บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 542
เจ้าอาวาสมองน้ำตาของนางไหลรินลง ยื่นผ้าเช็ดหน้าผื่นหนึ่งออกมา “วางใจเถิด โม่ยี่จะส่งจดหมายของท่านกลับไปแน่ จดหมายของท่านจะเป็นยาช่วยเยียวยาช่วยชีวิตมารดาของท่าน”
หยวนชิงหลิงรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตา “จริงหรือ ท่านรับรองหรือไม่?”
“พระสงฆ์ไม่พูดปด!” เจ้าอาวาสกล่าวยืนยัน
หยวนชิงหลิงเจ็บปวดรวดร้าว “แต่ข้าจะรู้ได้เช่นไร?”
เจ้าอาวาสกล่าวว่า “จงเชื่อในพุทธธรรมไร้ขอบเขต ภายใต้การลิขิต ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว และจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี”
คำว่าพุทธธรรมไร้ขอบเขตนี้ เมื่อกล่าวออกมาจากปากของเขา เหตุใดจึงตะขิดตะขวงใจขนาดนี้
หยวนชิงหลิงกล่าวสะอึกสะอื้นว่า “ข้าอยากกลับไปสักครั้งอย่างมาก”
เจ้าอาวาสไม่พูด เพียงมองนางร้องไห้
รอนางร้องไห้จนพอประมาณแล้ว เจ้าอาวาสจึงกล่าวว่า “ยังคงเป็นประโยคนั้น ทั้งหมดล้วนถูกกำหนดด้วยตัวมันเอง”
“ผู้ใดกำหนด ภายใต้ลิขิตนี้ ผู้ใดคือผู้กำหนด?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
เจ้าอาวาสห่อเหี่ยวใจอย่างยิ่ง “นี้คือข้อสงสัยของข้าเช่นกัน ท่านว่าภายใต้ลิขิต เป็นผู้กำหนดทุกสิ่งบนโลกนี้ หากสามารถเข้าใจในจุดนี้ คงกลายเป็นพระพุทธเจ้าไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงกำลังโศกเศร้า เมื่อได้ยินคำนี้ของเขาอดหัวเราะไม่ได้ “ท่านเลื่อมใสในศาสนาพุทธจริงหรือ?”
เจ้าอาวาสกล่าวอย่างคลุมเครือ “พุทธธรรมไร้ขอบเขต!”
“ร่างกายของข้าถูกแช่แข็งถึงเมื่อใด ในช่วงของท่านนั้นร่างกายของข้าไม่ได้ถูกแช่แข็งแล้วหรือ?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
เจ้าอาวาสส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ได้ถึงเวลานั้น บริษัทแช่แข็งแห่งนั้นเกิดระเบิด สิ่งของภายในทั้งหมดล้วนเผาไหม้เป็นจุณ”
หยวนชิงหลิงร้องไห้พลางหัวเราะ “เช่นนั้นข้าคือขี้เถ้าที่ปลิวหายไป ดียิ่ง ไม่ต้องเผา ก็ระเบิดกลายเป็นเถ้าถ่านทันที”
เจ้าอาวาสกล่าวอย่างจริงจังว่า “เป็นผู้ได้รับการศึกษาสูงคนหนึ่ง ควรรู้ว่าแม้จะเกิดระเบิด ไม่สามารถทำให้ท่านกลายเป็นเถ้าถ่านทันที หากจะกลายเป็นเถ้าถ่าน จำต้องมีสิ่งหนึ่งคือ…”
หยวนชิงหลิงรู้สึกปวดศีรษะ ก่อนยกมือขึ้นห้าม “หุบปาก ไม่จำเป็นให้เจ้าอธิบาย”
เจ้าอาวาสมองนาง สีหน้ากลับผ่อนคลายอย่างยิ่ง “ทำตามที่อาตมาบอกเถิด ท่านใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างเรียบง่ายเถอะ มีทั้งสามีที่ดี บุตรชายน่ารักสามคน ยังต้องการสิ่งใดอีก หากว่ากันตามจริง ด้วยนิสัยในยุคปัจจุบันของท่าน จะได้แต่งงานหรือไม่คงบอกไม่ได้ แม้แต่งออกไป จิตใจทั้งหมดทุ่มเทอยู่กับการทำวิจัย สุดท้ายก็ต้องจบลงด้วยการหย่าร้าง ตัวอย่างประเภทนี้มีไม่น้อยทีเดียว”
หยวนชิงหลิงรู้สึกปวดศีรษะมากขึ้น “พอเถิด อย่าพูดตัวอย่างอะไรนี่อีกเลย ท่านบอกข้ามาตามตรง อ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์สามารถส่งคนข้ามผ่านเวลาได้หรือ หากทำได้ ช่วยแนะนำให้ข้ารู้จัดได้หรือไม่ ข้าอยากกลับไปสักครั้ง เพื่อพบพวกเขา ทำให้พวกเขาวางใจ”
เจ้าอาวาสส่ายศีรษะ “เกรงว่าคงไม่ได้ หากท่านอยากกลับไป ท่านต้องตายเท่านั้น ท่านปล่อยวางทุกสิ่งที่นี่ วันหน้าไม่สามารถกลับมาได้อีก ท่านยินยอมหรือไม่?”
“แต่โม่ยี่ไม่ตายนี่น่า”
เจ้าอาวาสกล่าวอธิบายว่า “นั่นเพราะว่าเดิมโม่ยี่ไม่ได้ตาย ท่านในยุคปัจจุบันได้ตายไปแล้ว คุณสมบัติแตกต่างกัน ตอนนี้ยังไม่สามารถพัฒนาในจุดนี้ได้ ดังนั้นหากท่านต้องการกลับไป สิ่งที่ท่านต้องจ่ายต้องมากมาย”
หยวนชิงหลิงมองสีหน้าจริงจังของเขา กลับรู้สึกว่าเขาคล้ายยึกยัก
นางรู้สึกว่ารุ่นน้องเวลานี้เชื่อถือไม่ได้ คำพูดของเขาคลุมเครือ ประเดี๋ยวได้ ประเดี๋ยวไม่ได้ กลับกันเช่นไรล้วนเขาเป็นผู้ตัดสิน
นางรู้ว่าความเป็นไปได้ที่จะกลับไปแทบจะเป็นศูนย์ แต่นางอยากรู้ว่าโม่ยี่จะสามารถนำมันไปถึงหรือไม่
แต่เจ้าอาวาสกลับไม่ได้เอ่ยประโยคที่มีมั่นใจ นี่ทำให้นางหดหู่อย่างมาก
ระหว่างเดินทางกลับ พระชายาจี้กล่าวขึ้นว่า “ข้าขอพรต่อหน้าพระโพธิสัตว์ข้อหนึ่ง”
หยวนชิงหลิงจึงเอ่ยถาม “ขอพรใดหรือ ขอเพื่อจวิ้นจู่หรือ?”
“จวิ้นจู่มีข้าที่เป็นมารดาผู้นี้คอยปกป้อง ตอนนี้ไม่ต้องรบกวนพระโพธิสัตว์”
“หรือ? เช่นนั้นเจ้าขอให้ผู้ใด?” หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม
พระชายาจี้เงียบงันไปชักครู่ “ให้อ๋องจี้ หวังหลังเขาออกมา สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข อย่ากลับไปทำเช่นเดิมอีก จนทำร้ายอนาคตของจวิ้นจู่”
“เจ้าช่างเป็นภรรยาที่แสนดีจริง ๆ” หยวนชิงหลิงกล่าว
พระชายาจี้จึงหัวเราะ “ใช่นะสิ เงื่อนไขประการแรกของการเป็นภรรยาที่ดี คือต้องข่มความคิดที่อยากบีบคอเขาให้ตายทุกวันเอาไว้ให้ได้ และตนแบกรับความไม่เป็นธรรมนั้นไว้ ยิ้มแย้มพบปะผู้คน”
“ลำบากยิ่งนัก!” หยวนชิงหลิงถอนหายใจอย่างจริงจัง
พระชายาจี้มองนาง “ต้องดูว่าสมควรหรือไม่สมควร ไม่ควรให้จวิ้นจู่เติบโตมาภายใต้สภาพแวดล้อมที่บิดามารดาทะเลาะเบาะแว้งกัน”
พระชายาจี้ยักไหล่ “หากรู้สึกไม่เป็นธรรมจริง ข้าจะไประบายกับเจ้า เจ้าคงไม่รังเกียจข้าหรอกนะ เพราะอย่างไรข้าก็ช่วยเหลือเจ้าไปมากมายขนาดนี้”
“แน่นอน รังเกียจแน่ ข้าไม่ใช่ถังขยะ เขาไม่ควรนำความรู้สึกด้านลบทั้งหมดมาลงที่ข้า ต่อไปอาจทำให้ข้าเกลียดแค้นอ๋องจี้ จนเกรงว่าอาจอดทำร้ายเขาไม่ได้” หยวนชิงหลิงกล่าวยิ้ม ๆ
พระชายาจี้กุมมือนาง “หากเจ้าทำให้เขาตายโดยไม่มีผู้ใดรู้ได้ ข้าจะซาบซึ้งเจ้าไปตลอดชีวิต”
หยวนชิงหลิงแสร้งทำเป็นตกใจ “สวรรค์ เจ้าคิดลอบฆ่าสามีตนเอง หญิงเช่นเจ้าช่างจิตใจอำมหิตยิ่งนัก!”
นางมองพระชายาจี้ที่กุมมือนางอยู่ นี่คือครั้งแรกที่พวกนางใกล้ชิดกันขนาดนี้
แต่กลับเป็นธรรมชาติอย่างมาก ไม่ได้รู้สึกขนลุกชันแม้แต่น้อย ราวกับพวกนางเคยเป็นสหายสนิท พี่น้องกันมาก่อน
ว่ากันตามจริงหลังโม่ยี่กลับถึงแคว้นต้าโจว ภารกิจในการหายุคปัจจุบันของเธอล้วนสำเร็จลุล่วง หลังเธออำลาสามีภรรยาแซ่เฉิน เดินทางกลับบ้านร่วมกับเหล่าพี่น้องอีกหลายคน
อ๋องสำเร็จราชการแทนพระองค์ทรงทำตามสัญญา ตามหาหมอผู้หนึ่งที่ชื่อหยางหรูไห่มาทำการผ่าตัดให้น้องสาวของเธอ และการผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี วันที่สองหลังผ่าตัดน้องสาวได้สติ
เธอดีใจอย่างหนัก ดูแลน้องสาวอยู่ในโรงพยาบาลจนกระทั่งได้ออกจากโรงพยาบาล แล้วจึงนึกถึงเรื่องที่หยวนชิงหลิงไหว้วานขึ้นมา แต่ผ่านไปเดือนกว่าแล้ว
เธอจึงรีบโทรหามารดาของหยวนชิงหลิง แต่ไม่มีคนรับสาย เธอจึงโทรไปยังเบอร์โทรศัพท์อีกเบอร์ที่หยวนชิงหลิงให้ไว้ เป็นเบอร์ของศาสตราจารย์หยวน บิดาหยวนชิงหลิง แต่ไม่มีคนรับสายเช่นกัน
โม่ยี่จึงคิดว่าพวกเขากำลังยุ่ง เพราะหมอล้วนงานยุ่ง โดยเฉพาะพวกเขาที่เป็นระดับหัวหน้าขึ้นไป เดาว่าคงยุ่งมากทีเดียว
เธอจองตั๋วเครื่องบินทันที วันที่สองบินตรงไปที่เมืองก่วง
อาศัยที่อยู่ที่หยวนชิงหลิงมอบให้ หลังเธอลงเครื่องบินนั่งรถไฟใต้ดินไป ตามหาคอนโดการ์เดน แต่กลับเห็นด้านนอกคอนโดมีรถดับเพลิงคันหนึ่งและรถตำรวจหลายคันจอดอยู่ และยังมีรถพยาบาลหนึ่งคัน
เธอจึงพึมพำว่า “ซวยแล้ว เพียงมาถึงคอนโดก็เกิดเรื่องเลย”
เธอเดินเข้าไปข้างใน เห็นคนกลุ่มใหญ่รวมตัวอยู่หน้าคอนโดการ์เดน ตำรวจและนักดับเพลิงต่างอยู่ทางนั้น ด้านล่างมีเบาะลมกางอยู่ เมื่อมองผ่านกำแพงมนุษย์ไปยังสามารถเห็นหมอสวมเสื้อคลุมสีขาวได้อย่างเลือนราง พวกเขาทั้งหมดต่างมองขึ้นไปด้านบน ด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
โม่ยี่จึงเงยหน้ามองขึ้นไป แม้แสงแดดเจิดจ้า แต่ยังมองเห็นคนคนหนึ่งนั่งอยู่นอกราวกั้นของยอดตึกสูงยี่สิบกว่าชั้น ถึงจะเห็นหน้าไม่ชัด แต่น่าจะต้องการฆ่าตัวตาย
เธอเดินเข้าไป ก่อนเอ่ยถามหญิงชราอายุมากคนหนึ่งที่กำลังมุงดูอยู่ “คุณน้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
หญิงชราคนนั้นดูค่อนข้างร้อนใจ เมื่อได้ยินโม่ยี่ถาม จึงรำพันว่า “เจ้าของคอนโดของพวกเขาคนหนึ่ง น่าสงสารนัก ปีก่อนลูกสาวเสียชีวิต เธอจึงป่วย หาเรื่องฆ่าตัวตายแทบทุกสองสามวัน สวรรค์ช่างไร้เมตตา ครอบครัวพวกเขาล้วนเป็นคนดี ตอนนี้ลูกสาวเสียไปแล้ว ย่านอนอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้เธอเป็นเช่นนี้อีก หากเกิดอะไรขึ้นจริง จะให้ศาสตราจารย์หยวนมีชีวิตอยู่ได้ยังไง?”