บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 537
หยวนชิงหลิงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย แต่หากติดโรคมาเมื่อไม่กี่เดือนนี้ งั้นเป็นฝีมือคนหรือเป็นความบังเอิญ?
ในใจหยวนชิงหลิงหนักอึ้ง หากเป็นฝีมือคน เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ก็มีเพียงอ๋องอานที่กล้าทำถึงขนาดนี้ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกการกระทำของอ๋องจี้ ไม่สามารถปิดบังพระชายาอ๋องจี้ บวกกับต่อมาอ๋องจี้ถูกคุมขัง ดังนั้นไม่ใช่เขาแน่
แต่แผนการโหดเหี้ยมขนาดนี้ ไม่ได้มีความแน่นอนเลยสักนิด หากเป็นฝีมืออ๋องอานจริง งั้นแสดงว่าเขาแทบได้เหวี่ยงแหครอบคลุมไปทั่วจวนอ๋องฉู่แล้ว นอกจากนี้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องอย่างอื่น
ดังนั้น หยวนชิงหลิงเชื่อมั่นว่าไม่รู้แม่นมสี่ไปติดโรคมาจากไหน ถือเสียว่าโชคร้าย
ไม่ หยู่เหวินเห้ากลับไม่คิดเช่นนี้
หากติดโรคเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เจ้าสี่น่าสงสัยที่สุด เพราะโรคเรื้อนไม่ว่าจะเป็นโรงหมอหุ้ยหมิง หรือโรงหมอที่อื่น หากเมื่อพบคนติดโรคแล้วต่างก็จะต้องรายงาน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อน แทบจะไม่สามารถได้เดินเหินอยู่บนท้องถนน ยิ่งยากที่จะสัมผัสถึงแม่นมสี่ นอกเสียจากมีคนตั้งใจวางแผน
และไม่กี่เดือนก่อน ตอนที่เจ้าสามท้องแฝดสามถูกเลื่องลือออกไป แม่นมสี่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าแม่นมในจวน นอกจากทังหยางแล้ว นางแทบจะยุ่งทุกเรื่อง ผู้คนภายในจวนต่างก็ต้องสัมผัสถึงนาง โดยเฉพาะ เด็กๆจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของนาง
แผนการเช่นนี้ ไม่ใช่เจ้าสี่ ก็เป็นการพุ่งความตั้งใจมาที่แฝดสาม
ตอนนี้ถึงแม้จะทำให้เขาได้ไปอยู่ที่กองทัพทางใต้แล้ว แต่กับดักที่เขาวางไว้ในก่อนหน้านี้ ยังจะมีอะไรอีกกี่อย่าง ใครก็ไม่รู้
ทั้งสองคนต่างฝ่ายต่างก็ครุ่นคิดเองอยู่สักพัก หยวนชิงหลิงค่อยคิดขึ้นมาได้ เรื่องที่หมันเอ๋อทำร้ายนางจูใหญ่ จึงได้บอกหยู่เหวินเห้าว่าอะซี่ถูกกรมการพระนครพาตัวไปแล้ว
หยู่เหวินเห้าได้ยินเช่นนี้ ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “งั้นก็เป็นโอกาสที่ดี ผู้ช่วยเจ้ากรมเป็นไส้ศึกคนที่อ๋องอานวางไว้ในกรมการพระนคร ไม่กำจัดคนนี้ กรมการพระนคร ก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของอ๋องอาน ข้าจะออกไปก่อน สั่งคนไปบอกอะซี่ประโยคหนึ่ง แล้วก็ไปบอกทางด้านตระกูลหยวน ให้ฮูหยินใหญ่เดือดร้อนให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เดือดร้อนจนจูกั๋วกงไม่สามารถที่จะไม่มายุ่งกับเรื่องนี้ คนเฒ่าดื้อรั้นคนนี้ ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น แต่กลัวฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนอย่างมาก เรื่องนี้เราอยู่เหนือกว่า ตัดขาดแขนซ้ายขวาคนหนึ่งของเจ้าสี่ก่อน จากนั้นค่อยตัดหนทางสุดท้ายของเขา”
หยวนชิงหลิงรีบพูดขึ้นว่า “อย่าให้อะซี่ต้องทุกข์ทรมานก็พอ”
“วางใจ ไม่เป็นไร”หยู่เหวินเห้าพูดไปด้วย หันตัวแล้วก็เดินออกไป
และพูดว่า อะซี่ถูกผู้ช่วยเจ้ากรมพาตัวไปที่กรมการพระนครที่ทำการปกครอง ต้องนำตัวไปขังไว้ในคุกก่อน สั่งคนไปแจ้งนางจูใหญ่ นางจูใหญ่ฝากความมาบอกว่า ต้องการให้นางตาย
หลังจากผู้ช่วยเจ้ากรมได้รับคำสั่ง ก็รีบเริ่มสอบปากคำ บีบบังคับให้นางยอมรับผิด อะซี่ไม่ยอมรับผิดอยู่แล้ว ไม่เคยลงมือทำร้าย ตอนที่ออกมาจากจวนกั๋วกง ก็ได้กลับไปพร้อมกับหยวนชิงหลิงแล้ว เรื่องนี้คนเฝ้าประตูจวนกั๋วกง สามารถเป็นพยานให้ได้
แต่ทางด้านคนเฝ้าประตู นางจูใหญ่ได้คุยกันไว้ก่อนแล้ว นางก็คิดไม่ถึงว่าคนที่ผู้ช่วยเจ้ากรมจับตัวมาจะเป็นอะซี่ นึกว่าคนที่จับมาคือหมันเอ๋อคนที่ลงมือทำร้าย
ด้วยเหตุนี้ คำถามเริ่มแรกล้วนเป็นความเท็จ อะซี่ไม่ยอมรับ ก็กำลังจะใช้วิธีการลงโทษทรมาน
ด้วยนิสัยของอะซี่ จะยอมถูกทรมานเสียที่ไหน? จึงเดือดร้อนอยู่ในห้องโถงอย่างรุนแรง บอกว่ากรมการพระนคร จะใช้การทรมานเพื่อให้ยอมจำนน แต่เมื่อเดือดร้อนไปสักพักแล้ว อะซี่ก็ยังถูกโบยไปแล้วสองครั้ง
ตอนที่ถูกโบย ตระกูลหยวนฮูหยินใหญ่พาหญิงทั้งหมดในตระกูลหยวนมาถึงกรมการพระนคร และก็เป็นการบุกเข้าไปทันที
เมื่อเข้าไปในห้องโถงแล้ว เห็นอะซี่กำลังถูกกดลงบนม้านั่งเพื่อถูกโบย มือข้างหนึ่งของฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนเข้าไปแย่งเอาไม้ใช้โบยมาจากเจ้าหน้าที่ แย่งไม้กระดานมาแล้วก็เดินขึ้นไปบนห้องโถง ใช้ไม้กระดานตีบนโต๊ะอย่างแรง ด้วยแรงที่ตีไม้กระดานหักเป็นสองท่อนในทันที ขี้เลื่อยบินออกไป ทำให้ผู้ช่วยเจ้ากรมตกตะลึงจนแทบล้มลง
ผู้ช่วยเจ้ากรมพูดขึ้นอย่างมึนงงว่า “ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวน? นี่ท่าน….”
สีหน้าฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนโกรธจัด เหลือกตากลมโตอย่างโกรธจัด เหมือนแทบที่จะสับผู้ช่วยเจ้ากรมแล้วก็กลืนกิน พร้อมพูดขึ้นว่า “อะซี่ข้ากระทำอะไรผิดหรือ วันนี้หากไม่แจ้งแถลงออกมาอย่างชัดเจน ข้าก็จะหิ้วเจ้าเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้”
ผู้ช่วยเจ้ากรมอึ้งไปพักหนึ่ง ยังไม่ทันได้สติกลับมา ก็ได้ยินอะซี่ร้องห่มร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านย่า ทำไมท่านถึงเพิ่งมา? ร้านเกือบจะถูกโบยจนตายแล้ว ข้าตกใจหมดเลย คนในที่ทำการปกครองนี้ ทำไมถึงได้ดุร้ายยิ่งกว่าโจร? บุกไปที่จวนอ๋องฉู่ บอกว่าข้าทำร้ายฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ตี๋คนนั้น ข้าบอกว่าไม่ได้ทำก็ไม่เชื่อ จับข้ามารับโทษอย่างไม่มีเหตุผล ข้าไม่ยอมรับก็จะโบยให้ยอมจำนน หากท่านมาช้ากว่านี้ ข้าของได้ตายอยู่ในห้องโถงกรมการพระนครแล้ว”
ผู้ช่วยเจ้ากรมลุกขึ้นมา น่องสั่นเทาสักพัก แล้วก็ล้มกลับไปยังบนเก้าอี้ ลูกตาแทบกระเด็นออกมา นางเป็นถึงหลานสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร? ฮูหยินของแม่ทัพใหญ่ บอกว่าเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่งไม่ใช่หรือ?
ผู้ช่วยเจ้ากรมก็เป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่ง หลังจากมึนงงแล้ว ก็รีบผลักความรับผิดชอบ พูดขึ้นว่า “ฮูหยินใหญ่ เป็นฮูหยินของแม่ทัพใหญ่มาแจ้งความ ว่าถูกหลานสาวของท่านทำร้ายจนศีรษะแตก คดีทำร้ายร่างกายหนักขนาดนี้ ข้าต้องสอบปากคำอย่างเข้มงวด นี่ก็กำลังสอบปากคำอยู่….”
ฮูหยินใหญ่ไม่เดี๋ยวรอให้เขาพูดจบ ยกฝ่ามือตบลงไปบนโต๊ะศาล สั่นสะเทือนจนสิ่งของร่วงตกหล่นลงมา พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “นี่เจ้ากำลังสอบปากคำคดีหรือ? นี่เจ้ากำลังทรมานให้ยอมจำนน คนเพิ่งถูกพาตัวมาถึงไม่นาน เจ้าก็โบยแล้ว สักพักหากยังไม่ยอมรับผิด ก็จะเอาไปเอาตอกตะปูติดอยู่บนเก้าอี้เสือแล้วใช่ไหม?”
ฮูหยินใหญ่เพิ่งพูดจบ ฮูหยินคนอื่นๆของตระกูลหยวน ต่างก็ขยับเดินมาข้างหน้า ทุกคำพูดทุกประโยคที่ถามเขา ล้วนแฝงไปด้วยการประณาม
“ไม่ไม่ แค่ขู่เท่านั้น เป็นการทรมานอย่างหนึ่ง….ไม่ เป็นวิธีสอบปากคำอย่างหนึ่ง ไม่ได้ตีจริง”ผู้ช่วยเจ้ากรมเห็นสถานการณ์แบบนี้ ก็ตื่นตระหนกตกใจแล้ว พวกตระกูลหยวนทั้งตระกูลต่างก็เป็นแม่เสือ อันธพาล นักเลงหัวไม้ เรื่องในวันนี้ ต่อให้เป็นการจับตัวมาผิดจริง ต่อให้โสวฝู่มา ก็กระทำไม่ถึงขนาดนี้
อะซี่ร้องไห้เช็ดน้ำตาพร้อมพูดขึ้นว่า “ยังพูดว่าไม่ได้ตีจริง? กระดูกแทบหักแล้ว ท่านย่า ท่านต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับหลาน หลานถูกใส่ร้าย พวกเขาต้องการที่จะรังแกพระชายารัชทายาท แต่ก็ไม่กล้ารังแกพระชายารัชทายาท จึงพาหลานมาระบายความแค้น เขาเข้าข้างช่วยเหลือฮูหยินตราตั้งชั้นรองคนนั้น ตอนที่อยู่จวนกั๋วกง นางก็พูดแล้วว่าจะทำให้ข้าตาย”
ฮูหยินใหญ่ตระกูลหยวนตะคอกพูดขึ้นว่า “เจ้าขี้หมู หลายปีมานี้ข้าทักทายเจ้าน้อยไปใช่ไหม เจ้าถึงได้กล้าแทงแก้วตาดวงใจของข้า? ไป ไปจวนจูกั๋วกง วันนี้ข้าจะต้องได้ความเป็นธรรม”
ผู้ช่วยเจ้ากรมค่อยโล่งอก กลับเห็นฮูหยินใหญ่กวาดสายตา หันมามองอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากับตี๋เว่ยหมิง ให้การปกป้องกัน ไม่แยกแยะถูกผิด ไม่แยกแยะขาวดำ เป็นที่ทำปกครองกระทำเรื่องน่าละอายต่อศาลราชสำนัก ข้าก็ไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆแน่ เจ้ารอก่อนเถอะ”
พูดเสร็จ สั่งคนประคองอะซี่ โบกมือพร้อมพูดขึ้นว่า “ไป ไปจวนจูกั๋วกง”
ทางนั้น เพราะนางจูใหญ่ได้รับบัตรเจ็บตรงศีรษะ จึงกลับมารักษาตัวในจวนจูกั๋วกง นางได้ติดต่อกับทางด้านกรมการพระนครแล้ว ตอนนี้กรมการพระนครเกายุ่นก็เป็นคนของอ๋องอาน จะต้องช่วยนางล้างแค่นี้แน่ ถือเป็นการตบหน้าพระชายารัชทายาทหนึ่งฉาก นางจะได้ไม่ต้องอวดดีอีก
นางจะไปรู้ได้อย่างไรว่ากรมการพระนครเกายุ่น กลับจับตัวคนมาผิดอย่างมั่วๆ ยิ่งคิดไม่ถึงว่าทางด้านตระกูลหยวน ได้รับการดูแลจากหยู่เหวินเห้า มาเดือดร้อนกันจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต
ดังนั้น ในขณะที่กำลังชื่นอกชื่นใจ ก็ได้ยินเสียงทุบตีสิ่งของด้านนอกดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงโกรธเคืองของหญิงเฒ่า พูดขึ้นด้วยเสียงน่าเกรงขามว่า “พวกขี้หมู ไสหัวออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้”