บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1047 เข้าตาจนไร้ทางไป
เมื่อมีความคิดเช่นนี้ จึงเอ่ยด้วยความกังวลใจว่า “ที่จริงมีเรื่องหนึ่ง ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่”
“เรื่องอะไร”ฮูหยินรองถามขึ้น
ฉู่หมิงหยางกดเสียงให้ต่ำลง “ข้าเองก็แค่ได้ยินจากปากของท่านปู่มาเท่านั้น จริงหรือไม่ไม่รู้ พวกท่านไปแยกแยะกันเองเถอะ ท่านปู่บอกว่าที่เหลิ่งจิ้งเหยียนคนนั้นยังไม่แต่งงานจนกระทั่งถึงตอนนี้ ที่จริงนั้นมีเรื่องราวภายใน ”
“เรื่องราวภายใน เรื่องอะไร”ฮูหยินรองรู้สึกระแวงขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ฉู่หมิงหยางคิดขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน บวกกับความรู้สึกที่สับสนวุ่นวาย ไม่สามารถทำให้เรื่องราวสมบูรณ์ได้ เรียบเรียงอย่างส่งเดชและพูดว่า “เหลิ่งจิ้งเหยียนคนนั้นเดิมทีก็มีคนรักอยู่แล้ว เพียงแต่มีปัญหาที่ ……เอาเป็นว่าไม่สามารถแต่งงานเข้าเรือนมาได้”
“มีคนรัก”ฮูหยินรองขมวดคิ้วขึ้นมา “เหลิ่งจิ้งเหยียนเป็นคนมุ่งมั่นตั้งใจในการเรียนไม่สนเรื่องใจเรื่องอื่น ทำไมยังไม่แต่งงานก็มีคนรักแล้ว แล้วทำไมจึงไม่แต่งเข้าบ้านเล่า”
“แต่งไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว”ฉู่หมิงหยางคิดอยู่หลายตลบก็คิดไม่ออกจริงๆว่าจะให้เป็นหญิงสาวบ้านไหน จึงอ้าปากและพูดออกไป ว่า “เขากับพระชายารัชทายาทหยวนชิงหลิงติดต่อกันอย่างลับๆหลายปีแล้ว”
ฮูหยินรองกับกู้คางมั่นรู้สึกตกใจในทันที “อะไรนะ”
ฉู่หมิงหยางกล่าวเตือนว่า “เรื่องนี้ข้ารู้มานานแล้ว แต่ไม่ได้บอกพวกท่านมาตลอด พวกท่านก็อย่าได้ไปพูดเหลวไหลข้างนอก แค่รู้และเก็บไว้ในใจก็พอ ไม่เช่นนั้นท่านปู่ต้องตีข้าตายแน่ถ้ารู้ว่าข้าเป็นคนพูด ส่วนเรื่องจะให้น้องสาวแต่งงานหรือไม่ ท่านน้าก็พิจารณาเองแล้วกัน ”
ฮูหยินรองไม่ค่อยเชื่อคำพูดนี้ “ความสัมพันธ์ของสองสามีภรรยารัชทายาทก็ไม่เลวนี่นา ดูแล้วหยวนชิงหลิงก็ไม่เหมือนคนประเภทนั้น”
“คนจะดูแค่ภายนอกไม่ได้ แต่ว่า เรื่องจริงหรือเท็จข้าก็ไม่รู้จริงๆ เป็นท่านปู่ที่บอก”ฉู่หมิงหยางพูด
โสวฝู่เป็นคนพูด เช่นนั้นต้องเป็นเรื่องจริงแน่ ทันใดนั้นในใจของฮูหยินรองก็เกิดความรู้สึกรังเกียจขึ้นมา ที่เกลียดชังมากที่สุดก็คือเรื่องชายโฉดหญิงชั่วเช่นนี้ โดยเฉพาะหนึ่งในนั้นยังเป็นพระชายาของรัชทายาทองค์ปัจจุบัน
กู้คางมั่นเองก็เห็นได้ชัดว่าเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา นางเคยพบเหลิ่งจิ้งเหยียนไม่กี่ครั้ง ขุนนางที่ดูอบอุ่นอ่อนโยน หัวใจของสาวน้อยได้มอบให้กับเขาไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้รู้ว่าเขาทำเรื่องที่ฉาวโฉ่เช่นนี้ อย่าพูดถึงใจว่าจะบอบช้ำแค่ไหนเลย
ทันใดนั้นนางก็รู้ขึ้นมา เอ่ยอย่างชิงชังว่า “ต้องเป็นหยวนชิงหลิงที่ยั่วยวนเขาแน่”
ฮูหยินรองเห็นท่าทีของลูกสาว ก็รู้สึกสับสนขึ้นมาทันที ตระกูลกู้เป็นตระกูลขุนนาง จะหาตระกูลขุนนางอื่นนั้นไม่ยาก แต่ว่าตระกูลกู้เป็นตระกูลขุนนางที่ใสสะอาด เหลิ่งจิ้งเหยียนยังเป็นคนที่ฮ่องเต้ให้ความเชื่อใจ รับใช้อยู่ข้างพระวรกายฮ่องเต้ ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรัชทายาทก็ดีมาก เป็นลูกเขยในอุดมคติอย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับลูกหลายของตระกูลขุนนางบางคนแล้ว เขาโดดเด่นมากจริงๆ ลูกหลานของตระกูลขุนนางมากมายได้แต่หางานในกรมทำตามอำเภอใจเท่านั้น รอรับเงินจากการเก็บภาษีมาเลี้ยงตัวเอง ไม่สามารถพึ่งพาได้
“ท่านแม่ ”กู้คางมั่นทั้งโมโหทั้งเสียใจ แล้วก็นั่งลงไปอีกครั้งดึงแขนเสื้อของฮูหยินรองเอาไว้ “ลูกไม่สน ถ้าไม่ใช่ใต้เท้าเหลิ่งลูกไม่แต่งงานเด็ดขาด”
ฮูหยินรองปลอบใจนางครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปทางฉู่หมิงหยาง “แล้วตอนนี้พวกเขาตัดขาดกันหรือยัง”
ฉู่หมิงหยางยักไหล่ “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้แล้ว แต่ว่า เมื่อเทียบใต้เท้าเหลิ่งกับรัชทายาทแล้ว ไม่พูดถึงอำนาจ เช่นนั้นใต้เท้าเหลิ่งต้องชนะอย่างแน่นอน ”
ฮูหยินรองยังคงรู้สึกว่าไม่ค่อยน่าเชื่อสักเท่าไหร่ หยวนชิงหลิงเป็นพระชายารัชทายาท ภายหน้านางจะต้องขึ้นเป็นฮองเฮา ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมา แม้แต่จะตายดีๆก็ยังทำไม่ได้ และใต้เท้าเหลิ่งเองดูแล้วก็ไม่ใช่คนเลอะเลือนถึงปานนั้น ถ้าหากเขาต้องการหญิงสาว มีหญิงสาวแบบไหนที่ไม่สามารถได้มา
แต่ว่าเรื่องนี้ดันเป็นโสวฝู่ที่พูดออกมา
ฉู่หมิงหยางเกลียดชังหยวนชิงหลิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อสร้างข่าวลือนี้ขึ้นมา นางเองก็ราวกับจะเชื่ออย่างสนิทใจ เอ่ยด้วยเสียงเกลียดชังว่า “หยวนชิงหลิงเดิมทีก็เป็นคนต่ำช้า พวกท่านอย่าลืมว่าตอนนั้นนางแต่งงานกับรัชทายาทได้อย่างไร ใช้แผนการอันสกปรกร่วมกับเจ้าพระยาจิ้งถึงขั้นนั้น ตอนนี้ข้าพูดขึ้นมาแล้วยังรู้สึกเป็นเสนียดแก่ปาก แต่ถ้าจะถามความเห็นข้า คงจะไม่เห็นด้วยที่น้องสาวจะแต่งกับใต้เท้าเหลิ่งอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าจะเป็นแผนการหรือการยั่วยวนของหยวนชิงหลิง เรื่องนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ภายหน้าเมื่อนึกขึ้นมา จะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างไร ”
กู้คางมั่นร้องไห้ออกมา “แล้วจะทำอย่างไรดี ”
ฮูหยินรองรู้สึกสับสนในใจ“มั่นเอ๋อ เอาอย่างนี้ ไม่พิจารณาตระกูลกู้แล้วดีหรือไม่”
กู้คางมั่นไหนเลยจะยินดี หัวใจที่เต็มไปด้วยความรักได้มอบไว้ที่ตัวของเหลิ่งจิ้งเหยียนไปหมดแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมาจะแสร้งทำเป็นหยิ่งยโสพูดนั่นพูดนี่ แต่ในใจนางกลับยืนกรานจะแต่งงานกับเหลิ่งจิ้งเหยียนแล้ว นางร้องไห้และพูดว่า “ท่านแม่ ถ้าหากเขากับหญิงต่ำช้าคนนั้นตัดขาดไม่ไปมาหาสู่กันแล้ว ข้าก็ไม่ถือสา ท่านให้พี่ชายไปสืบข่าวดู ”
ฉู่หมิงหยางได้ยิน ก็รีบพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าให้กู้ซือไปสืบข่าวอย่างเด็ดขาด กู้ซือใกล้ชิดกับรัชทายาท เขารู้แล้วต้องบอกให้รัชทายาททราบแน่นอน รัชทายาทจะทนการเหยียดหยามได้อย่างไร ต้องหาตัวใต้เท้าเหลิ่งเพื่อสะสางแน่นอน ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ชื่อเสียงของใต้เท้าเหลิ่งที่ต้องย่อยยับ ยังเป็นไปได้ว่าอาจถึงแก่ชีวิต”
ฮูหยินรองฟังแล้วรู้สึกซับซ้อนมาก หัวใจก็ยิ่งรู้สึกเสียดาย ก็ไม่ใช่คนดีอะไรแล้ว แต่ลูกสาวดึงดันจะแต่งงานด้วย ตอนนี้คงได้แต่ปลอบใจกันไปก่อน
ฉู่หมิงหยางไปจากบ้านตระกูลกู้ กลับไปถึงบ้านด้วยหัวใจที่เป็นกังวลอย่างยิ่ง
ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งจะย่างเข้าประตูบ้าน ก็เห็นหยู่เหวินเห้านั่งอยู่ในโถงใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และสาวรับใช้กับข้ารับใช้ต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทา ใบหน้าบูดบวมขึ้นมาอย่างมาก ดูท่าแล้วคงจะถูกทุบตี
หัวใจของนางหวาดกลัว แสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้และยิ้มออกมา “ทำไมวันนี้จึงได้กลับมาเร็วนัก”
หยู่เหวินจุนจ้องมองนาง “พูด ตั๋วเงินของข้าเจ้าเป็นคนเอาไปใช่หรือไม่ ”
ฉู่หมิงหยางนิ่งอึ้ง “ตั๋วเงินอะไร ข้าจะเอาตั๋วเงินของท่านได้อย่างไร”
หยู่เหวินจุนตบโต๊ะดังปัง กระทืบเท้ายืนขึ้นเอ่ยด้วยเสียงโมโหสุดขีด “ตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงของข้าหายไปแล้ว ประตูไม่ได้ถูกงัด ต้องเป็นขโมยในบ้านเอาไป ใครกันแน่เป็นคนเอาไป ถ้าหากไม่สารภาพข้าจะไปแจ้งทางการ”
เมื่อได้ยินว่าจะไปแจ้งทางการ ฉู่หมิงหยางก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ยิ้มอย่างละอายเดินเข้าไป “อย่ารีบร้อยไปแจ้งทางการ ในเมื่อไม่มีการงัดประตู เช่นนั้นต้องเป็นโจรในบ้านขโมยแน่ ให้ข้ามาสอบสวนพวกเขาดีกว่า”
หยู่เหวินจุนมองนางด้วยสายตาขุ่นมัว “เจ้าจะสอบสวน”
ฉู่หมิงหยางกลัวสายตาเช่นนี้ของเขามาก รู้สึกบรรยากาศรอบตัวไม่สบายขึ้นมา“ ทำไม ท่านสงสัยข้าหรือ”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือออกไปทันที ควักไปที่บริเวณหน้าอกของนาง แล้วก็เอากุญแจออกมา หยู่เหวินจุนสูดลมหายใจเย็นๆเข้าไปหนึ่งเฮือก เอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “เป็นเจ้าจริงๆ”
ฉู่หมิงหยางเห็นเขากราดเกรี้ยวขึ้นมา รีบเดินออกไปข้างนอกทันที แต่นางไหนเลยจะหลบฝ่ามือของหยู่เหวินจุนพ้น เขายกมือขึ้นและฟาดลงไปที่ศีรษะของนาง ตบจนร่างของนางโถมตัวล้มลงไปกับพื้นทันที จากนั้นก็ตามด้วยการเตะต่อย ทุบตีจนฉู่หมิงหยางแทบจะสลบจนตายไปแล้ว
ทุบตีจนนางไร้ทางเคลื่อนไหวได้ จึงค้นตัวนางทั้งหมด ไม่มีตั๋วเงินแล้ว เขาดึงผมของนางขึ้นมา แล้วก็ตบลงไปฉาดใหญ่
“คนต่ำช้า พูด เงินของข้าหายไปไหนหมด”
มุมปากของฉู่หมิงหยางมีเลือดไหลออกมา ร้องไห้พลางพูดว่า “ข้าไม่รู้ ข้าไม่ได้เป็นคนเอาไป กุญแจนั้นข้าเก็บได้ที่พื้น ข้าไม่ได้เอา”
“ยังไม่ยอมรับ ”หยู่เหวินจุนใบหน้าบิดเบี้ยว แล้วก็ฟาดฝ่ามือตบลงไปอีกครั้ง ตบจนฉู่หมิงหยางหน้าหัน ฉู่หมิงหยางดิ้นรนอยู่หลายที คว้าเก้าอี้ที่อยู่บนพื้น ทุบไปที่หัวของเขา
หยู่เหวินจุนไม่ทันระวังว่านางจะสามารถตอบโต้ ไม่ได้หลบหลีก เก้าอี้ทุบลงมาทำให้หัวแตกมีเลือดไหลทันที สลบลงไปกับพื้น
ฉู่หมิงหยางหอบหายใจเฮือกใหญ่ๆ เห็นสาวใช้กับข้ารับใช้เข้าไปช่วยหยู่เหวินจุนห้ามเลือด นางก็รีบกลับไปเก็บข้าวของที่ห้องทันที แต่เมื่อหอบข้าวของเอาไว้ในมือ นางกลับไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี กลับไปทั้งที่ใบหน้าเขียวช้ำเช่นนี้ ท่านปู่ต้องถามแน่ อีกอย่าง นางได้ถูกคนใกล้ชิดตีตัวออกห่างมานานแล้ว สุดท้ายท่านปู่ก็ต้องส่งนางกลับมาอยู่ดี
นึกขึ้นมาได้เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเป็นซุนฉวนหวู่ที่ทำให้นางต้องเดือดร้อนเช่นนี้ หัวใจก็เต็มไปด้วยโทสะ ทิ้งสิ่งของทั้งหมดวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อจะไปคิดบัญชีกับซุนฉวนหวู่