บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 508
แม่ของหยวนชิงหลิงกอดนาง พลางร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจสุดแสน
หยวนชิงหลิงตบหน้าตัวเองแรง ๆ ไปสองครั้ง โทษฐานทำให้แม่เสียใจ ทำให้คนในครอบครัวเสียใจ
นางคลายอ้อมกอดจากแม่ แล้วรีบถามว่า “พ่อล่ะคะ? พี่ชายล่ะ คุณย่าล่ะคะอยู่ที่ไหนกัน?”
แม่หยวนชิงหลิงเช็ดน้ำตา มองนางแล้วพูดว่า “พวกเขาไปทำงานกันหมดแล้ว คุณย่าของลูกเข้าโรงพยาบาล หลังจากที่ลูกจากไป ท่านก็สุขภาพไม่ดีเลย ปีนี้ก็แทบจะแอดมิดอยู่ในโรงพยาบาลตลอด”
“สวรรค์” หยวนชิงหลิงผุดลุกขึ้นทันที “หนูจะไปเยี่ยมคุณย่าที่โรงพยาบาล ท่านอยู่โรงพยาบาลไหนคะแม่?”
“อยู่ที่โรงพยาบาลประจำเมืองที่หนึ่ง เอาเถอะ เดี๋ยวแม่จะพาไป” แม่หยวนชิงหลิงเดินไปหยิบมือถือ “แม่จะโทรหาพ่อของลูก จะโทรหาพี่ชายของลูกด้วย บอกพวกเขาว่าลูกกลับมาแล้ว รอเดี๋ยวนะ รอเดี๋ยว…….”
หยวนชิงหลิงรู้สึกเหมือนว่าท้องฟ้ากำลังหมุน เสียงข้างหูค่อย ๆ เลือนหายไป แต่กลับได้ยินเสียงร้องเรียกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแทน “ชิงเอ๋อ ชิงเอ๋อ ลูกอยู่ไหนน่ะ? ลูกอยู่ไหน?”
“แม่คะ!” นางร้องตะโกนด้วยความตกใจ
“หยวน! หยวน! ตื่นสิ! รีบตื่นเร็วเข้า! เจ้าร้องไห้ทำไม? ฝันร้ายใช่หรือไม่?” หยู่เหวินเห้ากอดนางแน่น เห็นนางร้องไห้สะอึกสะอื้นหนักมาก ถึงขั้นร้องตะโกนออกมาในขณะฝันเลยทีเดียว
หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้น ได้เห็นใบหน้าที่เป็นกังวลของหยู่เหวินเห้า จู่ ๆ ก็เกิดความรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่คนละโลกกับที่นี่ขึ้นมา “เจ้าห้า แม่ของข้าล่ะ? แม่ของข้าอยู่ที่ไหน?”
นางผลักเขาออกไป สะบัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นจากเตียง ตะโกนอย่างบ้าคลั่งราวกับคนเสียสติว่า “ไม่! ทำไมถึงกลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะ? ข้าอยากเจอแม่ ย่าของข้าอยู่ที่โรงพยาบาล ข้าจะไปเยี่ยมท่าน เจ้าห้า ข้าต้องกลับไป ข้าต้องกลับไปนะ…”
หยู่เหวินเห้ากลัวมากจนต้องรีบกอดนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว “เจ้าหยวน เจ้าแค่ฝันไป เจ้าแค่ฝันร้ายเท่านั้น ไม่ต้องกลัวนะ ข้าอยู่นี่แล้ว ข้าอยู่นี่”
“ไม่! ข้าเห็นแม่แล้วจริง ๆ แม่ข้าท่านเสียใจมาก ท่านป่วยแล้วด้วย ปกติท่านมักจะเข้มแข็งอยู่เสมอ ท่านล้มป่วยเพราะข้าเป็นต้นเหตุ ท่านป่วยแล้ว….” หยวนชิงหลิงร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า ทั้งทุบทั้งตีที่ไหล่หยู่เหวินเห้าไม่หยุด “เจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าต้องกลับไป ข้าต้องกลับไปหาพวกเขา!”
“หยวน หยวนชิงหลิง เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน” หยู่เหวินเห้าได้ยินสิ่งที่นางพูด ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง “เจ้าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น เจ้าต้องอยู่ข้างกายข้าเท่านั้น ห้ามไปไหนทั้งสิ้น”
หยวนชิงหลิงร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง “เจ้าห้า เจ้าไม่เข้าใจ แม่ของข้าป่วยแล้ว ท่านเป็นคนที่ใช้ชีวิตเข้มแข็งถึงขนาดนั้น แต่ท่านก็ป่วยแล้ว กระทั่งงานท่านก็ไม่ไปทำแล้วด้วยซ้ำ… ท่านกำลังเรียกข้าอีกแล้ว เจ้าฟังสิ ท่านกำลังเรียกข้า”
หยู่เหวินเห้าสับมือลงที่หลังคอของนาง ร่างของนางอ่อนยวบ ทรุดลงไปในอ้อมแขนของเขา หยู่เหวินเห้ากอดนางเอาไว้แน่น ในใจหวาดกลัวตื่นตระหนก จนเกินขอบเขตของความตื่นตระหนกใด ๆ ที่เคยเจอมา
ตอนที่หยวนชิงหลิงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ล่วงเข้าสู่ยามเช้าของวันถัดมาแล้ว
หยูเหวินห่าวกอดนางไว้ให้หลับ แต่ตัวเขาไม่ได้หลับตาลงเลยทั้งคืน ตอนที่นางตื่นขึ้นมา ก็ได้พบกับแววตาที่แฝงความวิตกกังวล และตะขิดตะขวงใจของเขา
“หยวน!” เขาลูบใบหน้าของนางเบา ๆ “ดีขึ้นบ้างแล้วหรือไม่?”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นช้า ๆ หลังผ่านอาการเมาค้าง นางก็ทั้งรู้สึกปวดหัว ทั้งรู้สึกหัวบวมไปหมด นางใช้มือเคาะ ๆ ที่หัวตัวเองแล้วถามว่า “ข้าดื่มจนเมารึ?”
“อื้ม เจ้าดื่มจนเมาน่ะ”สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของนาง “ตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ปวดหัว!” หยวนชิงหลิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย” ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ก็จะไม่ดื่มแล้ว ต้องโทษพระชายาจี้นั่นล่ะ”
หยวนชิงหลิงสะบัดหัวที่ยังรู้สึกมึน ๆ หนักๆ ตั้งสติแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกเหมือนว่าตัวเองฝันไป”
หยู่เหวินเห้าชักมือกลับด้วยความหวาดวิตก “ไม่! เจ้าไม่ได้ฝัน”
หยวนชิงหลิงหันไปมองเขา “ข้าจะฝันหรือไม่ เจ้าจะมารู้ด้วยได้อย่างไรล่ะ?”
“ข้า… ข้าไม่ได้นอนทั้งคืน เฝ้าดูแลเจ้าอยู่ เจ้าหลับลึกมากเลยเชียวล่ะ” หยู่เหวินเห้าอธิบาย
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ต่อให้หลับลึกจริง ข้าก็สามารถฝันได้นะ”
หยู่เหวินเห้าจ้องมองนางเขม็ง “ถ้าเช่นนั้นเจ้า….เจ้าจำสิ่งที่ตัวเองฝันถึงได้หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “จำไม่ได้แล้วล่ะ แต่ยังจำความรู้สึกนั้นได้ เป็นความรู้สึกโศกเศร้าอย่างน่าประหลาด”
“เช่นนั้นย่อมต้องเป็นฝันร้ายแน่ ไม่ต้องคิดแล้ว” หยู่เหวินเห้ารีบพูดอย่างรวดเร็ว
หยวนชิงหลิงส่งเสียงตอบรับ ยกผ้าห่มขึ้นแล้วลุกจากเตียง “ข้าจะไปดูลูก ๆ หน่อย”
“ข้าจะไปกับเจ้า” หยู่เหวินเห้าลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งจับข้อมือนางไว้ “รอข้าด้วย”
หยวนชิงหลิงหันกลับมามองเขาด้วยความประหลาดใจ “ยังต้องรอเจ้าด้วยรึ? ก็แค่ไปหาลูกตรงๆ เลยก็ได้นี่ อยู่ที่ห้องถัดไปนี้เองนะ”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ถึงอย่างนั้นก็ต้องไปด้วยกัน เจ้ายังไม่ได้ล้างหน้า กลิ่นเหล้าก็คลุ้งไปทั้งตัว รมลูก ๆ แย่เลย”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพลางพูดว่า “ก็จริงนะ เมื่อคืนเจ้าทนไปได้อย่างไรกัน? เจ้าเมารึ?”
“ข้าแค่กึ่ง ๆ เมา ยังพอไหว” หยู่เหวินเห้าพูด
หมันเอ๋อเคาะประตู “ฝ่าบาท พระชายา ต้องการให้ข้าเข้าไปรับใช้หรือไม่เพคะ?”
“ไปยกน้ำมาหน่อย” หยู่เหวินเห้าสั่ง
“เพคะ!” หมันเอ๋อรับคำแล้วถอยออกไป
เพราะความเคยชินของหยวนชิงหลิง โดยปกติจะไม่ต้องการให้คนมาคอยดูแลรับใช้เวลาแต่งตัว ดังนั้น คุณชายใหญ่อย่างหยู่เหวินเห้าจึงไม่ต้องการให้ใครมาดูแลรับใช้เวลาแต่งตัวด้วยเช่นกัน แต่วันนี้เขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใช้เวลาสวมเสื้อผ้าอยู่นานมาก กระทั่งเสื้อทับในก็ยังใส่ได้ไม่เรียบร้อยเลยด้วยซ้ำ
หยวนชิงหลิงเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “เจ้ายังจะบอกว่าไม่เมาอีก เมื่อคืนเจ้าน่าจะเมากว่าข้าเสียอีกกระมัง? แค่แต่งตัวก็ยังทำไม่เป็นเสียแล้ว”
นางเอื้อมมือออกไปผูกเสื้อผ้าทับในของเขา จากนั้นค่อยสวมเสื้อคลุมตัวนอกอีกชั้น รูปทรงผ้าต่วนนั้นทำให้เขาดูสูงโปร่งงามสง่า อกผายไหล่ผึ่งอย่างยิ่ง “ทำไมถึงเอาแต่จ้องหน้าข้าตลอดเลยล่ะ ? มีอะไรติดอยู่บนหน้าของข้าอย่างนั้นรึ?”
เมื่อหยวนชิงหลิงเห็นสายตาของเขา ที่จ้องมองมาที่นางอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าตัวเองแบบไม่รู้ตัว
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า กอดนางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “หยวน สัญญากับข้านะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าใครจะเรียกหาเจ้า หรือไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เจ้าต้องทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อหาทางกลับมาอยู่ข้างกายข้า กลับมาอยู่ข้างกายลูก ๆ ให้ได้นะ ”
“แล้วข้าจะไปไหนได้ล่ะ?” หยวนชิงหลิงถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่เลยทีเดียว
“ไม่ว่าจะไปที่ไหน” หยูเหวินห่าวเน้นย้ำคำเดิม “เจ้าต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อกลับมาหาข้า ข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีเจ้า”
หยวนชิงหลิงยิ้มพลางพยักหน้า “ได้ ข้ารู้แล้ว ทำไมหลังจากดื่มจนเมาไปครั้งเดียว ถึงกลายเป็นจอมเกาะหนึบขนาดนี้ไปได้เสียแล้วล่ะ? เจ้าเป็นรัชทายาทแล้วนะ เข้าใจหรือไม่?”
“ต่อให้ได้เป็นฮ่องเต้ ข้าก็จะเกาะหนึบเจ้าไม่ยอมปล่อยเหมือนเดิมนั่นล่ะ” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
หยวนชิงหลิงมองเห็นความรักใคร่ผูกพันในแววตาของเขา “ได้ สัญญากันแล้วนะว่า ไม่ว่าใครก็ห้ามปล่อยมือจากกันไปก่อนเด็ดขาด”
“เจ้าพูดแล้วนะ ห้ามกลับคำล่ะ” หัวใจของหยู่เหวินเห้ายังคงไม่อาจสงบนิ่งลงได้ ความหวาดหวั่นวิตกกังวลยังคงกัดเซาะอยู่ภายในใจลึก ๆ
หมันเอ๋อ ลู่หยากับฉี่หลอเข้ามารับใช้ปรนนิบัติ ส่วนใหญ่ก็คือการหวีผมแต่งหน้า
หยวนชิงหลิงมองเข้าไปในกระจก มืออันแสนเชี่ยวชาญของหมันเอ๋อค่อย ๆ ทำให้นางเคลิ้มไป จู่ ๆ ก็มีภาพฉากหนึ่งปรากฏขึ้นในความคิดของนาง ผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้ากระจกตู้เสื้อผ้าที่สูงจากพื้นจรดเพดาน กางเกงยีนส์ เสื้อทีเชิ้ตหลวม ๆ สีขาว มัดผมทรงหางม้า นางหันหน้ากลับไปมอง ก็ได้เห็นสายตาห่วงหาอันเจ็บปวดบาดลึกของแม่กำลังจ้องมองมา
นางตกใจจนคว่ำตลับแป้งแต่งหน้า
“เป็นอะไรไป?” หยู่เหวินเห้าหันหน้ามามองทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล
หยวนชิงหลิงค่อยๆ กลั้นน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไป ริมฝีปากสั่นระริกพลางฝืนยิ้ม “ข้าไม่เป็นไร”
เมืองก่วง ในบ้านตระกูลหยวน
แม่หยวนชิงหลิงตื่นขึ้นมาจากบนโซฟา เธอผุดลุกขึ้นทั้งตัว “ชิงเอ๋อ!”
กรอบรูปบนตัวเธอร่วงลงไปบนพื้น เกิดเป็นเสียงดัง “ปึง” ดังสนั่นขึ้นมาเสียงหนึ่ง เธอมองตามลงไปช้า ๆ เห็นเพียงเด็กสาวในรูปที่ส่งยิ้มสดใสเหมือนต้อนรับลมในฤดูใบไม้ผลิ เหมือนเธอกำลังโบยบินเข้ามาหา เธอเก็บมันขึ้นมากดแนบไว้กับอก น้ำตาไหลนองหน้า “ชิงเอ๋อ ลูกเคยกลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ ? ถ้าหากว่าโลกใบนี้มีผีจริง ๆ ลูกก็กลับมาให้แม่ได้เห็นหน้าหน่อยเถอะ”