บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1006 ครั้งแรกที่เห็นหงเย่โกรธ
อ๋องเว่ยกดเสียงลงต่ำ เอ่ยอย่างโมโห “เจ้าเอะอะอะไร หุบปาก”
แต่คำพูดของอ๋องอันก็ถูกทหารที่ติดตามมาบางส่วนได้ยินเข้า การเดินทางครั้งนี้เดิมทีก็อันตรายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีสาวหมอผีเจียงเป่ยอีกคน ย่อมต้องทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นตระหนก
หลังจากส่งหมันเอ๋อกลับไปยังค่ายที่พัก ก็มีทหารเข้ามาเสนอแนะว่าให้ฆ่าหมันเอ๋อ อ๋องเว่ยรู้สึกอัดอั้น หลังจากตำหนิจนล่าถอยออกไปแล้ว กลับควบคุมการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ในกองทัพไม่ได้
ชั่วขณะ หัวใจของทหารแตกซ่าน ลู่หยวนออกหน้าอบรมเกลี้ยกล่อม นับว่าสามารถควบคุมไว้ได้ชั่วคราว
และอะซี่กับสวีอีไล่ตามไม่ทัน ห่างกันเป็นระยะทางยี่สิบลี้ ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ไม่มีทางที่จะไล่ตามได้อีก ได้แต่พักผ่อนเอาแรงในป่าหนึ่งคืนพรุ่งนี้ค่อยตามต่อ
พูดถึงทางด้านแคว้นต้าโจว หลังจากที่หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงกลับมาจากยุคปัจจุบัน อยู่ต่อหนึ่งวันแล้วก็จะเตรียมตัวเดินทางกลับ
จิ้งถิงคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกลับไปเร็วเช่นนี้ ได้แต่รั้งให้อยู่ต่อ หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างเป็นกังวลว่า “เจียงเป่ยเกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก ข้าคิดว่าหลังจากส่งยายหยวนกลับไปแล้ว จะรีบนำคนเร่งไปยังเจียงเป่ยเพื่อให้การสนับสนุน”
หลังจากจิ้งถิงได้ถามอย่างละเอียดแล้ว ก็เสนอแนะว่า “ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้พวกเราสองสามีภรรยาก็ไม่มีอะไรทำ ไม่สู้เอาเช่นนี้อีกกว่า ข้ากับเจ้าพาคนบางส่วนเดินทางไปสนับสนุนยังเจียงเป่ย ให้จิ่นหนิงคุ้มครองส่งพระชายารัชทายาทกับลูกๆกลับประเทศ เป็นอย่างไร”
นี่ย่อมเป็นหนทางที่ดีที่สุด แต่หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “เจ้าสามารถจากไปนานขนาดนี้ได้หรือ”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้แคว้นต้าโจวสงบสุข ฝังกระบี่มังกรไว้ในสุสาน ข้าจากไปหลายเดือนก็ไม่มีปัญหา ”จิ้งถิงใบหน้าจริงจัง “และสามารถจับมือกันกับเจ้าสู่สนามรบอีกครั้ง เป็นเกียรติแก่ข้ามาก”
หยู่เหวินเห้าก็ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากสามารถไปพร้อมกับจิ้งถิง เช่นนั้นงานลำบากก็กลายเป็นการฮันนีมูนแล้ว อืม เขาเรียนมาจากยุคปัจจุบัน ตอนที่พูดเรื่องแต่งงานเคยพูดถึงการฮันนีมูน คนสองคนไปท่องเที่ยวกันอย่างมีความสุขเรียกว่าการฮันนีมูน
ชายหนุ่มทั้งสองกลับไปบอกกับภรรยาของตนเอง จิ่นหนิงนั้นรู้สึกยินดีมาก พอดีกับที่จะได้ตรวจดูโรงเงินติ่งเฟิงที่เปิดในเป่ยถัง
ส่วนหยวนชิงหลิงเองก็ยินดี ข้อแรกนางเป็นห่วงจิ้งเหอข้อสองเป็นห่วงหมันเอ๋อ ถ้าหากเจ้าห้าสามารถไปพร้อมกันกับจิ้งถิง และพาผู้ช่วยไปด้วยบางส่วน อย่างน้อยก็เป็นกำลังเสริมได้
เรื่องราวถูกปรึกษาหารือและกำหนดเช่นนี้เอง วันรุ่งขึ้นเริ่มออกเดินทาง
จิ้งถิงได้คัดเลือกแม่ทัพฝีมือฉกาจหลายนายและทหารอีกหลายร้อยออกเดินทางพร้อมกัน จิ่นหนิงกลับพาองครักษ์และสาวใช้เข่อหลิง เข่อลี่เดินทางไปยังเป่ยถังพร้อมกัน แต่แล้ว ขบวนรถม้าเพิ่งจะออกจากเมืองหลวง เข่อหลิงที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการลาดตระเวนอยู่ด้านหลังได้ขึ้นมารายงานข้างหน้าว่า “จวิ้นจู่ พระชายารัชทายาท อ๋องชินหงเย่ติดตามอยู่ทางด้านหลัง”
จนแทบจะลืมคนคนนี้ไปแล้ว หลังจากเข้ามาแคว้นต้าโจวก็ไร้ซึ่งข่าวคราว ตอนนี้ก็ยังจะตามกลับไป ช่างทำให้หัวใจรู้สึกไม่สบายยิ่งนัก
จิ่นหนิงเกือบจะเคยเสียเปรียบเขาแล้ว ฉะนั้นกับคนคนนี้จึงค่อนข้างระแวงมาก
หยวนชิงหลิงนึกถึงคำพูดของฟางหวูขึ้นมา ฟางหวูรับประกันอย่างหนักแน่น หงเย่ไม่มีเจตนาร้าย แต่มาเพื่อยาเท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ไม่มียาแล้ว เขาจะพาลโกรธหรือไม่
คิดถึงลิงที่อยู่ในห้องทดลองมาสามปีมาอยู่กับหงเย่และพึ่งพาอาศัยกันและกันเพื่อให้มีชีวิตรอดสองปี หัวใจของหยวนชิงหลิงก็ยังคงรู้สึกทอดถอนใจ
ลิงนับว่าเป็นเพื่อนเก่าแก่ของนาง เช่นนั้นระหว่างนางกับหงเย่ใช่มีที่มาหรือไม่
ด้วยเหตุนี้ พลบค่ำตอนที่เข้าพักในศาลาพักม้า หงเย่ก็เข้าพักด้วย หยวนชิงหลิงจึงเชิญให้เขามาร่วมกินอาหารด้วยกัน
หงเย่ยังคงสวมชุดสีแดงทั้งตัว พาอะโฉ่วมาด้วย ม้าสองตัวไม่ได้ดูเหน็ดเหนื่อยมาก ตลอดเส้นทางนี้เขาคิดแล้วว่าจะตามอย่างเชื่องช้าเช่นนี้
“ซาบซึ้งมากที่เชื้อเชิญ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”หงเย่ยังคงมีท่าทีเจียมเนื้อเจียมตัวมีมารยาท ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มอบอุ่น
หลังจากนั่งที่แล้ว จิ่นหนิงก็ถามขึ้นก่อนว่า “ท่านชายจะกลับไปลงหลักปักฐานที่เป่ยถังหรือ”
“ใช่แล้ว เป่ยถังทิวทัศน์สวยงาม มีสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต”หงเย่มองจิ่นหนิงด้วยสายตาเรียบเฉยแวบหนึ่ง สายตาไม่ได้ปิดบังแววชื่นชมที่มีต่อจิ่นหนิงแม้แต่น้อย
“ขอเพียงไม่มีแผนการอื่นอยู่ในใจ ที่ไหนก็ล้วนเป็นที่ทิวทัศน์สวยงาม”จิ่นหนิงพูด
หงเย่พูดยิ้มๆว่า “จวิ้นจู่พูดจาอย่างมีปัญญาจริงๆ น้อมรับการสั่งสอน”
“ไม่ชอบการคุยโวโอ้อวด”จิ่นหนิงขวานผ่าซาก พูดจาตรงไปตรงมา ไม่ชอบการอารัมภบท
หงเย่กลับส่ายหน้า “ไม่ ไม่ใช่การคุยโวโอ้อวด ข้าน้อยไปมาหาสู่กับผู้คนมากมาย จวิ้นจู่เป็นคู่ต่อสู้ที่ข้าน้อยเลื่อมใสที่สุด อดีตคู่ต่อสู้”
จิ่นหนิงส่ายหน้า “ไม่คิดว่าท่านจะเคยนับว่าข้าเป็นคู่ต่อสู้ ตรงกันข้ามกลับมาหลอกลวงกันราวกับข้าเป็นคนโง่ อาศัยแคว้นต้าโจวเปิดศึกกับเซียนเปยเป่ยโม่ ท่านเป็นคนตกปลาที่ได้รับประโยชน์ คงจะภูมิใจกระมัง”
หงเย่ค่อยๆขมวดคิ้วขึ้นมา “ทำไมจวิ้นจู่จึงได้คิดเช่นนี้ แคว้นต้าโจวกับเซียนเปยเป่ยโม่ไม่เร็วก็ช้าคงหลีกเลี่ยงสงครามครั้งนี้ไม่ได้ ข้าน้อยก็แค่ทำให้โอกาสในการเปิดศึกเกิดขึ้นก่อนเท่านั้น ที่จริงก็ไม่ได้ทำให้แคว้นต้าโจวเสียผลประโยชน์ กลับกัน ยังเป็นการช่วยแคว้นต้าโจวเอาไว้ ไม่เช่นนั้น ทำไมฮ่องเต้จึงแต่งตั้งให้ข้าเป็นจวิ้นอ๋องเล่า”
“พวกท่านที่เล่นลูกไม้วางแผนการชั่วร้าย จะพูดอย่างไรก็มีเหตุผล”จิ่นหนิงยอมแพ้ที่จะโต้เถียงกับเขา คนที่ไม่ชอบ นางไม่ยินดีจะพูดให้มากความ ลุกขึ้นกล่าวลา แต่ให้เข่อหลิงเข่อลี่คอยจับตาอยู่หน้าประตู
หงเย่เอ่ยอย่างระอาใจว่า “นางไม่ชื่นชอบข้าน้อย ข้าน้อยก็ไม่สามารถบังคับได้”
หยวนชิงหลิงกำลังกินข้าว พูดว่า “นางจะชื่นชอบท่านหรือไม่ ท่านก็ไม่สนใจ”
“ใช่ ”หงเย่หยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วก็วางลงไปเช่นเดิมมองหยวนชิงหลิงและถามว่า “ท่านเข้าวังไปพบไทเฮา หายไปเป็นเวลาสามวัน สามวันนี้ไปที่ใด สามารถบอกให้ข้าน้อยรู้ได้หรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขา “ท่านชาย ข้าไม่อยากจะพูดจาอ้อมค้อมกับท่าน ท่านให้ฟางหวูวิจัยยาให้ท่าน เป็นไปไม่ได้ ข้อมูลทั้งหมดข้าได้ทำลายทิ้งหมดแล้ว ”
สีหน้าของหงเย่เย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย น้ำเสียงก็เย็นชาตามไปด้วย “ทำไม ท่านต้องใช้มิใช่หรือ”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่ต้องการ ยานี้เดิมก็ไม่ควรออกมาสู่โลกภายนอก ”
คิ้วของหงเย่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงสายหนึ่ง “ทำร้ายผู้อื่นแล้วยังไม่มีประโยชน์ต่อตนเอง ไม่เหมือนเป็นเรื่องที่ท่านจะทำได้”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ไม่ทำร้ายผู้อื่นยิ่งไม่มีผลประโยชน์ต่อตนเอง ยานี้เดิมทีข้าเป็นคนวิจัยออกมา ข้ามีอำนาจที่จะจัดการทำลาย ถ้าหากท่านชายต้องการจะระบายความโกรธ ก็เชิญระบายให้เต็มที่ แต่จะทำร้ายข้าระหว่างทางกลับเมืองหลวงนั้นเป็นไปไม่ได้ ”
“ข้าไม่มีทางทำร้ายท่าน เพียงแต่ไม่เข้าใจ”เห็นได้ชัดว่าหงเย่ผิดหวังมาก ราวกับว่าได้ยินข่าวร้ายก็ไม่ปาน นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ สายตามีแววขุ่นมัว เอ่ยอย่างเสียดายว่า
“เดิมข้าคิดว่าที่ท่านมาแคว้นต้าโจว ช่างเป็นโอกาสที่ดียิ่งนัก ท่านต้องรักษาโอกาสนี้ไว้แน่ เจ้าอาวาสเคยบอก ท่านต้องการยาชนิดนี้มาก ข้าคิดมาตลอดว่าเราเป็นเพื่อนร่วมทางกัน ”
หยวนชิงหลิงมองเขา นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางเห็นใบหน้าเรียบเฉยของเขาปรากฏสีหน้าอื่นนอกเหนือจากนั้นออกมา ราวกับเสื้อผ้าที่เสแสร้งปกปิดร่างเอาไว้ถูกถอดออกไปจนหมด ค่อยๆมองทะลุเข้าไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
“ขอโทษเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ท่านผิดหวัง ฟางหวูบอกข้า เรื่องราวก่อนหน้านี้ของท่านกับลิง ท่านต้องการยาชนิดนี้ก็เพื่อจะช่วยลิง แต่ยานี้จะออกมาสู่โลกภายนอกไม่ได้ หวังว่าท่านจะเข้าใจ”
“ความรู้สึกของท่านต่อความตายของลิง ไม่รู้สึกเสียดายสักนิดเลยหรือ เพราะพวกท่านอยู่ด้วยกันทุกเช้าค่ำเป็นเวลาพันกว่าวัน ข้าเห็นท่านก็ปฏิบัติอย่างดีกับสุนัขในจวนอ๋องฉู่ แต่ทำไมจึงไม่มีจิตใจคิดสงสารลิงเลยแม้แต่น้อย บางทีที่จริงท่านก็แค่เอามันมาเพื่อทดลองเท่านั้น ไม่มีความผูกพันให้พูดถึง ”
คำพูดสุดท้าย น้ำเสียงของเขาแหลมคมขึ้นมาอย่างกะทันหัน สายตาก็ถูกย้อมเป็นสีแดงก่ำไปด้วย จ้องมองหยวนชิงหลิงเขม็ง
หยวนชิงหลิงประสานสายตากับเขา พูดว่า “ข้ารู้ว่าการตายของหลิงกระทบจิตใจของท่านมาก แต่ถ้าท่านจะถามถึงความผูกพันระหว่างข้ากับลิง ตอนที่มันอยู่ในโลกที่ข้าอยู่ เคยตายไปครั้งหนึ่งแล้ว ข้าย่อมรู้สึกเศร้าใจ เสียใจต่อการตายของมัน แต่ความตายนั้นไม่อาจต่อต้านได้……”
หงเย่ตัดบทนางด้วยเสียงเย็นชา “ความตายไม่อาจต่อต้านได้ แล้วทำไมท่านยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ และลิงได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่งในโลกของท่านแต่กลับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งที่นี่ ความตายสามารถต่อต้านได้ ขอเพียงท่านยินดี ท่านสามารถทำได้”