บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1045 คนที่ปลอมตัวเป็นเจ้าห้าคนนั้น
แม้ว่าหยู่เหวินเห้าได้ให้คนคอยสอดส่องหยู่เหวินจุนตั้งแต่ต้น แต่เห็นคนที่เขาไปมาหาสู่ด้วยเป็นพวกพ่อค้า ซุนฉวนหวู่คนนั้นก็ทำการตรวจสอบแล้ว เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยแห่งเจียงหนานจริงๆ จึงไม่ได้สนใจเขาอีก อาศัยความสามารถของเขาหาเงินได้แค่ไหนก็เรื่องของเขา
บวกกับเขารู้ว่าเสด็จพ่อก็มีการให้คนมาตรวจดูสถานการณ์ของหยู่เหวินจุนอยู่เป็นประจำ ถ้าหากพบว่ามีสิ่งใดผิดปกติ ในวังจะมีการส่งคนออกมาบอกกล่าว ด้วยเหตุนี้ หยู่เหวินเห้าจึงยิ่งไม่ไปใส่ใจทางด้านเขาอีก ได้แต่ยุ่งเรื่องงานของตนเอง
ในเมืองหลวงคนในราชวงศ์กับเหล่าขุนนาง ที่จริงก็อยู่ในสังคมเดียวกัน ฮูหยินรองแห่งตระกูลกู้หาเงินได้ ก็แนะนำเพื่อนที่คุ้นเคยกัน เพื่อนที่คุ้นคุยกันหาเงินได้ ก็แนะนำคนอื่นๆต่อ หลังจากเป็นเช่นนี้ไม่นาน เงินที่ไหลผ่านมือของฉู่หมิงหยางออกไป สูงถึงหลายล้านตำลึง ฉู่หมิงหยางคำนวณบัญชี แค่หักเงินจากค่าดอกเบี้ยในหนึ่งเดือนก็สามารถได้เงินเจ็ดแปดพันตำลึงแล้ว หาได้เยอะกว่าหยู่เหวินจุนมากมายนัก
นางกับหยู่เหวินจุนก็ไม่ใช่สามีภรรยาที่จริงใจต่อกัน ย่อมต้องไม่พูดถึงจำนวนเงินนี้ให้เขาฟัง ได้แต่เก็บไว้เป็นเงินส่วนตัว
เงินที่ให้กู้ไปเหล่านี้ หนึ่งเดือนแบ่งดอกเบี้ยเป็นสามงวด เพราะเงินที่ปล่อยกู้ออกไป ล้วนคิดดอกเบี้ยทุกสิบวันทั้งสิ้น มีซุนฉวนหวู่เป็นคนส่งมอบให้นาง นางค่อยแบ่งไปให้ฮูหยินท่านอื่นๆ แต่ว่าในเดือนนี้ เลยกำหนดมาสองสามวันแล้ว ก็ไม่เห็นซุนฉวนหวู่มาสักที
นี่เป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน ฉู่หมิงหยางตกใจเป็นอย่างยิ่ง เคยไปหาซุนฉวนหวู่ที่บ้านที่เขาเช่าอาศัยอยู่ ไม่มีคนอยู่ในบ้าน คนรับใช้บอกกับนางว่า ท่านซุนกลับไปยังเจียงหนาน อีกหลายวันจึงจะกลับมา
ฉู่หมิงหยางกลับไปด้วยความรู้สึกกระสับกระส่ายไม่สบายใจ ย่อมต้องอธิบายทำความเข้าใจกับเหล่าฮูหยินด้วย ดีที่ทุกคนต่างก็เชื่อนาง เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็จ่ายให้ตามกำหนดเวลามาตลอด
พอรอต่อไป ก็ถึงกำหนดเวลาต้องเก็บดอกเบี้ยในงวดที่สองแล้ว ซุนฉวนหวู่ก็ยังคงไม่กลับมา ฉู่หมิงหยางนั่งไม่ติดที่แล้ว ไปหาเขาอีกครั้งหนึ่ง
คนรับใช้บอกว่า ท่านซุนเพิ่งกลับมาถึง และมีเพื่อนอยู่ด้วย ฉู่หมิงหยางไม่สนว่าจะมีเพื่อนอะไรของเขาอยู่ด้วย ขอเพียงได้พบเขาก่อน เอาเงินแล้วค่อยว่ากันอีกที
นางจะเสี่ยงในเรื่องเช่นนี้ไม่ได้
เมื่อเข้าไปถึงโถงรับรอง ก็เห็นซุนฉวนหวู่นั่งอยู่บนเก้าอี้จริงๆ ในโถงรับรองยังมีคนอีกคนหนึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา จ้องมองมายังนางตรงๆ นางได้แต่สนใจจะทวงเงินกับซุนฉวนหวู่เท่านั้น ไม่ได้สังเกตแขกคนนั้นมากมาย พูดกับซุนฉวนหวู่ว่า “เจ้าออกมาสักครู่ ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”
ซุนฉวนหวู่เดินออกมาพร้อมกับนาง มาถึงห้องด้านข้าง ฉู่หมิงหยางก็เอ่ยด้วยเสียงร้อนใจว่า “ดอกเบี้ยก็ถึงเวลาสองงวดแล้ว ทุกคนต่างก็ร้อนใจกันมาก เจ้ารีบเขาดอกเบี้ยมาให้ข้าเร็วเข้า”
ซุนฉวนหวู่กลับนิ่งอึ้งไป “เงินอะไรกัน”
ฉู่หมิงหยางมองเขา รู้สึกตระหนกในใจ “ก็เงินที่ข้าให้เจ้าช่วยปล่อยกู้เพื่อหาดอกเบี้ยอย่างไรเล่า เจ้าต้องให้ดอกเบี้ย ไม่ ไม่ใช่ดอกเบี้ย คืนข้ามาทั้งเงินต้นทั้งดอกเบี้ย ข้าไม่ปล่อยกู้แล้ว”
นางเองก็กลัววันเวลาที่อกสั่นขวัญแขวนเหลือเกินแล้ว ถ้าหากไม่ได้เงินพวกนี้กลับคืนมา นางก็ไร้หนทางที่จะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป
ซุนฉวนหวู่ยังคงมึนงงมาก “พระชายาองค์ชายใหญ่ คำพูดของท่านเริ่มต้นจากตรงไหน ข้าน้อยเคยไปถามหาเงินทองกับท่านตั้งแต่เมื่อไหร่ ปล่อยเงินกู้เอาดอกเบี้ยอะไรกัน ทำเอาข้าสับสนมึนงงไปหมดแล้ว”
ฉู่หมิงหยางได้ยินคำพูดนี้ ก็โมโหจนร่างกายสั่นเทา “เจ้ากล้าไม่ยอมรับหรือ”
“ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ข้าน้อยไม่เคยเอาเงินของท่านเลยจริงๆ ท่านจำผิดหรือไม่” ซุนฉวนหวู่สองมือกอดอก ถามขึ้น
ฉู่หมิงหยางโมโหจนฟาดฝ่ามือลงไปทันที “เจ้ากล้าหลอกลวงข้า”
ซุนฉวนหวู่ก็ไม่หลบ ถูกตบเข้าอย่างจังหนึ่งฉาดใหญ่ สีหน้าเข้มขึ้นมาเล็กน้อย “พระชายาองค์ชายใหญ่ ขอท่านได้โปรดระวังด้วย ท่านหาว่าข้าเอาเงินของท่านไป ท่านต้องเอาหลักฐานออกมายืนยัน ข้าเคยเขียนจดหมายยืมให้ท่านหรือไม่”
ฉู่หมิงหยางได้ยินคำพูด แม้แต่ความคิดที่อยากจะตายก็ผุดขึ้นมาแล้ว ใช้มือคว้าหมับไปที่หน้าอกของซุนฉวนหวู่เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “เจ้าไม่สามารถหักหลังหลอกกันอย่างไร้น้ำใจกับข้า เงินเหล่านั้นไม่ใช่เงินของข้า ข้าเองก็ยืมมา เจ้าอย่าทำร้ายข้าให้ตาย รีบคืนข้ามา ไม่เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปพบขุนนาง”
ซุนฉวนหวู่ผลักนางออก พูดเสียงเย็นชาว่า “ท่านไปฟ้องร้องกับทางการได้เต็มที่ ข้าไม่เคยเอาเงินของท่านมาก่อน แม้จะฟ้องร้องแล้วก็ไม่สามารถเอาผิดต่อข้าได้ พระชายาองค์ชายใหญ่ ท่านกลับไปเถอะ”
ฉู่หมิงหยางโมโหจนควันออกหู ชี้หน้าซุนฉวนหวู่และพูดอย่างโมโหว่า “เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะสามารถรังแกได้ง่ายๆ ถ้าไปพบกับขุนนางแล้วจริงๆเจ้าก็อย่าคิดว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงได้อีก เจ้าของเงินเหล่านั้น สามีของพวกนางถ้าไม่ใช่คนร่ำรวยก็เป็นคนสูงศักดิ์ เจ้าล่วงเกินไม่ได้”
ซุนฉวนหวู่ยิ้มเย็น “จริงหรือ ข้าได้ยินว่าราชสำนักมีคำสั่งเข้มงวด คนในตระกูลของราชวงศ์หรือเหล่าขุนนางทั้งหลายห้ามปล่อยกู้ส่วนตัวอย่างเด็ดขาด นี่เป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายบ้านเมือง พวกนางคงไม่มีทางรู้ว่าผิดกฎหมายแต่ก็ยังทำกระมัง ”
ฉู่หมิงหยางสูดลมหายใจเย็นๆหนึ่งเฮือก เอ่ยอย่างโมโหว่า “ที่แท้เจ้าก็วางแผนการชั่วร้ายไว้ตั้งแต่ต้น เจ้าซุนฉวนหวู่ตัวดี ถ้าเจ้าไม่คืนเงินมาให้ข้า ข้าจะขอสู้ตายกับเจ้า”
ซุนฉวนหวู่สะบัดแขนเสื้อ “ได้ ข้าก็ถือโอกาสรับการสั่งสอนอย่างร้ายกาจจากพระชายาองค์ชายใหญ่สักหน่อย”
ฉู่หมิงหยางเดิมทีก็เคยฝึกวิทยายุทธมาบ้าง ตอนนี้เห็นท่าทียืนกรานไม่ปฏิเสธของซุนฉวนหวู่เงินหลายล้านตำลึงนั้นนางไม่มีทางคืนได้แน่ ถ้าหากไม่ทวงถามเอาคืนจากเขา นางก็ไม่รู้จะวางตัวอย่างไรแล้ว ฉะนั้นเงื้อฝ่ามือขึ้นฟาดฟันลงไปทันที
เดิมคิดว่าซุนฉวนหวู่คนนั้นเป็นแค่พ่อค้าธรรมดา ไม่รู้จักวรยุทธ กลับคาดไม่ถึงว่าฝ่ามือของนางยังไม่ทันไปถึง ซุนฉวนหวู่กลับบิดข้อมือของนางผลักไปทางระเบียงด้านหน้า ผลักจนนางไปชนเข้ากับเสากลมต้นหนึ่ง ศีรษะรู้สึกปวดขึ้นมา เกือบจะเป็นลมไปแล้ว
ซุนฉวนหวู่เอ่ยเสียงเย็นว่า “พระชายาองค์ชายใหญ่อย่ารังแกข้าเพียงเพราะคิดว่าข้าเป็นคนบ้านนอก ถ้าหากข้าน้อยเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ คนในเมืองหลวงไม่น้อยจะออกมาปกป้องข้าน้อย ”
พูดจบ ร่างที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมก็สั่งการคนใช้ที่อยู่ไกลออกไปว่า “ไล่นางออกไป”
ทันใดนั้นก็มีคนเข้ามาจับตัวฉู่หมิงหยางและลากตัวนางออกไป โยนออกนอกประตู ปิดประตูลง ฉู่หมิงหยางโมโหจนทุบประตูร้องตะโกนอยู่ข้างนอก ดึงดูดให้คนรอบข้างเข้ามามุงดู นางจะเสียหน้าไม่ได้ ได้แต่จากไปก่อนค่อยวางแผนใหม่ทีหลัง
ภายในบ้าน ซุนฉวนหวู่กลับไปยังโถงรับรอง พูดยิ้มๆว่า “ปลากินเหยื่อแล้ว”
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ได้แต่ยิ้มบางๆ มองที่หน้าประตูราวกับกำลังใช้ความคิด “ผู้หญิงคนหนึ่งถ้าหากมีใจโลภมาก สุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร”
ซุนฉวนหวู่ยิ้มพลางพูดว่า “ท่านหลิน ท่านกับนางก็เคยมีวาสนาที่เหลวไหลต่อกันมิใช่หรือ”
คนที่ถูกเรียกขานท่านหลินก็หัวเราะขึ้นมา “ใช่ เสียดายที่ตอนนั้น นางคิดว่าข้าเป็นหยู่เหวินเห้า ตอนนั้นไม่ได้ใช้นาง ยังดี กรรมเกวียนกงเกวียน ในที่สุดนางก็ถูกข้าใช้งาน ”
ซุนฉวนหวู่พูดว่า “มีเงินหลายล้านตำลึงอยู่ในกำมือของข้า ยังจะกังวลว่านางไม่เชื่อฟังอีกหรือ”
“ให้นางร้อนใจไปสักระยะก่อน ถ้าหากถูกบีบจนไร้หนทางแล้ว นางเองก็ไม่คงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ” ท่านหลินเหลือบสายตาขึ้นมา ถามว่า “ใบผ่านทางของข้าทำเรียบร้อยหรือยัง”
“ยังต้องรออีกสองวัน เรื่องนี้หยู่เหวินจุนทำได้” ซุนฉวนหวู่พูด
ท่านหลินยิ้มเย็น “ตอนนี้หยู่เหวินจุนค้นหาตัวข้าให้ทั่วเมืองหลวง เขาเองก็คงจะรู้ว่าข้าต้องทำการแปลงโฉมแน่ ฉะนั้นจึงได้ทำการตรวจใบผ่านทางทั่วเมืองหลวงอย่างเข้มงวด แต่ว่า เขาเองก็คงจะคิดไม่ถึงแน่ ข้าจะทำใบผ่านทางจากกรมการพระนครสักใบ เป็นเรื่องที่ง่ายดายแค่ไหน ขุนนางที่หยู่เหวินจุนแนะนำให้รู้จัก ตอนนี้ที่สามารถบีบให้อยู่ในกำมือได้มีกี่คนแล้ว”
“ไม่มาก แต่ข้าได้ยินมาว่าพระชายาจี้องค์ก่อนมีเส้นสายในมืออยู่มากมาย และนางยังกุมจุดอ่อนของเหล่าขุนนางพวกนั้นไว้ด้วย ถ้าหากสามารถหาจุดอ่อนเหล่านั้นมาอยู่ในมือได้ ก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าพวกเขาจะไม่ทำงานให้พวกเรา”
“พระชายาจี้ ”ท่านหลินหรี่ตาลง ริมฝีปากยิ้ม “ข้ารู้จักนาง ฮูหยินเหยา ”