บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 507
หยู่เหวินเห้าหันไปมองหมอหลวงเฉา “รีบหาวิธีเร็วเข้า”
สมองของหมอหลวงเฉาหมุนเร็วจี๋ กัดฟันพลางพูดว่า “ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ต้องล้วงคอ”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ มันจะส่งผลร้ายกับกระเพาะ” หยู่เหวินเห้าตัดใจทำไม่ลง
หมอหลวงเฉาพูดขึ้นว่า “เช่นนั้นก็พาพระชายาออกไปเดินเล่นเถอะ ให้นางได้เดินออกกำลังกายให้เหงื่อออกบ้าง หลังจากเหงื่อออกกลับมาค่อยเช็ดตัวด้วยน้ำร้อน วิธีนี้จะช่วยบรรเทาฤทธิ์เหล้าให้เจือจางลง อย่างน้อยก็พอจะทำให้นางรู้สึกดีขึ้นได้”
หยู่เหวินเห้าทนกับความทรมานใจไปวูบหนึ่ง แต่ก็จนใจอย่างยิ่ง ถ้ามันพอจะทำให้นางรู้สึกดีขึ้นได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ดึกดื่นค่อนคืน เขาประคองนางเดินออกไปข้างนอก ตอเป่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายหญิงของมัน จึงเดินตามหลังไปตลอดทาง
ร่างทั้งร่างของหยวนชิงหลิงกดทับลงไปบนร่างของหยู่เหวินเห้า นางมีสติสัมปชัญญะอยู่ แต่ก็เมามากจนเหมือนโลกหมุน อยากอาเจียนก็อาเจียนไม่ออก รู้สึกอึดอัดทรมานอย่างยิ่ง
หลังจากเดินไปได้ครู่หนึ่ง หยู่เหวินเห้ากลับมีสติแจ่มชัดขึ้นมาแล้ว ฤทธิ์เหล้าก็สลายหายไปจนหมดไม่มีเหลือ
เขาตัดสินใจอุ้มหยวนชิงหลิงขึ้นมาแล้วกลับไปที่ห้อง แล้วสั่งให้คนเตรียมน้ำร้อน
เขาให้แม่นมสี่กับแม่นมฉีกลับไปพักผ่อน ส่วนเขาก็อยู่คอยดูแลหยวนชิงหลิงด้วยตัวเอง
เมื่อถอดเสื้อผ้า ค่อยบรรจงเช็ดผิวของนางด้วยผ้าขนหนูร้อน ๆ เช็ดเบา ๆ ตรงแผลที่ท้องของนาง เขายื่นมือออกไปลูบไล้เบา ๆ นึกถึงความเจ็บปวดที่นางได้รับในตอนนั้น ก็รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก ไหนเลยจะยังสนใจเรื่องที่ตัวเองต้องอดกลั้นต่อความปรารถนามาเป็นเวลาหลายเดือนได้อีก?
อันที่จริงเมื่อนึกย้อนกลับไป ฉากในวันนั้นมันเป็นอะไรที่น่าตื่นตระหนกมาก ถ้าหากวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกับนางจริง ๆ โลกของเขาคงพังทลายไม่มีชิ้นดีไปแล้ว
ไม่รู้ว่าชีวิตที่อยู่โดยปราศจากนาง จะยังมีความหมายอะไรอีก?
หลังจากเช็ดตัวเสร็จห่มผ้าให้นางแล้ว จึงค่อยล้างหน้าให้นางช้า ๆ
ฝุ่นบนใบหน้าถูกชะล้างออก เผยให้เห็นใบหน้าสีขาวอมชมพู ในช่วงเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีเรื่องราวมากมายให้ต้องเหน็ดเหนื่อยจัดการ แต่เรื่องอาหารการกินก็นับว่าใช้ได้ การบำรุงก็ดี สีหน้าก็ดีขึ้นมาก ทั้งขาวนวลเนียนมีเลือดฝาด เป็นสีแดงก่ำดั่งผลแอปเปิ้ลที่สุกปลั่ง ทำให้คนที่เห็นยากจะอดใจไม่กัดสักคำไม่ได้
เมื่อก่อนเขาเอาแต่เรียกนางว่าผู้หญิงอัปลักษณ์อยู่เสมอ เพราะหยวนชิงหลิงในตอนนั้น ต่อให้รูปร่างหน้าตาภายนอกจะดูดีแค่ไหน แต่ภายในจิตใจของนางอัปลักษณ์สิ้นดี ดังนั้นในสายตาของเขาจึงมองว่านางอัปลักษณ์มาโดยตลอด
ทุกวันนี้ เขารู้สึกเพียงว่านางช่างแสนดีทุกด้าน ไม่มีด้านไหนที่ไม่ดี ต่อให้นางปากเบี้ยวตาเหล่ นางก็ยังคงงดงามในสายตาของเขาอยู่ดี
ผู้หญิงคนนี้ เป็นภรรยาของเขา เป็นคนที่คลอดลูกชายสามคนให้เขา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในอกของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอย่างหนึ่ง เรียกว่าเป็นความซาบซึ้งที่จู่โจมเข้ามาอย่างรุนแรง ซึ่งมันทำให้เขาเกิดความรู้สึกอยากจะร้องไห้
“ลำบากเจ้าแล้ว หยวน ตลอดชีวิตนี้ของข้า จะไม่มีวันทำให้เจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาด ข้าจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เจ้าปลอดภัยไปตลอดชีวิต” หยู่เหวินเห้าหอมแก้มนาง พลางพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
หยวนชิงหลิงได้ยินแล้ว จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาของนางราวปกคลุมไปด้วยละอองน้ำชั้นหนึ่ง ส่งเสียงเรียกออกมาอย่างสนิทสนมว่า “เจ้าห้า!”
“อยู่นี่!” หยู่เหวินเห้ารีบเข้าไปกอดนาง “ข้าอยู่ที่นี่”
หยวนชิงหลิงพยายามมองเขาอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็ฝืนเปิดเปลือกตาเอาไว้ไม่ไหว จึงค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ อีกครั้ง “ข้าเวียนหัว”
หยู่เหวินเห้าพูดอย่างเอาใจว่า: “นอนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าก็มาแล้ว”
เขายกน้ำออกไป เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนด้านนอก กอดนางนอนหลับเงียบๆ
สมองของเขาแจ่มชัดมาก หลังผ่านความอึกทึกครึกครื้น ทุกอย่างก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่นี่ต่างหากถึงจะเป็นชีวิตของเขา
เขาไม่รู้ว่าจะใช้อะไรมาอธิบายอารมณ์ของเขาในขณะนี้ได้ ความสุขหรือ? แต่เขาก็แอบรู้สึกกลัวด้วยเช่นกัน
กลัวว่าจะสูญเสียไป
คนเรายิ่งตอนที่มีความสุข ก็จะยิ่งกลัวว่าอาจจะต้องสูญเสียความสุขนั้นไป
หยวนชิงหลิงพลิกตัว ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของหยู่เหวินเห้า นี่เป็นท่านอนที่สบายที่สุดของนาง กระทั่งในความฝันก็ยังรู้สึกปลอดภัย
“ชิงเอ๋อ ทำไมถึงมานอนที่นี่ล่ะ? กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนเชียว ดื่มจนเมาแล้วเหรอ?”
ในภาพเบลอๆนั้น หยวนชิงหลิงเหมือนได้ยินเสียงคนเรียกนาง แต่นางเวียนหัวมาก จึงบ่นพึมพำออกไปว่า “ข้าเวียนหัว”
“ลูกไปดื่มกับใครมาเหรอ?” คนพูดถอนหายใจเบา ๆ “บอกแล้วไงว่าไม่ให้ลูกดื่มเหล้า ทำไมถึงดื้อไม่เชื่อฟังอีกแล้วนะ”
เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไป ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็มีผ้าร้อนผืนหนึ่งมาประคบที่หน้าผาก
หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ใบหน้าดวงหนึ่งค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในสายตา หยวนชิงหลิงตกใจจนน้ำตาไหลออกมาจากสองตา “คุณแม่?”
“อะไรกัน ไม่รู้จักแม่ซะแล้วเหรอ? ” หญิงสาวยิ้ม หยิบผ้าขนหนูออกจากหน้าผากของนางแล้วเช็ดที่ใบหน้าให้เบาๆ “ไปดื่มกับใครมาล่ะ?”
หยวนชิงหลิงตกใจจนพูดอะไรไม่ออกไปแล้ว นางลุกขึ้นช้า ๆ มองแม่ด้วยแววตาทึ่มทื่อ ทำไมคุณแม่ถึงได้ทั้งผอมทั้งซีดเซียวขนาดนี้ล่ะ?
แม่หยวนชิงหลิงหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไป นางรีบผุดลุกขึ้น ยังคงรู้สึกเวียนหัวเหมือนเดิม แต่โซฟา ทีวี โต๊ะน้ำชา ตู้ หน้าต่างกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน…
สวรรค์ ที่นี่คือบ้านนี่นา นางกลับมาบ้านแล้วเหรอ?
นางวิ่งเข้าไปในห้อง ตู้เสื้อผ้าในห้องมีกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน นางเห็นตัวเองในกระจก กางเกงยีนส์ เสื้อ T-shirt ผมหางม้า ที่คอสวมสร้อยคอจี้ทองคำขาวประดับเพชร
เนื้อละเอียด เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบยี่สิบสามที่คุณแม่มอบให้นางนั่นเอง
สวรรค์! สวรรค์! สวรรค์!
หยวนชิงหลิงนั่งลงบนเตียง นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน? นางกลับมาแล้วเหรอ? เจ้าห้าล่ะ? ลูกๆล่ะ?
นางเอามือปิดหน้าแล้วเริ่มร้องไห้
“ชิงเอ๋อ เป็นอะไรไปน่ะ?” แม่หยวนชิงหลิงยืนอยู่ที่ประตูพร้อมผ้าขนหนูร้อน สายตาตื่นตระหนก “ใครรังแกลูกเหรอ?”
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลอาบนองหน้า ยืนขึ้นแล้วโผเข้าไปซุกหน้าลงในอ้อมแขนแม่ “คุณแม่คะ ขอโทษนะคะ หนูทำให้แม่เสียใจ”
แม่หยวนชิงหลิงลูบผมของนางอย่างอ่อนโยน พึมพำเสียงแผ่วเบาว่า: “ไม่เป็นไรหรอกลูก ไม่เป็นไร กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว แม่รออยู่ที่นี่มาโดยตลอด รอให้ลูกกลับบ้าน”
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้น เห็นน้ำตาของแม่ไหลอาบเต็มสองตา นางรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอยู่ในความฝัน แต่เมื่อเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาให้แม่ กลับรู้สึกว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริงอย่างมาก
นางจูงมือแม่เดินออกไป จึงได้สังเกตเห็นรูปของตัวเองที่แขวนอยู่บนผนังบ้าน
เป็นรูปถ่ายตอนเรียนจบ สวมหมวกดร.ดุษฎีบัณฑิต มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ตอนนั้นคุณพ่อยังบอกเลยว่าใบหน้านี้เหมือนยิ้มรับลมฤดูใบไม้ผลิ งดงามน่ามองเป็นที่สุด
ตอนนั้นยังคิดอยู่ว่าอยากจะแขวนมันไว้บนผนัง แต่เพราะรูปนี้พี่ชายล้างแล้วพื้นหลังเป็นสีขาวดำ คุณแม่บอกว่ามันดูแล้วไม่เป็นมงคลควรหลีกเลี่ยงดีกว่า จึงไม่ยินดีที่จะแขวนมันไว้
ตอนนี้ กลับถูกแขวนอยู่บนผนังอย่างน่าประทับใจ
นางมองดูโซฟาที่นอนอยู่เมื่อครู่นี้ บนโซฟาก็มีรูปถ่ายนางอยู่ด้วยเช่นกัน ใส่กรอบรูปไว้อย่างเรียบร้อย เป็นรูปถ่ายที่คุณพ่อถ่ายให้ตอนอายุครบสิบห้าปี นางนั่งอยู่บนชิงช้าในสนาม พี่ชายช่วยผลักให้อยู่ข้างหลัง ในรูปนั้นจับช่วงเวลาที่ตัวนางเหินลอยอยู่กลางอากาศ ดังนั้น ในรูปถ่ายจึงเป็นภาพนางที่กำลังเหินบินเข้ามา ยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกไปถึงหลังหูอยู่แล้ว
“ชิงเอ๋อ ลูกไปไหนมาน่ะ? ทำไมดื่มซะจนเมาแบบนี้ล่ะลูก?” แม่หยวนชิงหลิงดึงมือนางขึ้นมากุม พลางมองด้วยสายตาซื่อ ๆ ขณะเอ่ยถาม
หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร นางคิดอยู่ตลอดเวลาว่านี่คือความฝัน แต่มันก็ดูสมจริงมาก
“หนู… หนูคลอดลูก เลยดื่มจนเมาในงานเลี้ยงฉลองครบเดือนของลูกๆค่ะ พอตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว หนูไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่คะ หนูตายไปจากที่นี่แล้วหรือเปล่าคะ?” หยวนชิงหลิงถามอย่างสับสนงงงัน
แม่หยวนชิงหลิงน้ำตาไหล “ลูกยังไม่ตาย ลูกยังอยู่ในใจแม่เสมอ”
หยวนชิงหลิงมองใบหน้าที่เดิมทีเคยอิ่มเอิบของแม่ แต่ตอนนี้กลับซูบผอมลงจนน่าสงสาร เบ้าตาจมลึกลงไปเป็นโพรง หัวใจของนางเจ็บปวด ความเจ็บปวดนั้นค่อย ๆ ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
แม่หยวนชิงหลิงจับมือนางแล้วนั่งลง หยวนชิงหลิงเห็นยาที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา จึงหยิบขึ้นมาดู พบว่ามันคือ Paroxetine ซึ่งเป็นยารักษาโรคซึมเศร้า
“แม่คะ!” หยวนชิงหลิงร้องไห้โฮออกมาทันที โผเข้าไปกอดคุณแม่จนแน่น “หนูขอโทษค่ะ หนูขอโทษ!”