บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1025 เข้าวังมอบของขวัญ
หลังจากกลับถึงเมืองหลวงก็ไปรับเด็กๆ ที่บ้านตระกูลเหลิ่งก่อน
เดิมนึกว่าจากกันนาน เด็กๆ จะอาลัยหามาก หยวนชิงหลิงถึงกับเตรียมกอดเด็กๆ ไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึง พวกเขากลับเล่นกับคนสำนักเหลิ่งหลังอยู่ในลานบ้าน เล่นสนุกสนานยกใหญ่ เมื่อเห็นบิดามารดากลับมาก็แค่วิ่งไปหาพวกเขายิ้มแป้นให้ทีหนึ่งแล้วก็วิ่งไป เย็นชาเสียจริง
หมาป่าเปาจื่อวิ่งพรวดเข้าไปพันแข้งพันขาซาลาเปา ซาลาเปาจึงอุ้มมันขึ้นมาหอมเป็นการใหญ่ ตำแหน่งของบิดามารดาจึงถูกหมาป่าเปาจื่อเข้าแทนที่
ท่านชายสี่จรดแขนเสื้อเดินออกมา ชุดสีขาวล้วนพลิ้วไหวท่ามกลางสายลม นัยน์ตาดำเงาดั่งหมึกชายตาขึ้น แพขนตายาวกระพือ ดวงตาหงส์มีความยิ้มเยาะเล็กน้อย “ไม่ต้องมาหรอกพ่ะย่ะค่ะ ถึงมาก็ไม่กลับ พวกเขาบอกว่าจะอยู่ที่นี่ซักสองสามปี”
หยู่เหวินเห้าเดือดจัด “ไร้จิตใจเสียจริงๆ ดีนะที่มีเจ้าแฝดสอง”
แม่นมอุ้มสองแฝดมา ไม่เจอหลายวัน ใบหน้าพวกเขากลมดิกยิ่งกว่าแต่ก่อน หยวนชิงหลิงมองดวงตาพวกเขาอย่างกังวล บัดนี้เมื่อกลับมาเป็นเหมือนดังเดิมแล้วก็วางใจ
สองสามีภรรยาอุ้มคนละคน จากนั้นหยู่เหวินเห้าก็ตะโกนไปทางเด็กๆ “กลับบ้าน!”
เด็กๆ วิ่งโร่เข้ามา เหงื่อออกเต็มหน้า ซาเลาเปาดึงใบหูของหมาป่าขอร้อง “เสด็จพ่อ เสด็จแม่ อีกสองวันพวกเราค่อยกลับกันนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้!” หยู่เหวินเห้าหน้านิ่วคิ้วขมวด “พรุ่งนี้ต้องเข้าวังไปถวายพระพรเสด็จปู่กับเสด็จทวดนะ”
“ไว้วันหลังพ่ะย่ะค่ะ!” ซาลาเปาประกาศอย่างองอาจ จากนั้นก็กลับไปเข้าฝูงวิ่งกับคนอื่นๆ แทบทำจนผู้เป็นพ่อต้องโมโหตาย
จนปัญญาจึงได้แต่พาแฝดสองกลับ
ครั้นแล้วหยวนชิงหลิงจึงเอ่ยกับท่านชายสี่ “เช่นนั้นก็รบกวนท่านช่วยดูแลอีกสองวัน”
“ไม่เป็นไรพ่ะย่ะค่ะ หากท่านตัดใจขายได้ จะขายให้กระหม่อมก็ได้พ่ะย่ะค่ะ” ท่านชายสี่พูดตรง “ว่าราคามาได้เลย”
หยู่เหวินเห้ากรอกตาขาวให้ “ไม่ขาย! ยกให้เจ้าเลยแล้วกัน!”
ท่านชายสี่ยักไหล่ “ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้ามองด้านในทีหนึ่ง “หลิงเอ๋อร์ล่ะ?”
“ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ ช่วงนี้อยู่ไม่ติดบ้านเลย” นัยน์ตาท่านชายสี่เหมือนมีความขุ่นเคืองเล็กน้อย
หยู่เหวินเห้าจึงไม่ถาม เก็บของแล้วพาสองแฝดกับสองเสือกลับจวน
เมื่อกลับถึงจวน หลังแม่นมสี่รีบอุ่นข้าวปลาอาหารปรนนิบัติเรียบร้อยแล้วก็ถามถึงหมันเอ๋อ แม่นมสี่กับแม่นมฉีต่างชอบหมันเอ๋อมาก หมันเอ๋อทั้งทำงานเก่งทั้งเป็นเด็กดี เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป
แต่เมื่อบอกพวกนางว่าหมันเอ๋อไปหนานเจียงแล้ว แม่นมทั้งสองก็เสียใจนิดๆ
ตกค่ำพอย่าหยวนกลับมา หยวนชิงหลิงก็นำรูปภาพกองโตไปหา สองย่าหลานซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่มดูรูป ดูไปเดี๋ยวก็ร้องไห้เดี๋ยวก็หัวเราะ ย่าหยวนเช็ดน้ำตาแล้วหัวเราะพลางพูด “พวกเรานี่เป็นคู่ย่าหลานประสาทจริงๆ”
นางเห็นรูปที่หยู่เหวินเห้าตัวแข็งทื่อแล้วก็ว่า “พ่อหลานเขยใส่ชุดยุคพวกเราแล้วก็หล่อมาก”
“พอไหวค่ะ!” หยวนชิงหลิงหัวเราะ “ถ้ามีโอกาสได้ไปอีกครั้ง แม่บอกว่าจะจัดงานแต่งงานให้พวกเรา ถึงตอนนั้นต้องรับท่านกลับไปด้วยแน่”
ย่าหยวนยิ้มพูด “ดูซิ พูดเรื่องข้ามมิติเวลาซะง่ายอย่างกับกินข้าวแน่ะ”
“นั่นนะสิ ไทเฮาหลงที่ข้ารู้จักเก่งมากจริงๆ” หยวนชิงหลิงพูดไปอย่างนั้น เผลอเหม่อลอย สมองนึกย้อนไปเรื่องเทพศาสตร์หรือไม่ก็วิทยาศาสตร์ จากนั้นก็สะบัดศีรษะ จะคิดเรื่องพวกนั้นไม่ได้
ย่าหยวนโอบบ่าของหลานสาว ยิ้มบางพลางถอดถอนใจ “ดีจริงๆ เลยนะ ให้พ่อแม่ได้เห็นเจ้าอีกครั้ง ถือว่าลุล่วงความในใจย่าอีกเรื่อง ท่าทางแม่เจ้าดีแล้วละสิ?”
“ดีมากแล้วค่ะ” หยวนชิงหลิงพูดเบา พอนึกถึงแม่แล้วก็ยังอยากร้องไห้ แต่ก็อย่างที่คุณย่าพูด ถือว่าลุล่วงความในใจแล้ว
สองย่าหลานพูดคุยกันจนดึก จนผู้เป็นย่าไม่ไหวแล้วหยวนชิงหลิงถึงกลับตำหนักเซี่ยวเยว่
เพราะวันพรุ่งยังต้องเข้าวัง ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงกำลังจัดแบ่งของขวัญ ของที่ให้ไท่ซ่างหวงเยอะหน่อย เหล้าบุหรี่ก็มีหมด แล้วยังมีผงกาแฟอีกถุง ต้องต้มก่อน ของขวัญที่ให้เสด็จพ่อเป็นไวน์แดงขวดหนึ่ง โสวฝู่ฉู่กับเซียวเหยากงก็มี
“ที่จริงเสด็จปู่ทางนั้นให้ผงกาแฟถุงเดียวก็พอแล้ว เหล้าบุหรี่ไม่เหมาะ” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ให้เขาชิมนิดหน่อย” หยู่เหวินเห้ากล่าว
“กลัวแต่จะไม่ใช่แค่ชิมน่ะสิ” หยวนชิงหลิงไม่เชื่อ
แต่ไม่ว่าอย่างไร ในเมื่อเป็นน้ำใจเล็กน้อยของพ่อกับแม่ ทั้งเขาก็ชอบในเรื่องนี้ หากไม่ให้เขาก็ไม่ค่อยมีมนุษยธรรมเท่าไร
หลังจากจัดเก็บเรียบร้อย ทั้งสองก็เข้านอน เมื่อทิ้งตัวลงนอนหยู่เหวินเห้าก็เอ่ยขึ้น “เจ้าว่าถึงเวลาจะบอกพวกเขาว่าใครให้ของพวกนี้มาดี?”
หยวนชิงหลิงก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน หนักใจมาก “บอกว่าไทเฮามอบให้หรือ?”
“แต่ต้าโจวไม่มีของพวกนี้นี่” หยู่เหวินเห้ากล่าว
“ไม่เป็นไร ถึงยังไงก็บอกว่าไทเฮาหามาให้ก็ได้”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะพลางเอ่ย “งั้นถ้าติดใจแล้วไปหาไทเฮาจะทำยังไงล่ะ?”
“งั้นก็ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว ให้เขาไปเอาเองสิ” ครั้งนี้หยวนชิงหลิงก็เล่นแง่ด้วยเหมือนกัน
หยู่เหวินเห้าเสียดายเล็กน้อย “ถ้าพูดได้ ข้าก็อยากบอกพวกเราจริงๆ ว่านี่เป็นน้ำใจจากพ่อตา”
หยวนชิงหลิงหนุนอยู่ที่ไหล่เขา พูดเสียงเบา “ไม่เป็นไร พ่อแม่ไม่ติดใจหรอก”
ทั้งสองกอดกันนอน เช้าวันรุ่งขึ้นก็ตื่นแต่เช้าตรู่ ให้คนไปจวนเซียวเหยากงกับจวนฉู่ เชิญพวกเขาเข้าวังร่วมลิ้มรสสุราพร้อมกับไท่ซ่างหวง
เนื่องจากเป็นคำเชิญจากจวนอ๋องฉู่ นั่นก็คือได้รับอนุญาตจากพระชายารัชทายาทแล้ว เซียวเหยากงกับโสวฝู่ฉู่จึงตื่นเต้นมาก นี่หมายถึงไท่ซ่างหวงจะได้สนุกเต็มที่ แม้แต่ฝันเขาก็เฝ้ารอคอยว่าชาตินี้จะมีโอกาสนี้อีก
ครั้นเข้าวังหลวงก็ไปถวายพระพรฮ่องเต้หมิงหยวนก่อน เพราะเขายังต้องว่าราชการอีก ยุ่งมาก
เมื่อถวายไวน์แดงไป เนื่องจากเป็นของนำเข้า ดังนั้นจึงเป็นภาษาอังกฤษหมด ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นก็สนใจมาก “อือ นี่เป็นอักษรของแผนที่ทางการทหาร เป็นของต่างถิ่นของต้าโจว”
“พ่ะย่ะค่ะ! ใช่แล้ว!” หยู่เหวินเห้ายิ้มพูด
“เหล้าองุ่นหรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ย
“พ่ะย่ะค่ะ!” หยู่เหวินเห้ารู้ว่าเขาเคยดื่มมาก่อน ทางชายแดนก็เคยส่งเหล้าองุ่นมาเป็นเครื่องบรรณาการ ทั้งยังมอบจอกแสงจันทร์ให้อีก เสียแต่เหล้ามีไม่มาก ทั้งยังต้องแบ่งกันดื่ม รสนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในน้อยสิ่งที่ฮ่องเต้หมิงหยวนรำลึกถึง
“เก็บเอาไว้ รอเจ้ามีลูกท้องสามแล้วค่อยดื่ม” ฮ่องเต้หมิงหยวนหวงแหนมาก
หยู่เหวินเห้าปฏิเสธฉับพลัน “ไม่ หม่อมฉันไม่เอาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่เชื่อ จะมีหรือไม่ไม่อยู่ที่การตัดสินใจของเขา
พ่อลูกจะสนทนากัน หยวนชิงหลิงจึงไปตำหนักของหวงกุ้ยเฟย มอบแผ่นมาร์คหน้าให้หวงกุ้ยเฟย เมื่อนางรู้ว่าเป็นเครื่องใช้ในวังของต้าโจวก็ดีใจมาก เอ่ย “ข้าได้ยินมาว่าไทเฮาหลงของต้าโจวรักษาความสาวไว้ได้ อาศัย…แผ่นมาร์คหน้านี่น่ะหรือ?”
“น่าจะไม่มีผลขั้นเทพขนาดนั้นหรอกเพคะ แค่เติมน้ำเท่านั้น” หยวนชิงหลิงยิ้มแหย ระอาใจมาก
“เติมน้ำ? หน้ายังต้องดื่มน้ำด้วยหรือ?” หวงกุ้ยเฟยหัวเราะ จากนั้นก็ทดลองทันที หยวนชิงหลิงมาร์คหน้าให้นาง ประมาณหนึ่งก้านธูปก็เอาออก หวงกุ้ยเฟยส่องกระจกทองเหลือง แล้วพูดอย่างพึงพอใจ “ดูสิ เนียนละเอียดขึ้นมากเลย เป็นของวิเศษจริงๆ”
ฤดูหนาวอากาศแห้ง หลังจากเพิ่มความชุ่มชื้นแล้วก็ต้องมีน้ำมีนวลอยู่แล้ว จะบอกว่าเป็นผลลัพธ์มหัศจรรย์ก็เกินไป หยวนชิงหลิงยิ้มๆ “เป็นเพราะผิวพรรณท่านแม่ดีอยู่แล้วเพคะ”
หวงกุ้ยเฟยกล่าว “ต้าโจวช่างเป็นดินแดนน่าอัศจรรย์จริงๆ หากมีโอกาส ข้าก็อยากไปสักครั้ง”
หยวนชิงหลิงเล่าสิ่งที่ได้พบได้เห็นในแคว้นต้าโจวให้นางฟัง เมื่อหยู่เหวินเห้ามาถึงก็ถวายพระพรหวงกุ้ยเฟย จากนั้นก็ไปตำหนักฉินคุนด้วยกัน