บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 527
หยวนชิงหลิงเดาไม่ผิด ทางด้านตระกูลจูไม่ได้ให้ฮูหยินกั๋วกงกินยา ทว่า จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว ยานี้ยังไปไม่ถึงมือจูกั๋วกงเลยด้วยซ้ำ หลังจากหยวนชิงหลิงออกไปแล้ว ตี๋เว่ยหมิงก็บอกว่าไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของพระชายารัชทายาท ไม่สามารถเชื่อใจได้
แม้ว่าตอนนี้จะพูดได้ว่าตระกูลจูไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ที่สุดแล้วอ๋องอันก็เป็นคนกันเอง และเรื่องที่อ๋องอันกับรัชทายาทต่อสู้แย่งชิงกันทั้งในที่ลับและที่แจ้ง ทุกคนต่างก็รู้อยู่บ้าง ฉะนั้น การที่พระชายามาครั้งนี้ไม่รู้ว่ามามอบยาให้ด้วยความจริงใจหรือด้วยเหตุผลประการอื่น ก็ไม่มีใครรู้ ย่อมไม่กล้าส่งยาให้ส่งเดช
ตี๋เว่ยหมิงให้นางจูโยนยาทิ้งซะ นางจูรับคำ บอกว่ากำลังจะไปห้องน้ำพอดี รวดเอายาทิ้งไปในห้องน้ำเสียเลย เพียงแต่หลังจากที่นางเข้าไปแล้ว คิดทบทวนอยู่นาน สุดท้ายก็ซ่อนยาเอาไว้ ไม่ได้ทำตามที่ตี๋เว่ยหมิงบอก
ถึงเวลาช่วงค่ำ ฮูหยินกั๋วกงเจ็บปวดอย่างที่สุด จนถึงขั้นที่ไม่สามารถจะทนรับได้อีก พูดกับกั๋วกงที่คอยเฝ้าอยู่ข้างกายตนเองว่า “ชีวิตข้าใกล้ถึงกาลดับสูญแล้ว ทนทุกข์ทรมานต่อไปไม่ไหวจริงๆ ท่านได้โปรดทำให้ข้าสมปรารถนา ให้ข้าได้จากไปอย่างสบายบ้างเถอะ”
จูกั๋วกงเม้มปากไว้แน่น คนทั้งคนเข้าสู่ความกดดันแห่งความเจ็บปวดอย่างถึงขีดสุดชนิดหนึ่ง เขาเฝ้าฮูหยินอยู่คนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามา เพราะรู้ว่าไม่ว่าใครก็ตามที่เห็นสีหน้านางในตอนนี้ก็ต้องรู้สึกปวดใจ
เขายื่นมือออกไปค่อยๆกดไหล่ของฮูหยินกั๋วกงเอาไว้ พูดปลอบด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าพูดโง่ๆอะไรกัน ทนอีกหน่อย ไม่ช้าก็ผ่านไปแล้ว เหมือนหลายครั้งก่อนหน้านี้ ผ่านไปแล้วก็ดีขึ้น”
ฮูหยินกั๋วกงใช้แรงบีบมือของเขาไว้แน่น รู้สึกว่าความเจ็บปวดเช่นนั้นจะฉีกร่างของนางออกเป็นเสี่ยงๆ นางทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แต่ไหนแต่ไรเป็นคนเข้มแข็งแต่วันนี้กลับเจ็บปวดจนทนไม่ได้ร้องไห้ออกมา น้ำตาท่วมท้นรอยย่นที่อยู่ใต้ตา “ไม่ ผ่านครั้งนี้ไปได้ ยังมีครั้งต่อไป ข้ากลัวแล้วจริงๆ ชีวิตข้าถึงจุดสิ้นสุดแล้ว”
จูกั๋วกงเห็นนางร้องไห้ไม่ได้ นางร้องไห้ สติของเขาก็หลุดทันที พูดพึมพำว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ชาตินี้เจ้าทำเรื่องดีๆตั้งมากมาย ช่วยเหลือเด็กกำพร้ากับผู้ลี้ภัยที่ไร้บ้านไว้ตั้งมากมาย สวรรค์หากมีตา ก็ไม่ควรจะทำกับเจ้าเช่นนี้ เจ้าต้องดีขึ้นแน่ๆ ”
ฮูหยินกั๋วกงหลับตาลง ถอนหายใจยาวๆหนึ่งเฮือก ใบหน้าที่บวมเป่งซีดขาวจนแทบจะเป็นสีเขียวคล้ำ นางพูดเศร้าๆว่า “ข้าทนความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว ทนไม่ได้แล้ว เรียกลูกๆเข้ามาดูข้า ปล่อยข้าไปเถอะ ไร้ลมหายใจนี้แล้ว ข้าก็ไม่ต้องทรมาน เป็นสามีภรรยากันมาตลอดชีวิต ข้าขอร้องท่านล่ะ ”
จูกั๋วกงได้ยิน ก็มีน้ำตาไหลพรากออกมา ถอนหายใจยาวหนึ่งเสียง เอ่ยด้วยเสียงเศร้าหมดหวังว่า “ทำไมจึงทิ้งข้าไว้เพียงลำพัง เจ้าไปแล้ว ข้าจะอยู่ได้อย่างไร ”
ความเจ็บปวดระลอกหนึ่งพุ่งขึ้นมา ฮูหยินกั๋วกงไร้หนทางให้คำมั่นสัญญาถึงชาติหน้า เจ็บปวดจนนางต้องเกลือกกลิ้งไปมา ทนไม่ได้จนอยากจะเอาหัวชนกำแพง ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
จูกั๋วกงเห็นดังนี้ หัวใจก็หลุดลอยไป เดินโซเซไปเปิดประตูออก เรียกบ่าวที่อยู่ด้านนอก ให้ไปเชิญคนตระกูลจูเข้ามา
คำสิ่งถูกถ่ายทอดไปถึงโถงใหญ่ ลูกหลานและสะใภ้ของตระกูลจูต่างก็ร้องไห้ออกมา ถ้าหากกั๋วกงมีคำสั่งเช่นนี้ เกรงว่าฮูหยินกั๋วกงจะไม่ไหวแล้วจริงๆ
ทุกคนต่างเช็ดน้ำตาจนแห้ง เค้นรอยยิ้มบนใบหน้าออกมา ทยอยกันเดินเข้าไป ต่างก็ยืนอยู่หน้าเตียงของฮูหยินกั๋วกง
ฮูหยินกั๋วกงกำลังเจ็บปวดอย่างที่สุด ร่างของนางขดตัวบิดไปมา เหมือนหนอนที่ถูกตีอย่างเจ็บปวด คนของตระกูลจูเห็นแล้ว ต่างก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลพราก
นางจูกับแม่ทัพใหญ่ตี๋เดินเข้าไปข้างหน้ากอดนางเอาไว้ กอดแล้วร้องไห้ ฮูหยินกั๋วกงไม่มีเวลาสนใจพวกเขา ได้แต่ทนต่อความเจ็บปวดที่กรูขึ้นมาร้องอย่างทรมานว่า “ปล่อยมือข้าให้ข้าจากไปเถอะ ให้ข้าไปเสียเถอะ”
เสียงร้องคร่ำครวญนี้เหมือนมีแหลมคมเป็นเล่มๆ บาดไปบนหัวใจของคนตระกูลจู โดยเฉพาะจูกั๋วกง ยืนนิ่งราวกับท่อนไม้ แววตาแตกสลาย
นางจูเห็นเช่นนี้ ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หยิบเอายาระงับปวดที่หยวนชิงหลิงส่งมาให้ออกมาคุกเข่าลงกับพื้น พูดกับจูกั๋วกงว่า “ท่านพ่อ วันนี้พระชายารัชทายาทมาที่นี่ บอกว่าจะมาดูอาการป่วยของท่านแม่ และได้ส่งยาระงับปวดมาให้หนึ่งเม็ด ไม่สู้ ลองให้ท่านแม่กินดูดีหรือไม่ ”
“พระชายารัชทายาท”จูกั๋วกงนิ่งอึ้งไปชั่วครุ่ คิดถึงตอนที่ไท่ซ่างหวงล้มป่วย ว่ากันว่านางเป็นคนทำการรักษาไท่ซ่างหวง “ยาอะไร เอาออกมาให้ข้าดูซิ”
ตี๋เว่ยหมิงคิดไม่ถึงว่านางจูจะไม่ทิ้งยาเม็ดนั่นไปอีก ทนไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปขัดขวางเอาไว้ พูดว่า “ท่านพ่อ จะกินยานี้ไม่ได้ พระชายารัชทายาทมาส่งยาให้โดยเฉพาะ ใครจะรู้ว่าแฝงเจตนาอะไรไม่ดีไว้หรือไม่”
จูกั๋วกงถามว่า “แม่ยายของเจ้าไม่เคยล่วงเกินนาง ทำไมต้องทำร้ายกันด้วยเล่า”
ตี๋เว่ยหมิงเดินเข้าไปหนึ่งก้าว กดเสียงลงต่ำพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่าลืม รัชทายาทไปมาหาสู่สนิทสนมกับเซียวเหยากงมาก เป็นไปได้ว่าเซียวเหยากงให้นางมาส่งยา ยานี้เกรงว่าจะมีพิษ ”
จูกั๋วกงยิ่งรู้สึกวางใจ ฮึในลำคอและพูดว่า “เจ้าเฒ่าเซียวเหยากงก็แค่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับข้า สำหรับแม่ยายเจ้าเขาเคารพนับถือมาก ถ้าหากเขาเป็นคนให้มาส่งยา ก็กินยานี้ได้อย่างวางใจไม่ต้องกลัว”
ในใจของตี๋เว่ยหมิงไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก แต่ต่อหน้าของพ่อตา จึงไม่ได้แสดงออกมา
นางจูได้ยินคำพูดนี้ รีบยืนขึ้นเอายาออกมา วางไว้ในมือของจูกั๋วกง พูดว่า “พระชายารัชทายาทบอกว่า ยานี้แบ่งเป็นสองชนิด ชนิดหนึ่งคือยากระเพาะ กินยากระเพาะก่อน จากนั้นก็ดื่มน้ำข้าวต้มซะหน่อยค่อยกินยาระงับปวด”
จูกั๋วกงสั่งให้คนไปเอาน้ำข้าวต้มมา จากนั้นก็หมุนตัวนั่งลง ประคองฮูหยินกั๋วกงให้กินยากระเพาะ
ฮูหยินกั๋วกงได้ยินว่าเป็นยาที่พระชายารัชทายาทส่งมาให้ ก็ค่อนข้างมั่นใจ ดึงแขนเสื้อของจูกั๋วกง เอ่ยอย่างอ่อนแรงว่า “พระชายารัชทายาท เป็นคนดี เคยช่วยเหลือราษฎร เชื่อใจนางได้”
กินยากระเพาะได้ชั่วครู่ ฮูหยินกั๋วกงฝืนดื่มน้ำข้าวต้มลงไป จากนั้นก็กินยาระงับปวด
หลังจากกินยาแล้ว ทุกคนต่างก็เฝ้าดูนาง ถามแล้วถามอีกว่า “ดีขึ้นบ้างหรือไม่”
ฮูหยินกั๋วกงไม่ว่าอะไร เพียงแค่หลับตาลง แต่ไม่ได้มีอาการบิดตัวไปมาเหมือนเมื่อครู่แล้ว
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งถ้วยน้ำชา ลมหายใจของฮูหยินกั๋วกงค่อยๆนิ่งลง นอนหลับไปแล้ว
จูกั๋วกงนั่งอยู่ข้างเตียง จัดระเบียบเส้นผมสีขาวที่ตกละอยู่บนหน้าผากของนาง ผ่านไปชั่วครู่จึงสั่งการด้วยเสียงเคร่งขรึม กับจูโห้วเต๋อ “เจ้าใหญ่ เจ้าไปที่จวนอ๋องฉู่ด้วยตนเอง เชิญพระชายารัชทายาทมา ทำกิริยาให้มันดีหน่อย ถ้าเชิญมาไม่ได้ เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาอีก”
ตี๋เว่ยหมิงถอนหายใจ “ท่านพ่อ นี่เท่ากับท่านติดกับเซียวเหยากงแล้ว”
สายตาของจูกั๋วกงฉายแววดุจสายฟ้า เอ่ยเสียงเย็นว่า “เรื่องใหญ่หลวงแค่ไหน ก็ไม่สำคัญไปกว่าแม่ยายของเจ้า”
เรื่องที่ตี๋เว่ยหมิงรู้สึกเสียดายมาตลอดก็คือ พ่อตาของเขาที่มีอำนาจสามารถล้มราชสำนักได้เหมือนเซียวเหยากงไม่ได้เลือกที่จะยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเขา ตอนนี้พอได้ยินคำพูดนี้ เขาก็อดที่จะไม่พอใจไม่ได้ ถามว่า “แล้วเรื่องของอ๋องอัน ก็ไม่สำคัญหรือ”
สีหน้าของจูกั๋วกงขรึมลงไปชั่วครู่ “พวกเจ้าสามีภรรยากลับไปเถอะ ที่นี่ไม่มีเรื่องให้พวกเจ้าช่วยแล้ว”
นางจูใหญ่ผู้ที่เป็นภรรยาตี๋เว่ยหมิงเดินเข้าไปพูดว่า “ท่านพ่อ แม่ทัพใหญ่พูดมีเหตุผล เรื่องของอ๋องอัน สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด นี่มันเกี่ยวพันถึงรากฐานของตระกูลจูกับตระกูลตี๋……”
จูกั๋วกงตัดบทของนางอย่างหยาบกระด้าง “ตระกูลจูตระกูลตี๋อะไรกัน ใต้หล้านี้เป็นของตระกูลหยู่เหวิน ไป ไม่มาดูแลคนไข้ก็อย่ามาเพิ่มความวุ่นวาย”
อยู่ในจวนจูกั๋วกงนั้นไม่อนุญาตให้ใครมาท้าทายในอำนาจและตำแหน่ง อย่าว่าแต่ตี๋เว่ยหมิงที่เป็นแค่ลูกเขยเลย นางจูใหญ่ก็แค่ลูกสาวที่แต่งออกเรือนไปแล้ว หรือแม้แต่จูโห้วเต๋อที่เป็นลูกชายคนโต อยู่ต่อหน้าเขาก็ไร้อำนาจที่จะพูดจาได้
สิ่งที่เขาตัดสินใจ ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ก็เพราะนิสัยต้องเชื่อฟังคำสั่งของตนไม่ฟังความคิดเห็นผู้อื่น จึงทำให้เขากับเซียวเหยากงไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้มาหลายสิบปี
เป็นข้อดีและเป็นข้อเสียเช่นกัน