บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 490
ทังหยางที่อยู่ด้านนอก ถามขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาท พูดหรือยัง? พระชายารัชทายาทพูดว่าอย่างไร?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “ไม่อนุญาต คงต้องพักโรงเตี๊ยม”
ทังหยางพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ท่านทำไมไม่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับแม่ทัพใหญ่ที่ผ่านมาก่อน แล้วค่อยพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา? กระหม่อมได้เคยสอนท่านแล้วไม่ใช่หรือ?”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “นางพูดถึงเรื่องของนางก่อนอย่างมากมาย ข้าพูดอีก นางก็ไม่พอใจแล้ว”
“นางพูดว่าอะไรหรือ?”ทังหยางถามขึ้น
“ก็เรื่องวิญญาณสิงในร่างใหม่ที่เราเคยพูดกันก่อนหน้านี้ เพื่อปิดบังว่าตนเองไม่ใช่วิญญาณผี นางก็พูดอ้างนู่นอ้างนี่เยอะแยะ ยังพูดว่าตนเองเป็นดุษฎีบัณฑิต มีพลังบ้างประมาณนี้ ข้าล้วนตั้งใจฟัง ไม่ได้หัวเราะเยาะนาง ใครจะไปรู้ว่านางจะไม่พอใจขึ้นมา ใจของผู้หญิงเหมือนดั่งงมเข็มในทะเล”
ทังหยางถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นจะทำอย่างไร? จะให้แม่ทัพใหญ่พักที่โรงเตี๊ยมหรือ? นี่กว่าจะมาได้สักครั้งเลยนะ”
“วางใจ ถึงตอนนั้นแล้วค่อยคิดหาวิธีอีก”หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลง พร้อมกัดฟันพูด เพื่อให้จิ้งถิงได้พักอยู่ในจวนอ๋อง เขาจะต้องคิดหาวิธีทุกหนทาง
สำนักนางชีหมิงเยว่
วันนี้กู้จือเริ่มปวดท้องตั้งแต่เช้า กำหนดคลอดของนางไม่ได้เร็วขนาดนั้น ดังนั้นตอนที่เพิ่งเริ่มปวด แม่นมฉีกับจวิ้นจู่จิ้งเหอ ต่างก็คิดว่านางทานของสำแดงเข้าไป
เมื่อถึงตอนเที่ยง ก็พบว่าเจ็บปวดจนตัวหด เห็นทีน่าจะเป็นคลอดก่อนกำหนด
ไม่ได้หาหมอตำแยไว้ก่อน ก่อนหน้านี้คิดว่ายังพอมีเวลา ตอนนี้จะไปเชิญมาจากข้างนอกก็ไม่เร็วขนาดนั้นแล้ว รอเมื่อเชิญมาได้ ก็คงจะคลอดแล้ว
จวิ้นจู่จิ้งเหอให้นางดื่มผงอู๋โยว แล้วก็สั่งแม่นมฉีทำซุปมาให้นางดื่ม
ห้องที่กู้จือพัก มืดและชื้น มีกลิ่นเหม็นอย่างหนึ่งไปทั่ว ความชื้นทั้งหมดในวันฤดูใบไม้ผลินี้ดูเหมือนจะสะสมอยู่ในห้องของนาง ทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก
กู้จือนอนอยู่บนเตียง บนเตียงเลอะเทอะเสื้อผ้ากองเต็มไปหมด หนังอดทนกลั้นความเจ็บปวดไว้ จากนั้นก็พูดกับจวิ้นจู่จิ้งเหอว่า “รอข้าคลอดแล้ว เจ้าก็จะฆ่าข้า ใช่หรือไม่?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้”
สีหน้ากู้จือค่อนข้างย่ำแย่ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดอยากที่จะให้ข้าตายอยู่แล้ว ในใจเจ้าเกลียดข้าอย่างที่สุด”
“ข้าจะเกลียดเจ้าทำไม เจ้ารู้ดีแก่ใจหรือ?”จวิ้นจู่จิ้งเหอพูดขึ้น
“ข้ารู้ เจ้าเกลียดข้าที่ข้าทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับอ๋องเว่ย เกลียดที่ข้าใช้วิชาลวงตาทำให้อ๋องเว่ยเชื่อว่าลูกของเจ้าเป็นของท่านชายชิงหยาง ทำให้เขาวางยาจนเจ้าแท้ง เจ้าอยากฆ่าข้า อยากฆ่าลูกในท้องของข้าเพื่อแก้แค้นให้กับลูกของเจ้า”
“ข้าอยากฆ่าเจ้ากับลูกของเจ้า สามารถทำได้เลย ทำไมจะต้องรอนานขนาดนี้?”จวิ้นจู่จิ้งเหอเอียงหัวถามขึ้น
กู้จือถอนหายใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เพราะ เจ้าคิดว่าลูกของข้ายังอยู่ในท้อง หลังจากคลอดออกมาแล้วเจ้าค่อยๆบีบตาย จะยิ่งสะใจยิ่งกว่า”
“เจ้าพูดผิดแล้ว”จวิ้นจู่จิ้งเหยิ้มพร้อมพูดขึ้น
กู้จือกำหมัดทั้งคู่ไว้แน่น พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นเพราะอะไร? เจ้าพูดมา อย่าทรมานข้า ข้าไม่อยากไปคาดเดาอีกแล้วว่าในใจเจ้าคิดยังไงกันแน่ ข้าทำให้ลูกของเจ้าตาย เจ้าไม่มีทางปล่อยข้าไปแน่”
จวิ้นจู่จิ้งเหอนั่งขยับเข้าไปใกล้ มองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “กู้จือ เจ้าทำร้ายข้าจริง ข้าก็เกลียดเจ้ามาก ข้าก็ไม่ได้ใจดีอยากที่จะช่วยเจ้า ข้าจะต้องฆ่าเจ้า แต่เด็กคนนี้เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่หรือ? เด็กไม่มีสิทธิ์เลือกพ่อแม่ ความผิดของพวกเจ้า ก็ไม่ควรที่จะให้เด็กมารับผิดชอบ”
เหมือนกับลูกของนางที่ยังไม่ได้คลอดออกมา ก็มีพ่อที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่ง
กู้จือพูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “หลังจากที่ข้าคลอดเสร็จแล้ว เจ้าก็จะฆ่าข้าจริงๆด้วย”
จวิ้นจู่จิ้งเหอเงียบไปสักพัก แล้วก็พูดขึ้นว่า “ยังไม่รู้ แค่เคยคิดเช่นนี้อยู่”
กู้จืออดกลั้นความเจ็บปวดแล้วก็ลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นข้าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ข้าจะไป”
จวิ้นจู่จิ้งเหอกดนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจะหนีไปไหนได้? อ๋องอานตามหาเจ้าอยู่ เจ้าออกไปก็เท่ากับไปตาย”
“ข้าอยู่ที่นี่ก็ต้องตาย”กู้จือตะคอกพูดขึ้น
จวิ้นจู่จิ้งเหอหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าได้ยินมาว่าพระชายารัชทายาทจะปกป้องให้เจ้ารอดปลอดภัย ขอเพียงเจ้าให้ความร่วมมือ คลอดลูกออกมา หรือนางจะห้ามไม่ให้ข้าฆ่าเจ้า”
“เจ้าจะเชื่อฟังนางหรือ?”กู้จือแสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“ทำไมไม่เชื่อ? นางเคยช่วยชีวิตข้าไว้?”
กู้จือพูดพึมพำขึ้นว่า “ข้าไม่เชื่อพวกเจ้า ไม่เชื่อพวกเจ้า”
“กู้จือ เจ้าทำได้เพียงชื่อ เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”จวิ้นจู่จิ้งเหอพูดจบ แล้วก็เดินออกไป
นางเรียกคนเข้าไปช่วยแม่นมฉี เรื่องการคลอดลูก นางไม่รู้เรื่อง
นางนั่งอยู่ด้านนอก ฟังเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของกู้จือ ดวงตะวันร่วงหล่นลงมาตามกิ่งก้านใบและบนใบหน้าของนาง นางเงยหน้าขึ้น แสงแดดที่ดีที่สุดในปลายเดือนเมษายน ก็คือเวลานี้แล้ว
ไม่มีอะไรที่คู่ควรแก่การดีใจเท่ากับการมีชีวิตใหม่ชีวิตหนึ่งมาถึงบนโลกนี้
แม้ว่าเด็กคนนี้อาจจะต้องพบกับความสุขและความทุกข์มากมายในโลกในอนาคต แต่สามารถมามีชีวิตอยู่บนโลกนี้ นั่นก็คือพระคุณอย่างใหญ่หลวงแล้ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ด้านในมีเสียงเด็กทารกร้องไห้ดังขึ้น เสียงร้องนั้นไม่มีหางเสียง ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
ท่านใดนั้น ก็เป็นเสียงแม่นมฉีตะโกนพูดขึ้นว่า “เจ้าบ้าไปแล้ว เจ้าบ้าไปแล้ว นั่นเป็นลูกสาวของเจ้านะ”
จวิ้นจู่จิ้งเหอรีบวิ่งเข้ามา เห็นกู้จือนอนตะแคงอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยเลือด นางอุ้มทารกที่เพิ่งคลอดไว้แนบอก แล้วก็บีบคอของทารก ใบหน้าโหดเหี้ยม
“ข้าฆ่านางด้วยมือตนเอง แก้แค้นให้เจ้าด้วยตนเอง เจ้าปล่อยข้าไป”นางพูดตะคอกใส่จวิ้นจู่จิ้งเหอ
ใบหน้าทารกนั่นม่วง เพราะถูกบีบคอ ดวงตาลืมโต มองมาที่จวิ้นจู่จิ้งเหอพอดี
จิ้งเหอหยิบเก้าอี้เล็กบนพื้นขึ้นมา แล้วก็ฟาดไปที่หัวของกู้จืออย่างแรง
กู้จือมืออ่อน เมื่อคลายมือ แม่นมฉีก็รีบไปอุ้มทารกน้อยนั่นมา
“พระเจ้า ทำไมถึงได้มีแม่ที่จิตใจอำมหิตขนาดนี้?”แม่นมฉีพูดขึ้นอย่างโมโห
แม่นมฉีโหนทารกแล้วก็ตบหนึ่งที ค่อยได้ยินเสียงร้องไห้อย่างแผ่วเบาดังขึ้น
จวิ้นจู่จิ้งเหอกับแม่นมฉีต่างก็ค่อยโล่งอก
ภายในห้องเตรียมน้ำร้อนไว้เรียบร้อยแล้ว แม่นมฉีกับจวิ้นจู่จิ้งเหอ ทั้งสองคนช่วยกันเช็ดตัวให้กับทารก
เป็นเด็กผู้หญิง เล็กมาก บนตัวด้านหลังต่างก็มีปานสีเขียวมากมาย ผิวบางมาก แทบจะมองเห็นเส้นเลือดภายใต้ผิวหนัง
นี่เป็นเด็กที่ยังไม่ครบเดือน เหมือนดังหนอนน้อยนอนอยู่ข้างมือของจวิ้นจู่จิ้งเหอ
ในใจจวิ้นจู่จิ้งเหอ มีความเจ็บปวดอย่างเลือนราง
แม่นมฉีพูดขึ้นด้วยเสียงเบาประโยคหนึ่งว่า “เด็กคนนี้ หน้าตาไม่เหมือนกับแม่ของนางเลย”
จวิ้นจู่จิ้งเหอมองดู ไม่เหมือนกู้จือจริงๆ
แต่ว่า ตอนนี้ก็ดูไม่ออก เด็กที่เพิ่งคลอด เหี่ยวย่น ดูออกเสียที่ไหนว่าเหมือนใคร?
จวิ้นจู่จิ้งเหออุ้มเด็กไว้แล้วก็เดินออกไป พร้อมพูดกับแม่นมฉีว่า “เด็กคนนี้เจ้าส่งกลับไปที่จวนอ๋องฉู่ก่อน ในจวนอ๋องฉู่มีแม่นม อยู่ที่นี่เดี๋ยวจะหิวตาย”
“เพคะ” จวนอ๋องฉู่รับมา ถอนหายใจเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “น่าสงสารจริงๆ เพิ่งคลอดออกมา ก็เกือบถูกแม่แท้ๆของตนเองฆ่าตาย”
“นางกับหยู่เหวินเว่ย เป็นคู่แท้กันจริงๆ”จวิ้นจู่จิ้งเหอพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
พูดจบ จวิ้นจู่จิ้งเหอเปิดประตูเดินออกไป
แม่นมฉีอึ้งไปสักพัก มองดูเงาแผ่นหลังของนาง ดูเหงาและก็หดหู่ แม่นมฉีมาที่นี่ก็หลายวันแล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้ยินนางพูดถึงอ๋องเว่ย
ผ่านเรื่องราวพวกนั้นมา ในใจนางคงเป็นทุกข์อย่างมาก
แม่นมฉีมองดูเด็กทารกในอ้อมอก ถอนหายใจเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “มามาพาเจ้ากลับจวน ดูสิว่าพระชายารัชทายาทจะยอมรับเลี้ยงเจ้าไหม หากพระชายารัชทายาทรับเลี้ยงเจ้า ถือเป็นบุญของเจ้าอย่างมาก”