บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 69
บทที่ 69 อยู่อย่างสงบ
หยวนชิงหลิงยังอยู่ที่เรือนของฮูหยินใหญ่ พระมาตุลาซูก็มาเยี่ยมเยือน
พระมาตุลาซูเป็นน้องชายแท้ๆของไทเฮา จึงได้ถูกแต่งตั้งเป็นพระมาตุลาซู ตระกูลซูหลายปีมานี้มีคนเก่งเพียงไม่กี่คนเอง แต่ก็ยังคงมีคนให้ใช้งานได้อยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม คนหนึ่งเป็นไทเฮา อีกคนหนึ่งเป็นเสียนเฟย ต่างเป็นคนเจ้าเล่ห์และเก่งเรื่องเล่ห์เหลี่ยม
พระมาตุลาซูมาถึงที่จวนนั้น ก็พูดกันโดยตรงไม่อ้อมค้อม พูดเรื่องที่อ๋องฉู่จะแต่งชายารอง แต่ในคำพูด มักจะอ้างถึงไทเฮา ให้เจ้าพระยารับประกันว่าตอนที่อ๋องฉู่แต่งชายารองนั้น พระชายาฉู่และคนในจวนเจ้าพระยาจิ้งจะอวยพรจากใจจริง
เจ้าพระยาจิ้งได้ยินว่าอ๋องฉู่จะแต่งลูกสาวของตระกูลฉู่เป็นชายารอง ใจนั้นก็ท้อแท้มาก หากรู้เป็นเช่นนี้แต่แรก เขาก็คงไม่วางแผนจวนเจ้าหญิง
บัดนี้ไม่ได้ใจฉู่อ๋อง แถมยังล่วงเกินตระกูลฉู่ มันเสียหายสองเท่าจริงๆ
เผชิญกับคำข่มขู่ของพระมาตุลาซู เขาก็ทำได้เพียงทำสีหน้าจริงใจแล้วกล่าว “พระมาตุลาวางใจเถอะ ข้าขอรับประกันว่าพระชายาก็ต้องยินดีอย่างแน่ อย่างไรเสีย หลังจากที่คุณหนูรองตระกูลฉู่แต่งเข้าจวนแล้ว พี่เป็นพี่น้องกัน ต่อไปก็จะได้ปรนนิบัติดูแลท่านอ๋องด้วยกัน ก็นับเป็นคนบ้านเดียวกัน”
พระมาตุลาซูกล่าวอย่างเรียบเฉย “ท่านเจ้าพระยาเป็นคนรู้สถานการณ์ มีคำพูดประโยคนี้ของท่าน คิดว่าไทเฮากับท่านหญิงเสียนเฟยก็สบายใจแล้ว ท่านวางใจเถอะ เรื่องของท่าน ท่านหญิงเสียนเฟยยังจำได้อยู่ ก็ไม่ให้ท่านลำบากใจเปล่าๆหรอก”
เจ้าพระยาจิ้งยิ้มเจื่อนๆ เรื่องของเขาเสียนเฟยจะสามารถช่วยได้อย่างไร? แม้แต่ไทเฮา ก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งเรื่องของราชสำนัก ตระกูลซูก็ไม่ได้เก่งกว่าตระกูลฉู่ บัดนี้ดินแดนเป่ยถัง ครึ่งหนึ่งเป็นของตระกูลฉู่
เพียงแต่ ต่อหน้าก็คงไม่กล้าที่จะพูดเช่นนี้ ทำได้เพียงแสร้งทำตัวประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า “งั้นก็ขอบพระทัยไทเฮา ขอบพระทัยท่านหญิงเสียนเฟยแล้ว”
พระมาตุลาซูจากไปอย่างพอใจ
หยวนชิงหลิงออกมาจากเรือนของฮูหยินใหญ่ก็ถูกองครักษ์ขวางเอาไว้ ถูกเชิญตัวไปที่ห้องหนังสือโดยตรง และลู่หยาถูกข้ารับใช้พาไปทานของว่าง ห้ามให้นางตามหยวนชิงหลิงไป
ครั้งนี้ เจ้าพระยาจิ้งหุนหันและโกรธมาก “ข้าถามเจ้า เจ้าตอบตามความจริง เจ้านั้นถูกไล่ออกจากวังเพราะคัดค้านที่ท่านอ๋องฉู่จะแต่งชายารองใช่หรือไม่? เจ้าล่วงเกินท่านหญิงเสียนเฟยด้วยเหตุนี้ใช่หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงที่ถูกคุมตัวมา เดิมในใจก็โกรธอยู่แล้ว แล้วได้ฟังคำถามที่น่าขยะแขยงพวกนี้ ขณะนั้นก็หน้านิ่งทันที “ใช่หรือไม่ใช่แล้วจะทำไม?”
“แล้วจะทำไม?” เจ้าพระยาจิ้งเห็นนางไม่มีความสำนึกผิดเลยแม้แต่นิดเดียว ยังกล้ายโสกับเขา ความโกรธที่เต็มท้องก็ปะทุทันที ยกมือแล้วกำลังจะตบ
ขณะที่ยกมือ หยวนชิงหลิงก็กล่าวอย่างเย็นชา “เดี๋ยวข้ากลับไปยังต้องเจอกับท่านอ๋อง เชิญท่านพ่อลงมือได้เลย”
มือที่ชูอยู่ก็วางลงอย่างจำใจ แต่ก็อยากที่ปิดปังความโกรธ “ข้าทำไมถึงมีลูกสาวที่เลอะเลือนอย่างเจ้า? อ๋องฉู่จะแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลฉู่ เจ้าควรจะยกมือสนับสนุน และช่วยเหลือในด้านอื่นๆ เช่นนี้แล้วจึงจะคลายความโกรธแค้นของตระกูลฉู่ลงได้ หากจะให้เจ้ายกตำแหน่งพระชายาให้ เจ้าก็ต้องยอม”
หยวนชิงหลิงกล่าวอย่างเย็นชา “สำหรับเรื่องที่ท่านอ๋องจะแต่งชายารอง ข้าหวังมานานแล้ว อยากว่าแต่ยกตำแหน่งพระชายาเลย ต่อให้จะหย่ากับข้า ข้าก็ไม่มีความเห็น คำพูดนี้ ท่านพ่อช่วยบอกตระกูลฉู่ด้วย ข้าหยวนชิงหลิงพูดคำไหนคำนั้น”
เมื่อคำพูดนี้สิ้นสุดลง นางถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วย่อตัวลง ถือว่าเป็นมารยาทของลูกสาว “ข้าขอตัวกลับก่อน ช่วงนี้ท่านอ๋องสุขภาพไม่ค่อยดี ข้าต้องกลับไปดูแล”
เจ้าพระยาจิ้งยังตกใจอยู่ หยวนชิงหลิงก็ได้เปิดประตูออกไปแล้ว
เจ้าพระยาจิ้งไม่อย่าจะเชื่อว่ามันเป็นคำพูดของหยวนชิงหลิง นางบอกว่าหย่ากับนางนางก็ไม่มีความเห็น? แต่ตอนแรกนั้นร้องขอด้วยความเป็นความตาย ไม่ว่ายังไงก็จะแต่งกับอ๋องฉู่
บัดนี้เปลี่ยนใจแล้ว?
ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ เจ้าพระยาจิ้งก็ถือว่าได้โล่งอก
ตอนแรกที่ทำเรื่องอันตรายนี้ บัดนี้เมื่อมองย้อนกลับไปทำให้ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
ตอนนั้นไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญกับฉู่อ๋องมาก ฉู่อ๋องก็มีความดีความชอบด้านการสู้รบ โอกาสที่จะถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทนั้นสูงมาก ดังนั้นเขาจึงยอมล่วงเกินตระกูลฉู่เพื่อทำเรื่องอัตรายเช่นนี้
ก็ไม่รู้ อ๋องฉู่จะเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ถูกฮ่องเต้ลงโทษ อาการไท่ซ่างหวงก็แย่ลง การที่อ๋องฉู่จะถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
หากหยวนชิงหลิงเต็มใจถอยออกมา บางทีความโกรธของตระกูลฉู่ก็อาจจะลดลง อนาคตค่อยไปประจบประแจงให้มากหน่อย ไม่หวังให้พวกเขามาอุ้มชูสนับสนุน แค่หวังว่าจะไม่ใช่หนามยอกอกของตระกูลฉู่ เขาก็พอใจแล้ว
สำหรับหยวนชิงหลิงถอยออกมาแล้ว ค่อยหาครอบครัวเล็กๆแต่งงาน ก็นับว่าเปลี่ยนเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใจของเจ้าพระยาจิ้งก็โล่งอกไปมาก
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงต้องให้เขาเป็นผู้ริเริ่ม ต้องรักษาหน้าตาของทั้งสองฝ่ายเอาไว้และไม่ล่วงเกินอ๋องฉู่ จะใช้ข้ออ้างอะไรในการหย่าดี?
ที่ไม่เป็นการเสียหน้าอ๋องฉู่ และไม่เป็นการเสียหน้าเจ้าพระยาจิ้งอย่างเขา งั้นทำได้เพียงต้องเสียสละหยวนชิงหลิง
แววตาของเขาแฝงไว้ด้วยความเกลียดชัง “เด็กๆ ไปเชิญฮูหยินรองมา”
หยวนชิงหลิงกลับจวนไม่ถึงสามวัน ในเมืองหลวงก็แพร่สะพัดไปด้วยข่าวลือ บอกว่าหยวนชิงหลิงกลับจวนไปขอให้ฮูหยินรองหาหมอที่เก่งเรื่องการตั้งครรภ์ ผลสรุป ได้รับการวินิจฉัยว่านางมีความผิดปกติแต่กำเนิด และไม่สามารถตั้งครรภ์ได้
ว่ากันว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง และได้รับการบอกเล่าจากคนข้างกายของฮูหยินรอง
ตอนที่หยวนชิงหลิงได้รับข่าวนั้น เป็นเวลาสามวันไปแล้ว
เป็นลู่หยาที่ออกไปซื้อเข็มกับด้าย ได้ยินข่าวลือนี้จึงกลับมารายงานหยวนชิงหลิง
ลู่หยาโกรธมาก วันนั้นนางเป็นคนกลับไปที่จวนกับหยวนชิงหลิง ได้เชิญหมออะไรที่ไหนกัน?
หยวนชิงหลิงได้ยินแล้ว ก็ยิ้มอย่างเรียบเฉย นางที่รู้แจ้งเห็นชัด มองเห็นสิ่งที่เจ้าพระยาจิ้งคิดนานแล้ว
ตอนนี้นางเป็นเพียงหมากรุกที่ถูกกินแล้วของจวนเจ้าพระยา ช่วยเหลือจวนเจ้าพระยาไม่ได้แล้ว แต่ว่าเป็นพระชายาอยู่ที่จวนก็ขวางหูขวางตาตระกูลฉู่ เจ้าพระยาจิ้งต้องการประจบประแจงตระกูลฉู่ ก็ต้องเสียสละนางเป็นธรรมดา
หาเหตุผลหนึ่งข้อ เสียสละตัวนาง ถือเป็นการมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับตระกูลฉู่
ฝั่งตระกูลฉู่ที่ไม่สรุปเรื่องแต่งงานเสียที น่าจะเป็นเพราะว่าไม่อยากให้คุณหนูรองเมื่อแต่งเข้ามาแล้วต้องเป็นชายารอง หากแต่งเข้ามาแล้วเป็นพระชายา ก็คงจะจัดการอีกแบบหนึ่ง
การประจบประแจง เจ้าพระยาจิ้งถนัดนัก
ความคิดเช่นนี้หากนำมาใช้กับประเทศชาติ คงจะไม่ใช่ความสำเร็จอย่างวันนี้?
“พระชายา ท่านทำไมไม่โกรธเลย? คนข้างนอกล้วนพูดไปเรื่อย” ลู่หยากล่าวอย่างไม่พอใจ แม้ว่าแต่ก่อนนางจะไม่ชอบพระชายา แต่ตอนนี้พระชายาเปลี่ยนไปมาก ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว นางเห็นพระชายาเป็นเจ้านายอย่างใจจริง ไม่สามารถให้ใครมาว่าร้ายได้
หยวนชิงหลิงหัวเราะกล่าว “เจ้ารู้ว่าพูดไปเรื่อย แล้วจะโกรธทำไม? ปากเป็นของคนอื่น คนอื่นอยากจะพูดอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ”
หยวนชิงหลิงรู้ สำหรับผู้หญิงแล้ว การดูถูกที่ใหญ่ที่สุดคือการสูญเสียพรหมจรรย์และภาวะมีบุตรยาก
เจ้าพระยาจิ้งครั้งนี้ลงมือได้อย่างไร้ความปรานี
แม้ว่าหยวนชิงหลิงจะไม่เห็นเจ้าพระยาจิ้งเป็นพ่อของนาง แต่นางก็อดเศร้าไม่ได้ ถ้าเจ้าของร่างยังมีชีวิตอยู่ นางจะเศร้าเพียงใด?
นางเป็นลูกสาวแท้ๆนะ!
เพื่อผลประโยชน์แล้ว ญาติก็ไม่นับแล้ว
แม่นมสี่ฟังทั้งสองคนคุยกันอยู่ข้างๆ มองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง แววตาครุ่นคิด เพียงแต่ ก็ไม่ได้พูดอะไร
หยู่เหวินเห้ารักษาอาการบาดเจ็บไปหลายวัน ดีขึ้นมากแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนรับสั่งให้หมอหลวงคนหนึ่งมาดูแลที่จวน ก็เลยไม่มีธุระของหยวนชิงหลิงแล้ว ออกจากวังมาหลายวัน พวกเขายังไม่ได้เจอกันเลย
ชีวิตก็สงบดี
เพียงแต่ ชีวิตที่สงบเช่นนี้ ก็จบลงไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากออกจากวังวันที่ห้า ฮ่องเต้หมิงหยวนก็มีราชโองการ ให้หยวนหมิงชิงรีบเข้าวังไปเข้าเฝ้า