอนนี้ จะต้องรีบเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว แล้วก็ไปกับคนอื่น
“ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่าฮูหยินของเขาท้องไม่ใช่หรือ? งั้นเขายังจะวางใจทิ้งฮูหยินเพื่อมาแคว้นต้าโจว?”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“ฮูหยินของเขาก็มาด้วย”หยู่เหวินเห้ายิ้มพูด
หยวนชิงหลิงตกตะลึง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮูหยินของเขาก็มาด้วย? นับเดือนดูแล้ว ฮูหยินของเขาน่าจะท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้วมั่ง? เดินทางมาบนถนนลูกรังขนาดนี้เหมาะสมหรือ?”
“ช่างนางสิ”หยู่เหวินเห้าไม่สนใจฮูหยินของเขา และที่สำคัญก็ไม่รู้จัก
หยวนชิงหลิงเห็นเขาเปลี่ยนท่าทีกลายเป็นไม่แยแส ก็รู้สึกว่าฮูหยินของนายจิ้งถิง น่าจะสัมผัสได้ถึงความไม่ไว้วางใจ จึงตามมาจับตาดู
“ใช่ เจ้ามีอะไรจะบอกข้า?”หยู่เหวินเห้าค่อยคิดขึ้นมาได้ จึงถามขึ้น
เดิมหยวนชิงหลิงสร้างบรรยากาศให้ลึกลับเป็นพิเศษ ตอนนี้ถูกทำลายไปพอประมาณแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจพูดอีกแล้ว จึงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยเพียงว่า “คือ อยากจะบอกเจ้าว่า ลูกอาจจะไม่ค่อยปกติ เหมือนข้า ดังนั้นหากเห็นเรื่องอะไรที่ไม่ปกติ อย่าเอะอะ อุ้มกลับห้องแล้วก็สั่งสอนก็พอ”
ใบหน้าหล่อเหลาของหยู่เหวินเห้ายังคงดื่มด่ำดีใจกับการมาของจิ้งถิง ได้ยินหยวนชิงหลิงพูดเช่นนี้ ความดีใจกลายเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ และก็ถามขึ้นด้วยท่าทีอึดอัดใจว่า “ไม่ปกติหมายความว่าอย่างไร? เหมือนเจ้าหมายความว่าอย่างไร? ก็คืออยากได้กล่องยาก็ได้มาเฉยๆแบบนั้นหรือ?”
“อาจจะมากยิ่งกว่านี้…. ประหลาดกว่านิดหนึ่ง อย่างเช่น เด็กคนหนึ่งที่ยังไม่ครบเดือน สามารถปีนป่ายขึ้นไปบนราวกั้นเองแล้วก็ตกลงมา แต่ที่จริงคิดดูแล้วก็ปกติ หากบอกว่าเขาปีนขึ้นไปแล้วตอนที่ตกลงมายืนอยู่บนพื้นได้ นั่นถึงจะหน้าตื่นตระหนกตกใจ”
หยวนชิงหลิงพูดเอง แล้วก็เริ่มปลอบตนเองขึ้นมา ใช่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากมาย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ตกลงมา แต่เป็นการยืนได้แล้ว
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นอย่างมึนงงว่า “หยวน พูดอะไรอยู่?”
หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าบอกว่าข้าแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างมากไม่ใช่หรือ? เจ้าอยากรู้ว่าเพราะอะไรไหม?”
“มีความแตกต่างกัน แล้วจะมีอะไรทำไมล่ะ? คนเราผ่านเรื่องต่างๆมาไม่เหมือนกัน นิสัยก็จะแตกต่างกัน” หยู่เหวินเห้าเริ่มหลบสายตาของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่พูดเรื่องนี้ ออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
หยวนชิงหลิงมองดูเขา แล้วก็คิดถึงก่อนหน้านี้ที่เคยพูดถึงเรื่องนี้บ้าง เขาก็ดูไม่มีความสนใจที่จะถาม เริ่มแรกก็ยังถามอยู่ แต่ต่อมาไม่ถามแม้แต่นิด ตอนนี้กลับหลบหลีกเลี่ยงเลย
ด้วยสมองที่ชาญฉลาดของเขานั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สงสัย ในความเปลี่ยนแปลงของนาง
“เจ้าห้า ข้าไม่ออกไปเดินเล่น ข้าอยากพูดให้รู้เรื่อง”หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง “คำพูดของเจ้า จะทำให้สุดท้ายแล้วพวกเราจะต้องแยกจากกันไหม?”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้อย่างไร? ทำไมเจ้าถึงได้คิดเช่นนี้?”
“ไม่เป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ไม่มีทางแน่นอน ทำไมเราจะต้องแยกจากกัน? เจ้ามีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร?”
เหนื่อยจริงๆ
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ที่จริงข้ากับทังหยาง เคยพูดถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงของเจ้าเป็นการส่วนตัวบ่อยครั้ง พร้อมทั้งเรื่องกล่องยานั่นด้วย ทังหยางพูดว่า หากเจ้าไม่ใช่วิญญาณ ก็คือปีศาจน้อย….”
“ช้าก่อน….” หยวนชิงหลิงยื่นมือห้ามไว้ พร้อมถามว่า “ทำไมถึงเป็นเทพเทวดาไม่ได้?”
หยู่เหวินเห้ามองดูนาง พูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “หยวน เรารู้กันอยู่แล้ว เรากับเทพเทวดาเทียบกันไม่ได้”
“ก็ได้ เจ้าพูด เจ้าพูดต่อ”หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง
“ทังหยางก็เคยเอาเรื่องนี้ไปถามพวกผู้มีความรู้ แต่ผลที่ได้กลับมา ต่างก็พูดว่าเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้ หากพูดออกมาแล้วอาจจะมีภัยพิบัติ”
หยวนชิงหลิงส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ภัยพิบัติอะไร? พูดไปเรื่อย”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “คำพูดพวกนี้ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ หากไม่ใช่เพราะจำเป็นต้องพูด ข้ายอมที่จะไม่ฟัง สำหรับข้าแล้ว สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือการสูญเสียเจ้าไป ข้าไม่อยากที่จะไปเสี่ยงเลยสักนิด”
เขายื่นมือโอบนางมากอด ถอนหายใจอย่างหนักพร้อมพูดขึ้นว่า “ทุกครั้งที่เห็นเจ้าเอากล่องยาออกมา ในใจของข้าก็เต้นแรงอย่างผิดปกติ หากมีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถอธิบายได้ ล้วนแฝงไปด้วยความอันตราย และเรื่องแปลกประหลาดก็จะไม่มีอยู่อย่างยืนนาน นี่ก็คือสิ่งที่ข้าเป็นห่วง”
ดวงตาหยวนชิงหลิงแดงๆ แทบจะร้องไห้ แนบชิดหน้าอกของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าเป็นกังวล เราจะไม่แยกจากกัน และเจ้าก็ควรที่จะรู้ ไม่อย่างนั้นต่อไปถ้าข้าไปแล้วจริงๆ เจ้าจะได้รู้ว่าไปตามหาข้ากลับมาได้จากที่ไหน”
“อะไรคือไปแล้วจริงๆ” หยู่เหวินเห้าผลักนาง พร้อมถามขึ้นอย่างจริงจังว่า “เจ้าตั้งใจที่จะไปจริงๆหรือ?”
หยวนชิงหลิงยังดื่มด่ำอยู่กับความอ่อนโยนของเขาเมื่อกี้ เห็นเขาโกรธโมโหขึ้นมาในทันใดแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “แค่พูดว่าสมมุติ”
“เจ้าพูดจาดีๆไม่เป็นหรือ? จะทำให้ข้าตกใจตายหรือ?”หยู่เหวินเห้าพูดบ่นขึ้น
หยวนชิงหลิงเอามือวางบนหลังมือของเขา มองดูสายตาของเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ฟังข้าพูดนะ ข้าชื่อหยวนชิงหลิง แต่ข้าไม่ใช่ลูกสาวของเจ้าพระยาจิ้ง ไม่ใช่คนในสมัยนี้ ข้ามาจากอีกภพหนึ่ง อะไรคืออีกภพหนึ่งข้าค่อยอธิบายให้เจ้าฟังทีหลัง ข้าเป็นดุษฎีบัณฑิตคนหนึ่ง ก่อนที่จะมาที่นี่ ข้าเป็นนักวิจัยยา กล่องยาเล็กใหญ่ที่เจ้าเห็น เป็นของข้า หนึ่งในอุปกรณ์พวกนั้นก็เป็นสิ่งที่ข้าวิจัยคิดค้นขึ้นมาเอง เพื่อสะดวกต่อการใช้….วกเข้าหาประเด็น ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ เพราะตอนที่ข้าอยู่ในยุคสมัยของข้า ข้าได้ฉีดยาที่ตนเองวิจัยขึ้นมาแล้วตาย เมื่อหลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมา ก็อยู่ที่นี่แล้ว”
หยวนชิงหลิงวางท่าทีอย่างปกติ เตรียมที่จะพูดอธิบายหนึ่งในเหตุผลอย่างตั้งใจ กลับคิดไม่ถึงว่า เขากลับนิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วก็พูดออกมาหนึ่งประโยคว่า “โอ้พระเจ้า เจ้าเป็นวิญญาณสิงในร่างใหม่?”