บัลลังก์หมอยาเซียน - ตอนที่ 88
พอคิดถึงว่าต้องพูดขอร้องคนใจแคบอย่างเขา ในใจหยวนชิงหลิงก็รู้สึกไม่ค่อยอยากทำ เขาไม่มีทางจะยอมช่วยง่ายๆ แน่นอน
และถึงเขาจะยอม เจ้าพระยาจิ้งก็อาจจะไม่ทำตามที่เขาพูด หยวนชิงผิงคิดตื้นเกินไปแล้ว
แต่ว่าสมมติว่าเขายอมช่วย เกรงว่าเขาเองก็น่าจะมีวิธีจัดการ
“เจ้ากลับไปพักผ่อนที่เรือนก่อน เรื่องนี้พวกเราต้องคุยกันอีกนาน” หยวนชิงหลิงพูด
หยวนชิงผิงรู้สึกทรมานใจที่สุด
ที่จริงถึงนางจะไม่ค่อยหวังในหยวนชิงหลิง การมาอาศัยที่จวนอ๋องนั้นก็เพื่อหลบหลีกออกสักหน่อย วันนี้พอหยวนชิงหลิงกลับออกมาจากวัง ตอนแรกก็หวังแค่ลองถามหยั่งเชิง แต่พอถามแล้ว ในใจก็อดที่จะคาดหวังไม่ได้
แต่ว่า นางตอบกลับมาแบบนี้ ต้องคิดอีกนานงั้นหรือ?นั่นก็เป็นเพียงการพูดปัดไป
นางทั้งชีวิตนี้ไม่สมองเลย ขนาดเรื่องของอ๋องฉู่นางก็ยังทำตามหมากที่ท่านพ่อวางเอาไว้ แต่นางกลับไม่นึกว่า การแย่งมานั้นไม่ได้หอมหวาน ถึงแม้ว่าอ๋องฉู่จะอภิเษกกับนาง แต่ยังมีศักดิ์ศรีอยู่อีกหรือ?
ท่านพ่อถูกบีบจนถึงจุดนั้นถึงได้ยอมเลือกทางนี้ ลองเสี่ยงดูสักครั้ง ถ้าไม่สำเร็จก็แค่ยอมเสียสละลูกสาวตัวเอง
แต่นางก็ไม่ควรทำแบบนั้น เพราะมันคือความสุขทั้งชีวิตของนางเลย
พอผ่านไป สิ่งที่เหลือไว้ให้หยวนชิงหลิง ก็คือความเสียใจและความขมขื่น
หยวนชิงหลิงหันไปถามแม่นม “ท่านอ๋องชอบกินอะไรที่สุดหรือ?”
“เป็ดอบทรงเครื่องเพคะ” แม่นมมองนาง หรือว่านางคิดจะไปขอร้องให้หยวนชิงผิงงั้นหรือ?
“สอนข้าหน่อย!” หยวนชิงหลิงพูด
แม่นมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จึงพูดขึ้น “พระชายา เรื่องนี้ท่านอย่ายื่นมือเข้าไปดีที่สุดเพคะ ท่านอ๋องเองก็ไม่น่าจะเห็นด้วยกับท่าน อีกอย่าง ถึงท่านอ๋องจะยอมรับปาก เรื่องขัดขวางงานแต่งของน้องสาวท่าน ก็เท่ากับว่าท่านพ่อของท่านจะมีความหวังสูงขึ้น ท่านพ่อของท่าน……”
“อาจจะไม่ยอมเลิกราหรือ?” หยวนชิงหลิงพูดต่อนาง
“ข้าน้อยไม่ได้หมายความแบบนั้นเพคะ” แม่นมยิ้มออกมา
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้น “เขาไม่สามารถพูดกับท่านอ๋อง” เพราะหยู่เหวินเห้ารู้วิธีปฏิเสธคน โดยเฉพาะคนที่ไร้ยางอาย หน้าด้านพวกนั้น
“พระชายาจะทำแบบนี้จริงหรือ?มันไม่จำเป็นเลย” แม่นมรู้สึกไม่เป็นธรรม
สำหรับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ก็ช่วยให้ถึงที่สุดเถอะ บางทีหลังจากนี้เวลานึกถึงอาจจะทำให้นางไม่รู้สึกเสียใจ
แม่นมสี่พูดขึ้น “ให้นางลองดู ยังไงก็คือทั้งชีวิตของน้องสาวนาง”
พอได้ยินแม่นมสี่พูดแบบนี้ แม่นมจึงพูดขึ้น “งั้นก็ได้ ท่านอ๋องชอบกินเป็ดอบทรงเครื่องที่สุด และยิ่งถ้ามีเหล้าหมักด้วย ท่านอ๋องก็ยิ่งดีใจมาก”
“ได้ วันนี้ข้าจะดื่มเหล้าเป็นเพื่อนท่านอ๋องสักแก้ว” หยวนชิงหลิงพูดออกมา
“อย่าเพคะ!” แม่นมทั้งสองคนพูดออกมาพร้อมกัน
หยวนชิงหลิงยิ้มแก้มปริ “ดูถูกคนอื่น”
หยวนชิงหลิงตัดสินใจว่าจะเรียนการดื่มเหล้า การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ถ้าดื่มเหล้าไม่เป็นนั้นขาดทุนมาก โดยเฉพาะตอนนี้มีคนรู้แล้วว่านางดื่มเหล้าไม่เป็น ถ้าหากมีคนคิดร้ายต่อนาง บังคับให้นางกินเหล้า คงไม่รู้ว่าถึงตแนนั้นนางจะทำเรื่องอะไรออกมาได้บ้าง
อาจทำให้ตายได้
เป็ดอบทรงเครื่อง พร้อมกับเหล้าหมัก หยวนชิงหลิงเดินถือถาดเข้ามา พร้อมกับยิ้มหวานตรงทางเข้าประตูตำหนักเซี่ยวเยว่
“เอ้ย ทำไมวันนี้ถึงเป็นพระชายาเป็นคนส่งอาหารเองได้ล่ะ?” ทังหยางมองเห็น จึงรีบยื่นมือเข้าไปรับ
หยวนชิงหลิงชะเง้อหน้าเข้าไปมอง “ไม่ต้อง ข้าทำเอง เรื่องดูแลท่านอ๋อง ข้ารับหน้าที่เอง”
หยู่เหวินเห้านอนอยู่ด้านใน พอได้ยินเสียงหยวนชิงหลิง เขาก็พูดออกมาด้วยเสียงอิดโรย “กลับไป!”
หยวนชิงหลิงทำเป็นไม่ได้ยิน แล้ววางถาดไว้บนโต๊ะ พลางเดินเข้ามาถามไถ่เขา “ท่านอ๋องรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
“ตาบอดหรือ?ดูเอาเองไม่เป็นหรือ?” หยู่เหวินเห้าหันหลังกลับไป
“เห็นว่าบวมน้อยลงแล้ว” หยวนชิงหลิงยิ้มพร้อมกับชื่นชม “ไม่พูดไม่ได้เลยว่า สีหน้าของท่านอ๋องนั้นโดดเด่นมาก ขนาดหน้าบวมขนาดนี้แล้ว ยังดูสง่าไม่ธรรมดาเลย”
“มีอะไรก็รีบพูด พูดเสร็จก็ออกไป” หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นไข้ ตอนนี้ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง พิษของผึ้งนั้นยังเทียบไม่ได้กับพิษของหยวนชิงหลิง
“ไม่มีเรื่องอะไร เพียงแค่อยากดูแลท่านอ๋องเรื่องกินข้าว ข้าลงมือทำเป็ดอบทรงเครื่องด้วยตัวเอง แถมยังเอาเหล้าหมักมาด้วย ท่านอ๋องลุกขึ้นมาดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อยนะ” หยวนชิงหลิงยื่นมือไปพยุงเขา
“อย่าแตะต้องตัวข้า!” หยู่เหวินเห้าสะบัดแขนออก พร้อมกับพูดแรงกับนาง “เจ้ามันผู้หญิงร้ายกาจ”
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นมาอย่างซื่อสัตย์ “ท่านอ๋องท่านมีจิตใจที่กว้างขวาง อย่าได้เอาแต่คิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิงอย่างข้าเลย เรื่องนี้ข้าเป็นคนผิดเองแหละ ข้าควรจะยืนอยู่ตรงใต้ต้นไม้ไม่ไปไหน แล้วปล่อยให้ผึ้งต่อยข้า เฮ้อ เห็นท่านอ๋องโดนต่อยแบบนี้ ข้าเองก็รู้สึกเจ็บปวด”
“เจ้าต้องการจะฆ่าข้าอย่างโหดร้ายงั้นหรือ?”
เขาพยายามลืมตาขึ้น พอเห็นสีหน้าหยวนชิงหลิงที่ดูกลุ้มใจ “ให้โอกาสครั้งเดียว จะพูดหรือไม่?ไม่พูดก็ออกไป”
“ดื่มเหล้าสักคำ……” หยวนชิงหลิงมองหน้าเขา ช่างน่าเกลียดจริงๆ “ช่างเถอะ ตอนนี้หน้าของท่านบวมมาก ดื่มเหล้าไม่ได้ กินข้าว ข้าทำเป็ดอบทรงเครื่องครั้งแรกเลยนะ ลองดมดูหอมหรือไม่ ท่านวางใจ ข้ารับประกันว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น เพียงแค่รู้สึกว่าการทะเลาะกันของเรานั้นไม่ใช่เรื่องดี ตอนนี้ดูแล้วแทบจะไปไม่รอดใช่หรือไม่?อยู่ด้วยกันอย่างสันติดีกว่า”
คพพูดนี้นางพูดออกมาจากใจจริง และก็สามารถทำให้เขาเห็นใจได้ หยู่เหวินเห้าได้ยินแล้วก็พอจะได้ผล
เขาเองก็คิดว่าเอาแต่ทะเลาะกันมันน่ารำคาญมาก อีกทั้งยังไม่ดีเท่าตอนที่เขาไม่สนใจนาง
และตอนนี้ก็เหมือนว่าจะไม่ได้เกลียดอะไรนางขนาดนั้นแล้ว ที่จริงก็ไม่ควรจะไร้ความปรานีขนาดนี้
พอคิดได้แบบนั้นเขาจึงลุกขึ้น “เจ้าทำเป็ดอบทรงเครื่องเป็นหรือ” หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปพยุงเขา
หยู่เหวินเห้าปล่อยให้นางพยุงเขา และสายตาก็สามารถมองเห็นตัวเป็ดที่หั่นแยก หลังจากนั้นก็ทำตามขั้นตอนโดยการวางเป็ดบนจานสีขาว และบนตัวเป็ดยังประดับด้วยดอกไม้หนึ่งดอก ถือว่าจัดจานได้สวยทีเดียว
เป็ดที่พึ่งทำสดๆ ไอร้อนยังลอยออกมา พลางส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลเลย หยู่เหวินเห้ารู้สึกประทับใจ พลันนั่งลง
“เป็นอะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
หยู่เหวินเห้ามองหน้านางครั้งหนึ่ง “รินเหล้า”
“ดื่มไม่ได้นะ”
“ดื่มไม่ได้แล้วเจ้าเอาเหล้ามาด้วยทำไม?”
“ลืมไปว่าท่านบาดเจ็บ”
“แสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่ใส่ใจ ไม่สนใจข้าเลยสักนิด” หยู่เหวินเห้าพูดประชด
หยวนชิงหลิงยอมรับผิดด้วยท่าทางเจียมตัว “ใช่ ข้าผิดไปแล้ว ข้าสำนึก หลังจากนี้จะคิดให้มากๆ”
นางคีบเนื้อเป็ดให้เขาอย่างระมัดระวัง “เอานี่ รีบกินเร็ว”
หยู่เหวินเห้าคีบมากินชิ้นที่สาม แล้ววางตะเกียบลง “ไม่กินแล้ว”
หยวนชิงหลิงชะงักไป “ไม่กินแล้ว?ไม่อร่อยหรือ?”
เขาพูดออกมาเสียงเรียบ “ถึงจะอร่อยมากแค่ไหน ก็ไม่ควรกินเยอะ ต้องควบคุมอาหาร”
หยวนชิงหลิงประหลาดใจนิดหน่อย แต่ว่าก็แค่อาหารอย่างเดียวเท่านั้น อยากกินก็กินอีกหน่อย ทำไมถึงต้องควบคุมด้วย?
อีกอย่าง เขาเป็นคนเย็นชาขนาดนั้น เพื่อกินเป็ดอบทรงเครื่องเขาถึงยอม แสดงให้เห็นว่าเขาชอบกินจริงๆ
ชอบแต่ต้องควบคุม ถึงจะเป็นลักษณะของทหาร
เขากินแค่สองสามคำ หยวนชิงหลิงจึงไม่กล้าพูดเรื่องหยวนชิงผิง
แต่ว่า หยู่เหวินเห้าเหมือนจะดูนางออกว่าคิดอะไร พลันเช็ดปาก แล้วเอามือมาจับที่หน้าตัวเองแล้วพูดขึ้น “พูดเถอะ มีเรื่องอะไร”
หยวนชิงหลิงยิ้มออกมาทันที “ท่านมองออกแล้วหรือ?”
“ไม่มีเรื่องอะไรที่ไม่แลกกับผลประโยชน์!” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างไม่ประสบอารมณ์ “คิดว่าข้ายังไม่รู้จักเจ้าหรือ?”