บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1012 กลบังตา
หมันเอ๋อถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ไอหลายครั้งติดต่อกัน ไอจนหน้าแดงก่ำ กลับหัวเราะเสียงดังพร้อมพูดขึ้นว่า “อยากรู้สถานการณ์ของพวกเขาง่ายมาก เดินไปข้างหน้า จากนั้นมองลงไป เจ้าจะมองเห็น”
หยู่เหวิยเทียนคว้าจับมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไป”
อาการหายใจลำบากของเขาก็หายแล้ว ทางเดินตรงหน้าก็ชัดเจนขึ้นมา เขาถึงขั้นคิดว่า ที่นี่ไม่ใช่วงแหวนสวรรค์ที่แม่นมฉินพูดถึงแน่นอน ไม่รู้ว่าหมันเอ๋อพาพวกเขาเข้ามาในสถานที่อะไร แต่คนกว่าห้าพันคน หากติดอยู่ข้างในออกมาไม่ได้ ก็จะต้องเสียสละไปโดยเปล่าประโยชน์
เขาจะต้องคิดว่าวิธีมองเห็นพวกเขา แล้วนำทางพวกเขา
ครั้งนี้หมันเอ๋อก็ไม่ได้ต่อต้าน ถูกเขาดึงลากไปข้างหน้า เดินไปตามถนนบนภูเขาประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง ยืนบนยอดเขาเล็กๆ แล้วมองลงไป ในที่สุดก็มองเห็นมีคนอยู่บนภูเขาอีกลูกหนึ่ง เป็นกลุ่มคนขบวนใหญ่ ที่นั่นมีเมฆบางๆ แต่สามารถมองเห็นพวกเขากำลังเดินอยู่ คนนำทางอยู่ด้านหน้าคือแม่นมฉิน แต่พวกเขาเดินอย่างเชื่องช้า ลังเล เหมือนรู้แล้วว่ากำลังหลงทาง
“พี่สาม พี่สาม” หยู่เหวิยเทียนร้อนใจ ร้องตะโกนไปยังภูเขาทางด้านนั้น แต่อ๋องเว่ยที่เดินอยู่ด้านหลังแม่นมฉิน เหมือนไม่ได้ยินเสียงของเขา ไม่เงยหัวขึ้นมาด้วยซ้ำ
มีคนสลบไปแล้ว ทันใดนั้นก็มีทหารไปแบกขึ้นมา นี่เป็นเหมือนสถานการณ์ตอนที่เขาอยู่ข้างล่าง พวกเขายังคงหายใจไม่ออก และดูจากฝีเท้าการเดินไปข้างหน้าของพวกเขา เหมือนด้านหน้ายังคงมีหมอกอย่างหนาแน่น
แต่จากตรงที่เขามองลงไป ด้านล่างมีเพียงหมอกบางๆ
“เจ้าพาพวกเขาออกมา” หยู่เหวิยเทียนหันกลับไปดึงมือหมันเอ๋อไว้อย่างโกรธจัด มืออีกข้างหน้ายกขึ้นมา อยากที่จะตบลงไปหนึ่งที แต่ชั่วชีวิตนี้ยังไม่เคยตบตีผู้หญิง ยังเป็นใบหน้าที่คุ้นเคย เขาจะตบลงไปได้อย่างไร ทำได้เพียงโกรธอย่างที่สุด
หมันเอ๋อหุบยิ้ม พร้อมพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “บุกรุกเข้ามาในเขตหมอผี พวกเขาถูกกำหนดให้ออกมาไม่ได้”
“งั้นข้าก็ฆ่าเจ้า” หยู่เหวิยเทียนพูดขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว
“ฆ่าสิ มีคนหลายพันคนตายเป็นเพื่อนข้า ข้าตายอย่างสมเกียรติ” หมันเอ๋อพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม
หยู่เหวิยเทียนอยากที่จะฆ่านางจริงๆ แต่ก็ไม่เข้าใจ ทำไมหมันเอ๋อถึงกลายเป็นเช่นนี้?
“เจ้าจำเรื่องที่ผ่านมาได้แล้วไม่ใช่หรือ? ครอบครัวของเจ้าล้วนถูกหมอผีฆ่า เจ้าไม่เกลียดพวกเขากลับทำงานให้พวกเขา เจ้ากล้าสู้หน้าพ่อของเจ้าหรือ?”
หมันเอ๋อหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “แก้แค้นกันไปมาแล้วจะจบสิ้นเมื่อไหร่? ตั้งแต่นี้ต่อไป หนานเจียงรวมเป็นหนึ่ง เป็นสิ่งที่คนหนานเจียงล้วนอยากเห็น”
“เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆ” หยู่เหวิยเทียนพูดขึ้นอย่างเย็นชา
“ข้าไม่ได้บ้า ข้ากำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง” หมันเอ๋อสะบัดออกจากเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อ หรือตามข้าไป ข้าสามารถพาเจ้าออกจากเขตแดนหมอผีได้”
พูดเสร็จ นางก็ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า
หยู่เหวิยเทียนไปได้ที่ไหน? และก็ไม่ให้นางไป เดินไปคว้าจับมือของนางไว้ ใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล เขาจึงยอมพูดขอร้องว่า “เห็นแก่ที่ข้าเคยช่วยชีวิตเจ้า เจ้าปล่อยพวกเขาออกมา ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถพาพวกเขาออกมาได้”
หมันเอ๋อส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเขามีแต่จะนำภัยพิบัติมาให้หนานเจียง หนานเจียงไม่ต้องการสงคราม หนานเจียงก็ไม่สามารถที่จะแตกสลายอีก”
“พวกเขาแค่ต้องการช่วยคน ช่วยจวิ้นจู่จิ้งเหอได้แล้ว พวกเราก็จะไป ขอเพียงพวกเขายอมปล่อยจวิ้นจู่ พวกเรารับประกันว่าจะไม่ทำร้ายใคร” หยู่เหวิยเทียนพูดขึ้น
หมันเอ๋อหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้ารับประกันว่าจะไม่ทำร้ายใคร? จะเสี่ยงทำไม? พวกเจ้าล้วนตายอยู่ที่นี่ ก็จะไม่สามารถทำร้ายใคร จวิ้นจู่จิ้งเหอสมควรตาย นางฆ่าสาวหมอผีเจียงเป่ยของเรา ตอนนี้รอเพียงถึงวันมงคล ก็จะสามารถเอาศีรษะของนางเซ่นไหว้กู้จือกับสาวหมอผีมู่ เช่นนี้ เจียงเป่ยของข้าก็จะได้รับความสงบสุขกลับมาอีกครั้ง”
“เจียงเป่ยของข้า?” หยู่เหวิยเทียนฟังประโยคนี้ แล้วก็จ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ดังนั้น เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าไม่ใช่หมันเอ๋อแน่นอน”
“ข้าคือหมันเอ๋อ และข้าก็เป็นสาวหมอผีของเจียงเป่ย เชื่อไม่เชื่อแล้วแต่เจ้า”
หยู่เหวิยเทียนส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้าคือหมันเอ๋อ จะทนเห็นอะซี่ก็ตายอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เจ้ากับอะซี่สนิทรักใคร่กันที่สุดไม่ใช่หรือ?”
หมันเอ๋อค่อยๆเอียงหัว ถอนหายใจเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางไม่ควรที่จะมา ในเมื่อนางมาแล้ว จะถูกกำหนดให้สมควรตาย”
คำว่าสมควรตายถูกพูดออกมาอย่างเฉยเมยเช่นนี้ ไม่มีความเห็นอกเห็นใจเลยสักนิด หยู่เหวิยเทียนสามารถมั่นใจได้ว่านางไม่ใช่หมันเอ๋อ ถูกผีครอบงำหรือ?
หยู่เหวิยเทียนคิดได้เพียงคำอธิบายนี้ ดังนั้นเขาจึงปลดเข็มขัดออก มัดมือของตนเองกับหมันเอ๋อไว้ด้วยกัน ไม่ให้นางไปไหน
และพวกอ๋องเว่ยยังเดินวนอยู่ในวงแหวนสวรรค์ หมอกเมฆเป็นชั้นๆบังตา มองเห็นทางข้างหน้าไม่ชัดเจน ยิ่งอยู่คนที่หายใจลำบากก็ยิ่งเยอะขึ้น ท้องฟ้าก็เริ่มค่อยๆมืดครึ้มลง หากต้องค้างคืนที่นี่ ก็ไม่รู้ว่ายังจะมีคนอีกมากมายแค่ไหนต้องล้มลง
“เป็นอย่างไร? หาเจอไหม?” เห็นอ๋องอานพาคนกลับมา อ๋องเว่ยรีบถามขึ้น
อ๋องอานส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “พวกเราหลงกลหมันเอ๋อแล้ว นางหายตัวไปแล้ว เทียนเอ๋อก็หายไปแล้ว”
อ๋องเว่ยโกรธจนชักดาบฟันตันไม้หักไปหนึ่งต้น พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “สามารถเดินออกมาจากวงแหวนพิภพได้อย่างราบรื่น ยังคิดว่านางน่าไว้ใจ คิดไม่ถึงว่าเป็นการหลงกลแล้วตั้งแต่ตอนนั้น”
อ๋องอานมองดูแม่นมฉิน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ามีวิธีพาพวกเราออกไปจากวงแหวนสวรรค์ไหม?”
แม่นมฉินเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตนเอง สีหน้าแลดูขาวซีดกว่าปกติ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าสงสัยว่าที่นี่ไม่ใช่วงแหวนสวรรค์ วงแหวนสวรรค์ไม่เป็นเช่นนี้”
“ไม่ใช่วงแหวนสวรรค์? งั้นเป็นที่ไหน? พวกเราออกมาจากวงแหวนพิภพแล้วไม่ใช่หรือ?” อ๋องอานอึ้งไปสักพักแล้วถามขึ้น
แม่นมฉินหลับตา หวนคิดถึงเส้นทางที่ผ่านมาอย่างละเอียด พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเราเดินออกมาจากวงแหวนพิภพอย่างง่ายดาย แต่ตามหลักแล้วไม่น่าที่จะง่ายขนาดนี้ จากวงแหวนรอบนอกเข้าไปในวงแหวนพิภพ แต่ภายในวงแหวนพิภพเพราะมีการเปลี่ยนค่ายกล ค่ะก็ไม่รู้ว่าเดินออกมาได้อย่างถูกต้องไหม”
“ความหมายของเจ้าก็คือ พวกเราอาจจะหลงอยู่ในนี้หรือ?” ในใจอ๋องเว่ยหนักอึ้ง คนหลายพันคนหากหลงอยู่ในนี้ ไม่สามารถออกไปได้ เขตแดนหมอผี เป็นสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง
“เห็นทีว่าจะใช่ พวกเราถูกพาอ้อมเข้ามาในแดนหลงหายแล้ว” ”แม่นมฉินก็แลดูตื่นตระหนก มองดูสวีอีที่อยู่บนหลังสวีอี พร้อมพูดขึ้นว่า “หลังจากนางทานยาแล้ว บางทีอาจสามารถแก้อาถรรพ์หมอผีได้ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะสามารถปลดมนต์เลือดอาถรรพ์ พระชายารัชทายาท เคยพูดถึงสถานการณ์นี้ไหม? ไทเฮาหลงได้สั่งไว้ไหม?”
อะซี่พูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “ไม่มี”
“เลือดอาถรรพ์คืออะไร?” อ๋องเว่ยได้ยินคำศัพท์พวกนี้แล้วก็มึนหัว นี่ล้วนเป็นสิ่งของวุ่นวายอะไร เป็นสิ่งที่เขาไม่ชำนาญอย่างที่สุด
“เป็นคำสาปที่แลกด้วยชีวิตของหมอผี หลังจากถูกเลือดอาถรรพ์ ก็จะตกอยู่ในห้วงความคิดหนึ่ง นอกจากแก้เลือดอาถรรพ์ ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถได้สติกลับมาได้”
“อะไรคือห้วงความคิดหนึ่ง?” ”อ๋องอานโกรธอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดออกมาทีเดียวเลยได้ไหม? เดิมข้าก็ไม่เคยได้ยินเจ้าพูดถึงเลือดอาถรรพ์นี้”
ในใจแม่นมฉินก็กระวนกระวาย กลับยังคงอดกลั้นความตื่นตระหนกไว้แล้วก็พูดอธิบายให้เขาฟังว่า “ห้วงความคิดหนึ่งนี้ ก็ต้องดูว่าคนที่สาปนางในตอนนั้นพูดอะไรกับนาง หากสั่งเสียให้นางเห็นถึงผลประโยชน์ของเจียงเป่ยสำคัญที่สุด งั้นทุกอย่างที่นางทำ ก็จะเป็นการคิดถึงเจียงเป่ยเป็นหลัก โดยไม่สนใจที่จะฝังพวกเราไว้ที่นี่”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้แล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปในทันใด