บัลลังก์หมอยาเซียน - นักของสำนักเหลิ่งหลัง
หยวนชิงหลิงมองดูหรงเยว่ พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “หรงเยว่ ข้ารู้เรื่องหมดแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องปิดบัง”
“นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับปิดบัง สิ่งที่สำคัญก็คือพวกเราบริสุทธิ์ใจ พวกเราจะฆ่าเจ้าได้อย่างไร? ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเจ้า จะฆ่าเจ้าทำไม?”
“งานที่สำนักเหลิ่งหลังรับก็คือการซื้อขายหัวคนไม่ใช่หรือ? ก็ต้องมีคนให้เงินสิ” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
หรงเยว่หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็น่าแปลกแล้ว ถึงแม้เจ้าจะเป็นพระชายารัชทายาท แต่หัวของเจ้าก็จะมีค่าเพียงไม่กี่หมื่นหรือ นี่เป็นราคาที่สูงที่สุดแล้ว แต่เรามาถึงเมืองหลวง จ่ายไปตั้งมากกว่าสองล้านตำลึง ใครจะโง่ยอมเสียจ่ายสองล้านเพื่อเงินไม่กี่หมื่น? สำนักเหลิ่งหลังของเราไม่ได้โง่ เห็นว่าพวกเราโง่เงินเยอะหรือ สำนักเหลิ่งหลังมีนักฆ่าเยอะขนาดนี้ ต้องการเอาชีวิตเจ้า ถึงกับให้ข้ากับท่านชายสี่ลงมือหรือ?”
หยวนชิงหลิงฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงพูดขึ้นว่า “ดังนั้น ท่านชายสี่มาเพื่อเจ้าห้าจริงๆหรือ? เขาเป็นชายรักชายจริงๆหรือ?”
หรงเยว่มองดูหน้าประตู นั่งใกล้หยวนชิงหลิงพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ด้วยตำแหน่งสถานะของท่านชายสี่ตอนนี้ เดิมคำพูดนี้ไม่ควรที่จะพูดออกมาง่ายๆ แต่พระชายารัชทายาทไว้ใจได้ บอกเจ้าก็ไม่เป็นไร ท่านชายสี่ไม่ชอบผู้หญิงจริงๆ อยู่ที่จื๋อลี่ เขาก็มีชายหนุ่มรูปงามหลายคนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างหมอน”
หยวนชิงหลิงมองดูนางอย่างสงสัยพร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วทำไมยังถึงต้องมาหาเจ้าห้า? เขาต้องการที่จะอยู่กับเจ้าห้าจริงๆหรือ?”
หรงเยว่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ เขาชื่นชมองค์ชายรัชทายาท อยากทำความรู้จักองค์ชายรัชทายาทแค่นั้น พระชายารัชทายาทวางใจเถอะ เอาไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อเจ้า ในเมื่อเขาชื่นชมองค์ชายรัชทายาท เป็นที่แน่นอนว่าต้องคาดหวังให้องค์ชายรัชทายาทมีความสุข ไม่ไปทำลายความรักระหว่างพวกเจ้า”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าคำพูดเช่นนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ หรงเยว่พูดเหมือนกับเจ้าห้าเป็นขวัญใจของท่านชายสี่ การเข้าเมืองหลวงมาในครั้งนี้ของท่านชายสี่ก็เพื่อมาตามขวัญใจ ทุ่มเงินทีเป็นสองล้านตำลึง แต่เมื่อพิจารณาดูแววตาของเขาที่มองเจ้าห้า ไม่ได้มีความเจิดจ้าขนาดนั้นเลย
ไปภพก่อนหยวนชิงหลิงเคยตามดารานักเตะ มุลเลอร์ของทีมฟุตบอลเยอรมัน มีอยู่ปีหนึ่ง ตอนที่มุลเลอร์มาร่วมงานการแข่งขันกระชับมิตรกวางโจว ตอนที่งานเสร็จสิ้นนางวิ่งไล่ตามรถทัวร์สามกิโล ร้องเรียกตะโกนอยู่อย่างบ้าคลั่ง วิ่งจนรองเท้าหลุด ล้มลงอยู่บนพื้น นางยังมองดูก้นรถทัวร์ที่วิ่งไปไกลแล้วอย่างลุ่มหลง ไม่อยากที่จะจากไป
แต่เมื่อตอนที่ท่านชายสี่อยู่ต่อหน้าเจ้าห้า จะรู้สึกเก้อเขิน ไม่เป็นตัวของตัวเอง แววตาพล่ามัว ไม่มีท่าทีชื่นชอบหลงใหลอะไรเลย? อีกอย่าง ตอนนี้เมื่อนางคิดดูแล้ว รู้สึกว่าท่านชายสี่ก็อาจจะไม่ใช่ชายรักชาย เขายังไม่แต่งงาน อาจจะเป็นเพราะไม่ชอบผู้หญิง เป็นเพราะอุปนิสัยเย็นชา เขาเย็นชากับทุกคน
ตั้งแต่รู้จักเขามาจนถึงตอนนี้ เคยเห็นดวงตาของเขาเป็นประกายเพียงครั้งเดียว ก็คือตอนที่มองเห็นหมาป่าหิมะ นั่นต่างหากถึงจะเป็นความบ้าคลั่งหลงใหลที่ควรจะมีในการตามดารา อยากที่จะโผเข้าไปกอดไว้แน่นอย่างรักใคร่
แต่เผชิญหน้ากับหรงเยว่ที่มีความปรารถนาเอาตัวรอดอย่างแรงกล้า นางก็จับผิดอะไรไม่ได้ จึงต้องปล่อยไป
แต่ความสงสัยของหยวนชิงหลิงก็อยู่ส่วนสงสัย ยังคงต้องติดตามท่านชายสี่ตลอด อาศัยตอนที่นางยังไม่ขึ้นไปบนเขาโรคเรื้อน จับนางฝึกศิลปะการต่อสู้
เมื่อเขารู้ว่าหยวนชิงหลิงไม่มีพื้นฐานในการฝึกศิลปะการต่อสู้ ก็ค่อนข้างอยากจะบ้า พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองใครว่า “เริ่มจากพื้นฐาน ยืนท่าม้า หรงเยว่ เจ้าเฝ้าดูนาง”
เขาเข้าไปในศาลาเพื่อดื่มชาและกินขนม ท่าทีสบายอกสบายใจ
วันนี้หยวนชิงหลิงยังต้องเข้าวังไปพบไท่ซ่างหวง กลับถูกจับตัวมายืนท่าม้าอยู่ในลาน แล้วนั่งยองๆสักพัก ก็ทนไม่ไหวแล้ว ร้องพูดขึ้นว่า “ท่านชายสี่ ข้าไหว้ท่านเป็นอาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ท่านชายสี่ไม่สนใจนาง หรงเยว่ที่อยู่ด้านข้างพูดอธิบายขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท เคยดื่มชาไหว้รับอาจารย์แล้ว วันนี้ฝึกฝนเป็นวันแรก ท่านก็ได้เริ่มฝึกตามคำสั่งของท่านชายสี่แล้ว ก่อนหน้านี้ท่านชายสี่เคยสาบานไว้ ตลอดชีวิตนี้จะรับลูกศิษย์เพียงคนเดียว ดังนั้น ต่อไปหากท่านรอจนท่านชายสี่เกษียณหรือสิ้นชีพแล้ว จะต้องรับตำแหน่งเจ้าสำนักสำนักเหลิ่งหลัง”
หยวนชิงหลิงร้องทุกข์มิรู้วาย ถึงแม้นางจะรินน้ำชาไปแล้วหนึ่งแก้ว เขาก็ดื่มแล้ว แต่งานเลี้ยงรับอาจารย์จะง่ายดายขนาดนี้เลยหรือ? ไม่ต้องตั้งเครื่องหอม บอกกล่าวฟ้าดินหรือ? นางยังไม่เคยคำนับให้กับอาจารย์ ส่วนผู้สืบทอดสำนักเหลิ่งหลัง ก็ช่างเถอะ งานของพวกเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง งานของนางเป็นการแย่งคนกับยมบาล ส่วนสำนักเหลิ่งหลังเป็นการส่งคนไปหายมบาล นางไม่อยากเป็นผู้สืบทอด
นางรู้เสียที่ไหน นี่เป็นผลจากการปรึกษากันทั้งคืนระหว่างท่านชายสี่กับหรงเยว่ ในเมื่อฆ่านางไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถล่มสลายสำนักเหลิ่งหลัง มีเพียงทำให้นางกลายเป็นผู้สืบทอดสำนักเหลิ่งหลัง สำนักเหลิ่งหลังไม่สามารถที่จะฆ่าเจ้าสำนักของตนเอง ดังนั้นหนึ่งแสนตำลึง ก็สามารถคืนไปได้อย่างถูกต้อง
และเพราะตอนนี้ซูต๋าเหอก็ตายไปแล้ว ดังนั้นท่านชายสี่ตัดสินใจซื้อเหรียญหมิงมูลค่าหนึ่งแสนตำลึงเผาให้กับเขา ถือว่าไม่ติดค้างกัน
ถึงแม้ท่านชายสี่จะรู้สึกว่าการซื้อขายในครั้งนี้ขาดทุนอย่างมาก เสียเงินไปสองล้านตำลึง สำนักเหลิ่งหลังก็กำลังจะมอบออกไป แต่อย่างน้อย ในสถานการณ์ที่หน้าสิ่วหน้าขวาน ก็ยังสามารถรักษาสำนักเหลิ่งหลังไว้ได้
หยวนชิงหลิงย่อเข่า ยื่นมือทั้งคู่ออก ภายใต้ท่าที่หรงเยว่ปรับให้ถูกต้องเป็นครั้งที่ร้อย ในที่สุดก็ตรงตามข้อกำหนด แต่เพียงสักพัก ขาทั้งคู่สั่นเทา มือทั้งคู่สั่นเทา ทั้งร่างกายสั่นเทา ดูสีท่าจะทนไม่ไหวแล้ว
หรงเยว่ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท ร่างกายของท่านอ่อนแออย่างมาก ต่อไปหากเกิดอันตราย ท่านจะช่วยเหลือตนเองยังไง? ท่านจะต้องตั้งใจฝึกฝนอย่างจริงจัง ไม่ขอให้กลายเป็นนักรบยอดฝีมืออะไร อย่างน้อยก็ขอให้สามารถปกป้องตนเองได้”
หยวนชิงหลิงรู้ว่านางพูดถูก แต่นางไม่เคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ จะทนความทุกข์ทรมานแบบนี้ได้อย่างไร? ที่สำคัญที่สุดก็คือนางยังมีงานอีกเยอะมาก
แต่การที่ท่านชายสี่ตัดสินใจให้นางฝึกศิลปะการต่อสู้นี้ ได้รับการสนับสนุนจากทุกคนในจวน โดยเฉพาะหยู่เหวินเห้า เขาเห็นว่าร่างกายของนางอ่อนแอมาก ฝึกศิลปะการต่อสู้สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรง เขาก็มีความตั้งใจนี้อยู่แล้ว แต่ทนไม่ได้ที่จะให้นางต้องทุกข์ทรมาน ตอนนี้มีคนอื่นช่วย เขาเห็นด้วยสนับสนุนด้วยสองมืออยู่แล้ว
ส่วนพวกหมันเอ๋อ อะซี่ สวีอี ทังหยาง ต่างก็มีฝีมือการต่อสู้ เห็นว่าการฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่มีความทุกข์ยากอะไรเลย ดังนั้น ผ่านไปสักพัก ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจนาง
หยวนชิงหลิงเห็นสายตาเร่าร้อนของทุกคน เข่าอ่อนกระชับช้าๆ นางคิดไม่ถึงว่าแค่ท่ายืนม้า ก็สามารถทำให้ทุกข์ทรมานได้ขนาดนี้ เหงื่อไหลท่วมตัว
เมื่อท่านชายสี่ยอมพูดให้นางพักได้ นางเหมือนได้รับการอภัยโทษ ขาทั้งคู่วิ่งวุ่นวายเข้าไปในศาลา ตัวสั่นจนนางสงสัยในชีวิต
การดื่มน้ำเข้าไปคำโต และพูดกับท่านชายสี่ว่า “ท่านชายสี่ ผู้สืบทอดสำนักเหลิ่งหลังนี้ ข้าไม่ยินยอม”
ท่านชายสี่พูดขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “เรียกว่าอาจารย์”
“…….” หยวนชิงหลิงมองดูสีหน้าที่จริงจังของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่รู้สึกว่า เรื่องนี้ค่อนข้างเหมือนเรื่องล้อเล่นหรือ? เพียงแค่ดื่มชาหนึ่งคำก็ถือว่าเป็นการไหว้อาจารย์แล้วหรือ?”
“อืม” ท่านชายสี่ครุ่นคิด พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนเรื่องล้อเล่นจริงๆ”
หยวนชิงหลิงรีบพูดขึ้นว่า “ใช่ ท่านชายสี่เป็นเจ้าสำนักของสำนักเหลิ่งหลัง มีตำแหน่งสูงส่งในยุทธภพ รับลูกศิษย์ทั้งทีจะกระทำอย่างเป็นเรื่องล้อเล่นได้อย่างไร? ดังนั้นจึง…..”
ท่านชายสี่พูดดักคำพูดของนาง พร้อมตัดสินใจพูดขึ้นว่า “งั้นก็จัดงานเลี้ยงรับไหว้อาจารย์อย่างเป็นทางการ”
หยวนชิงหลิงอึ้ง กำลังจะพูดปฏิเสธ หรงเยว่ก็กระซิบพูดข้างหูว่า “มีซองแดงรับไหว้อาจารย์ มูลค่ามากมาย อีกอย่าง เจ้าสำนักของสำนักเหลิ่งหลัง ต่อไปเงินกำไลของสำนักเหลิ่งหลัง ท่านจะใช้จ่ายยังไงก็ได้”
แววตาหยวนชิงหลิงเป็นประกาย คำพูดปฏิเสธทุกกลืนลงไปในท้องทันที พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนหวานว่า “จะต้องจัดงานเลี้ยงรับไหว้อาจารย์อย่างเป็นทางการ ถึงจะสมฐานะของอาจารย์”