บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 522
ตัวเล็กทั้งสามคนที่ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาต่างก็มองไปทางหยวนชิงหลิงพร้อมๆกัน หันซ้ายหันขวาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางไทเฮา ไทเฮาเดินเข้าไปอย่างสงสารจับใจ ปากก็พูดว่า “เด็กดี อย่าร้องไห้ ยังเล่นไม่พอใช่หรือไม่ ได้ ออกไปเล่นอีกสักหน่อยแล้วกัน ”
ตัวเล็กทั้งสามแบะปากขึ้นพร้อมกัน ราวกับจะเป็นการตอบรับคำพูดของไทเฮา แต่ขณะที่ดวงตาหันกลับมามองเห็นหยวนชิงหลิงเข้า ก็ไม่กล้าร้องงอแงอีก
หยู่เหวินเห้าเห็นฉากนี้ ก็มองหยวนชิงหลิงอย่างสงสัยว่า “พวกเขาคงไม่ได้รู้เรื่องการมองสีหน้าคนกระมัง ทำไมเจ้าขู่เสียงเดียวก็หยุดร้องแล้วล่ะ”
หยวนชิงหลิงเข้าไปอุ้มข้าวเหนียว พูดยิ้มๆว่า “เพิ่งจะครบหนึ่งเดือน จะไปรู้จักมองสีหน้าคนได้อย่างไร นี่บางทีอาจเป็นเพราะเห็นพวกเรามา ได้กลิ่นที่คุ้นเคย ฉะนั้นจึงไม่ร้องไห้”
รู้ความนั่นเอง อีกทั้งยังเจ้าเล่ห์มาก ถ้าหากมีโอกาส ต้องพาพวกเขากลับไปยังโลกปัจจุบันเพื่อศึกษาค้นคว้าสมองของพวกเขา
ไทเฮามองข้าวเหนียวที่ซุกซบอยู่ในอ้อมอกของหยวนชิงหลิงอย่างเชื่อฟัง ในใจรู้สึกอิจฉามาก แต่ว่า ที่สุดแล้วผลจากการให้กำเนิดอย่างยากเย็นนั้นย่อมมีคุณค่าอันใหญ่หลวง ไม่มีเรื่องใดปกติไปกว่าการที่ลูกจะรู้สึกผูกพันกับแม่
วันเดียวกัน เหล่าของว่างก็ถูกพากลับไปแล้ว
หมาป่าหิมะตัวน้อยทั้งสามตัวต่างก็ดูดีใจมาก ในค่ำวันนั้นก็ยอมกินเนื้อ หยู่เหวินเห้ากับแม่ทัพใหญ่จิ้งถิงก็เฝ้าดูอยู่ตลอด ทั้งสองคนเหมือนจะมีหัวข้อสนทนาใหม่ต้องศึกษากันอีกแล้ว เพราะว่าจวิ้นจู่เฉินจิ่นหนิงเลี้ยงหมาป่าน้อยไว้ตัวหนึ่งชื่อว่าเสี่ยวเฮย ก็ดูจะรู้ภาษาคนไม่น้อย
ตอนค่ำทั้งสองยังชวนกันไปที่จวนของเซียวเหยากง พบว่าฮ่องเต้ต้องการจะแก้ไขเรื่องของจูกั๋วกง จึงต้องทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของปมความแค้นระหว่างจูกั๋วกงกับเซียวเหยากง จึงจะสามารถแก้ไขปมผูกตายนี้ได้
หลายวันมานี้เซียวเหยากงรู้สึกได้ใจมาก บานประตูที่ไปรื้อกลับมาจากจวนจูกั๋วกงถูกวางเอาไว้หน้าประตูใหญ่ของห้องโถง เข้าออกยังต้องได้เหยียบ เขายังจูงแม่ของเหล่าหมาป่าหิมะตัวน้อยมาด้วย ไปฉี่และอึอยู่บนบานประตูนั้น จากนั้นก็เงยหน้าที่ดูได้ใจมากพูดกับหยู่เหวินเห้าว่า “รัชทายาท พรุ่งนี้ตอนท่านไปที่จวนจูกั๋วกง ก็บอกเขาด้วย ประตูใหญ่ของจวนกั๋วกงนั้น ถูกดองไว้ด้วยฉี่อึของเจ้าหญิงหมาป่าของข้า บอกเขาว่าอย่าได้ใจไป”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกระอาใจอยู่บ้างกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่ดูราวกับเด็กเกเรของเซียวเหยากง ถ้าหากเขาเอาคำพูดนี้ไม่พูดจริงๆละก็ เท่ากับรนหาที่ตายน่ะสิ จูกั๋วกงคงตีเขาจนต้องค้นหาฟันที่หล่นเต็มพื้นของตัวเองให้วุ่น
“เซียวเหยากง ท่านก็อายุขนาดนี้แล้ว ทำไมจึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ ท่านกับจูกั๋วกงมีความแค้นอะไรต่อกันแน่ ข้าเคยลองถามดูแล้ว สมัยก่อนพวกท่านเคยเป็นเพื่อนที่ดีกันมาก เคยผ่านเหตุการณ์ความเป็นความตายมาด้วยกันหลายครั้ง ทำไมจึงทะเลาะกันมาจนถึงจุดนี้ได้ ”
หยู่เหวินเห้านั่งลงและถามขึ้น สายตาพยายามไม่มองไปยังบานประตูสีแดงนั่น ช่างขวางหูขวางตาเสียจริง
เซียวเหยากงได้ยินคำพูดนี้ ก็ระเบิดอารมณ์ออกมาทันที “รัชทายาทอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าไม่เคยเป็นเพื่อนที่ดีกับเขามาก่อน ไม่รู้จักคนคนนี้ คนที่ขายเพื่อนเช่นเขา สุนัขต่ำช้าที่ขายเพื่อนนักรบด้วยกัน รู้จักเขายังถือเป็นความอับอาย”
หยู่เหวินเห้ามองเขาที่คำพูดประโยคเดียวก็เป่าหนวดถลึงตา ก็อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างจนใจ “ท่านระงับอารมณ์สักหน่อยเถอะ ท่านว่าเขาขายเพื่อน ขายเพื่อนนักรบ ท่านลองดูมาสิว่าเขาขายอย่างไร ”
“ไม่พูด ไม่อยากพูดถึง พูดถึงแล้วก็รู้สึกขยะแขยง ”เซียวเหยากงนั่งลง เอ่ยอย่างรู้สึกโมโหเต็มอก “เดิมทีข้าคิดว่าทุกคนต่างก็ล่วงเลยมาจนถึงอายุปูนนี้แล้ว ไม่ว่าจะมีบุญคุณความแค้นอะไร เพื่อบ้านเมืองแล้วก็ควรจะวางลงได้แล้ว จึงไปหาเขาด้วยตนเอง เขากลับให้คนไปหาฉี่มารดใส่ตัวข้า ราวกับว่าเรื่องในอดีตนั้นข้าเป็นคนผิดอย่างไรอย่างนั้น เขาไปเอาหน้ามาจากไหน จึงได้กล้าทำกับข้าเช่นนี้ เรื่องพันธมิตร ถ้าหากเขาไม่เห็นด้วย ข้าจะเอามีดไปฟันเขา เจ้าแก่หนังเหนียว ให้เกียรติเขาหน่อยก็ทำเป็นหยิ่งผยอง เขายังมียางอายหรือไม่ ต่ำช้าเสียจริง รัชทายาท แม่ทัพใหญ่ ถ้าหากที่พวกท่านมาวันนี้ก็เพื่อจะมาขอร้องแทนเจ้าจูละก็ ไม่ต้องพูด จวนเซียวเหยากงของข้าก็ไม่ต้อนรับ ส่งแขก”
หยู่เหวินเห้ากับจิ้งถิงที่ได้ยินเสียงด่าราวรัวราวกับระเบิด สุดท้ายยังมีคำสั่งไล่แขกอีกด้วย ต่างก็มองหน้ากัน ไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี นี่ไม่มีทางพูดจาอะไรได้เลย
หยู่เหวินเห้ารู้ว่าจะรับมือกับเด็กแก่เกเรได้อย่างไร ไม่สามารถแข็งชนแข็งได้ ก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้ มาเพราะเรื่องหมาป่าหิมะตัวน้อยต่างหาก”
เซียวเหยากงพอได้ยินว่ามาเพราะเรื่องของหมาป่าสุดที่รัก สีหน้าก็อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย “ทำไมหรือ”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “หลายวันก่อนไทเฮาพาเด็กๆเข้าไปอยู่ในวัง เข้าไปสามวัน หมาป่าหิมะตัวน้อยก็ไม่กินข้าวสามวัน เมื่อคืนพาเด็กๆกลับจวนมาแล้ว หมาป่าหิมะก็กินข้าวทันที ท่านว่าน่าประหลาดหรือไม่ หมาป่าหิมะตัวเล็กแค่นี้ หรือว่าจะรู้จักยอมรับเจ้านายของมันแล้ว”
เซียวเหยากงนั้นรู้สึกภูมิใจมาก “แน่นอน หมาป่าหิมะมีจิตวิญญาณ พวกมันถูกไท่ซ่างหวงประทานให้กับเหล่าพระราชนัดดา พวกมันรู้ว่าเจ้านายของตัวเองเป็นใคร หมาป่าหิมะยังเล็ก ห่างจากกลิ่นอายของเจ้านายไม่ได้ ห่างแล้วก็จะป่วย ไม่สบาย ภายหน้าหากจะเข้าไปอยู่ในวัง ต้องพาหมาป่าหิมะไปด้วย”
แม่ทัพใหญ่จิ้งถิงถามขึ้นอย่างอยากรู้ว่า “หมาป่าจำเจ้านายได้ เรื่องนี้น่าประหลาดใจจริงๆ ”
เซียวเหยากงมองเขาแวบหนึ่ง “มีอะไรให้น่าประหลาดใจ บ้านท่านก็มีหมาป่าอยู่ตัวหนึ่งมิใช่หรือ ”
“นี่ท่านรู้ด้วยหรือ”จิ้งถิงเบิกตากว้าง
เซียวเหยากงรู้สึกประหลาดใจ “เรื่องหมาป่า ยังมีที่ข้าไม่รู้อีกหรือ”
“ท่านชื่นชอบหมาป่ามากเลยหรือ”
“อาจารย์ข้าเป็นแม่ทัพน้อยของชาวหมาป่า”เซียวเหยากงพูด
จุดนี้ แม้แต่หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา “ท่านยังมีอาจารย์ด้วยหรือ”
“มีอาจารย์แล้วอย่างไร ”เซียวเหยากงค้อนให้เขาแวบหนึ่ง คนรุ่นหลังนั้นประสบการณ์น้อย มีอาจารย์แล้วมันเป็นอย่างไร
จิ้งถิงถามว่า “แม่ทัพน้อยแห่งชาวหมาป่า ……เป็นคนหรือ”
เซียวเหยากงพูดอย่างโมโหว่า “ทำไมเจ้าต้องด่าคนอื่นด้วย แล้วเจ้าล่ะเป็นคนหรือไม่ ”
จิ้งถิงรีบพูดอธิบายขยายความทันที “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านกั๋วกงโปรดอภัยด้วย ข้าพูดจาผิดไป ก็คือที่ท่านพูดถึงแม่ทัพน้อยแห่งชาวหมาป่า ข้าคิดว่าเป็นหมาป่า ออ พูดย้อนไปถึงหมาป่าหิมะ หมาป่าหิมะนั้นเก่งจริงๆเลย ”
จิ้งถิงใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ปากไม่รู้จักพูดมักทำให้เจ็บตัวจริงๆ
เซียวเหยากงใช้สายตาที่เอาไว้มองคนโง่มองพวกเขา “หมาป่าหิมะนี้เป็นพันธุ์ที่อาจารย์ข้าเพาะเลี้ยงมาเองกับมือ รู้ภาษาคน รู้จักจำเจ้านาย ตัวอย่างเช่นเจ้าหญิงหมาป่าของข้า ชาตินี้จะยอมรับข้าเป็นเจ้านายเพียงคนเดียว ไท่ซ่างหวงขอหมาป่าหิมะสามตัวเพื่อมอบให้กับเหล่าพระราชนัดดา ตอนที่ส่งไปก็บอกกับพวกมันแล้ว ภายหน้าพระราชนัดดาจะเป็นเจ้านายของพวกมัน พวกมันจะจดจำเจ้านายของตัวมันเอง ชาตินี้ก็จะตามติดเจ้านายของมัน ร่วมเป็นร่วมตายร่วมกัน ”
เขายื่นมือออกไปอุ้มเจ้าหญิงหมาป่าตัวนั้น ลูบที่หัวของหมาป่า ถอนหายใจพูดว่า “ภายหน้าหากข้าตายแล้ว เจ้าหญิงหมาป่าก็จะฆ่าตัวตายตาม พวกมันไม่มีวันละทิ้งเจ้านายเด็ดขาด ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างตกตะลึงว่า “เช่นนั้นอาจารย์ของท่านก็มีอยู่หนึ่งตัวหรือ”
“มีแน่นอน หมาป่าหิมะตัวนั้นของอาจารย์ เป็นสีขาวดุจหิมะทั้งร่าง เป็นตัวที่งดงามที่สุดในเผ่าหมาป่า”
หยู่เหวินเห้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ“เช่นนั้นตอนที่อาจารย์ท่านตาย หมาป่าหิมะตัวนั้นก็ตายไปด้วยสินะ ช่างน่าเสียดายจริงๆ ”
เซียวเหยากงตบโต๊ะดังปัง พูดเสียงดุว่า “รัชทายาท วันนี้ท่านมาหาเรื่องข้าหรืออย่างไร ”
หยู่เหวินเห้าถูกเสียงดุของเขาทำเอาสะดุ้งตกใจจนสั่นไปทั้งตัว เห็นสีหน้าเขาแดงก่ำจนเกือบจะกลายเป็นสีม่วงแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห ในใจก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที “ไม่ใช่นะ ท่าน ท่านทำไมจึงคิดเช่นนั้น วันนี้ข้ามาเที่ยวหาท่านเท่านั้น นี่ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ”
เซียวเหยากงตบโต๊ะอีกครั้ง ตะคอกว่า “แล้วทำไมท่านต้องสาปแช่งให้อาจารย์ข้าตายด้วย”
สมองของหยู่เหวินเห้าระเบิดดังปัง “ท่าน อาจารย์ของท่านยังมีชีวิตอยู่หรือ”