บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1052 รู้ทันเล่ห์เหลี่ยม
งานเลี้ยงวันนี้ เหลิ่งจิ้งเหยียนก็มา วันนี้ไม่ได้สวมใส่ชุดสีขาวอย่างเห็นได้น้อยครั้งมาก ได้สวมด้วยชุดสีฟ้าทั้งตัว ตรงหน้าอกเสื้อยังปักลายดอกไม้ไว้หนึ่งดอก มองดูแล้วค่อนข้างมีเสน่ห์ยั่วยวนจริงๆ
ผู้ชายกลุ่มใหญ่กำลังคุยกันอยู่ในห้องโถงหลัก อ๋องซุน อ๋องฉี อ๋องหวย อ๋องชุน อ๋องอานก็มาแล้ว แต่ไม่ได้พูดคุยอยู่กับทุกคนไปข้างใน ไปเดินเล่นอยู่ภายในจวนอ๋องฉู่คนเดียว เขาไม่ได้อยากมาก แต่พระชายาอานต้องการมา เขาไม่วางใจนาง จึงจำต้องตามมา หลังจากมาแล้วก็เข้ากับทุกคนไม่ได้ ดังนั้นจึงออกไปเดินเตร่อยู่ลำพังอย่างเหงาหงอย
หยู่เหวินเห้าก็จ้องมองแต่ดอกไม้บนหน้าอกของเขา รู้สึกบาดตา ไม่คุ้นเคยกับการที่เหลิ่งจิ้งเหยียน สวมใส่ชุดมีสีสันสดใสเช่นนี้
คิดถึงคำพูดของเจ้าหยวน เขาหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “อาเหยียน ข้างนอกมีคำร่ำลือเกี่ยวกับเจ้า เจ้ารู้หรือไม่?”
“อืม?” เหลิ่งจิ้งเหยียนเงยหน้ามองดูเขา ดวงตาสดใส ในมือถือแก้วชาไว้ นิ้วมือของเขาเรียวยาวขาวผ่อง แสงแดดอ่อนๆสาดส่อง เป็นประกายแวววาว
ทุกคนได้ยินว่ามีคำร่ำลือของเหลิ่งจิ้งเหยียน ต่างก็ประหลาดใจอย่างมาก ต่างก็เงยหน้าหันมามองดูหยู่เหวินเห้า เหลิ่งจิ้งเหยียนคนที่ไร้ที่ติคนนี้ มีคนนินทาเขาด้วยหรือ? กู้ซือรู้ดีแก่ใจ ก็หัวเราะขึ้นมา
เพราะคนที่อยู่นอกจากพี่น้องไม่กี่คนแล้วก็คือกู้ซือ ล้วนเป็นคนกันเอง และกู้ซือก็รู้อยู่แล้ว ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่หรือ? บอกว่าเขากับฮูหยินขุนนางคนหนึ่งมีอะไรกัน”
อ๋องชินทุกคนล้วนหัวเราะเสียงดัง นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? คำพูดนี้ไร้สาระอย่างมาก
อ๋องซุนหัวเราะเสร็จแล้ว ก็พูดหยอกล้อขึ้นว่า “ข้ายังหวังอยากที่จะให้เป็นความจริง อย่างน้อยนั่นก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าใต้เท้าเหลิ่งไม่ใช่ชายรักชาย”
ใต้เท้าเหลิ่งถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “บอกว่าข้ามีความสัมพันธ์กับฮูหยินขุนนางคนไหนหรือ? อายุมากหรืออายุน้อย?”
“ไม่รู้ พระชายารัชทายาทให้ทังหยางออกไปสืบแล้ว เดี๋ยวกลับมาก็รู้” หยู่เหวินเห้าหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
อ๋องฉีมองดูเหลิ่งจิ้งเหยียน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่โกรธหรือ?”
เหลิ่งจิ้งเหยียนดื่มชาอยู่อย่างเชื่อช้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้ทำอะไร มีอะไรน่าโกรธ?”
“นิสัยของเจ้าจะเป็นที่รักหรือที่ชังก็มิได้ใส่ใจจริงๆ ไม่มีความเหมือนคน แล้วก็ดูรูปร่างหน้าตาของเจ้านี้สิ ช่างทำให้คนน่าสงสัยว่าเจ้าเป็นเทพมาจุติ” อ๋องซุนเอามือจับปลายคาง พร้อมพูดขึ้นอยากยิ้มแย้ม
ทุกคนที่นั่งอยู่ ภาคภูมิใจอย่างมาก คิดว่านี่เป็นช่วงชีวิตของอ๋องซุน พูดชอบคนได้อย่างถูกต้องที่สุด
คืนนี้อ๋องชุนค่อนข้างเหม่อลอย สายตามองอยู่ด้านนอกตลอด ดื่มชามากว่าครึ่งชั่วโมง วิ่งไปเข้าห้องน้ำตั้งสามรอบแล้ว ต่อมาเห็นพวกผู้หญิงเดินผ่านหน้าประตูห้องโถงใหญ่ สายตาของเขาก็จับจ้องมองในทันที จนมองไม่เห็นใครแล้ว ยังนิ่งงันไม่ยอมล่ะสายตา
อ๋องฉีรู้สึกแปลกใจ มองดูเขาพร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าเก้า เจ้าเป็นอะไร? จ้องมองดูใครหรือ?”
สายตาอ๋องชุนยังแดงก่ำ สักพักที่ได้ยินเสียงอ๋องฉีเรียกเขา ก็พูดขึ้นมาลอยๆว่า “หมันเอ๋อเจ้าพูดว่าอะไร?”
เขาเรียกชื่อผิดแล้วยังไม่รู้ตัว ใช้สายตามองดูอ๋องฉีอย่างจริงจัง เหมือนดั่งเขาไม่เคยเหม่อลอย ยังฟังพวกเขาพูดคุยกันอยู่ตลอด
เมื่อมองเห็นทุกคนมองดูเขาอย่างแปลกประหลาด ค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองเผลอพูดชื่อของหมันเอ๋อออกมา สีหน้าเขินอายขึ้นมาทันที คอก็แดงไปหมด พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้า…ข้าคือ….ตั้งหลายเดือนไง อยู่กับนางมาตลอด เรียกจนชินแล้ว ไม่ได้มีความหมายเป็นอื่น”
อ๋องฉีพูดขึ้นว่า “เสร็จแน่แล้ว ดูสีท่าแล้วมีความรัก เจ้าห้า เจ้าให้หวงกุ้ยเฟยหาคู่ให้กับเขาไม่ดีหรือ?”
“อืม เดี๋ยวให้พี่สะใภ้รองของเขาช่วยเขาหา ดูสิว่าสาวบ้านไหนดี”
“ไม่เอา ไม่เอา ข้าไม่มี…..” เจ้าเก้ากระทืบเท้า พร้อมพูดขึ้นอย่างเขินอายว่า “ข้ายังอายุน้อย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้”
“ยังน้อย? เจ้ายังพูดอยู่ตลอดว่าเจ้ายี่สิบแล้วไม่ใช่หรือ?” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
เรื่องงานแต่งของน้องชาย ในฐานะที่เป็นพี่ชายหลายคนจะไม่ให้ความสนใจได้อย่างไร? ทันใดนั้นก็พูดถึงหญิงสาวแต่ละตระกูลขึ้นมากันอย่างสนุกสนาน
เจ้าเก้าทั้งเขินอายทั้งร้อนใจ พูดอธิบายก็ไม่ได้ ฟังพวกเขาพูดถึงหญิงสาวตระกูลไหนดี หญิงสาวตระกูลไหนดีที่สุด เขาไม่อยากฟังเลยสักนิด
หยู่เหวินเห้ามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นในทันใดว่า “งั้นไม่ก็หมันเอ๋อล่ะกัน”
“ไม่ ข้ายังไม่อยากแต่งงาน เลื่อนไปอีก…..” หมันเอ๋อ? เมื่อกี้เจ้าห้ายังโบกมือส่ายหัว เมื่อได้สติกลับมาได้ยินพี่ห้าถูกว่าหมันเอ๋อ ก็นิ่งอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เอ่อ ที่จริง ยี่สิบก็ไม่น้อยแล้ว แต่งงานตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ปักหลักปักฐานเร็วๆ”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะพร้อมก่นด่าว่า “ดูท่าทีเจ้าสิ รู้แต่แรกแล้วว่าเจ้ากับหมันเอ๋อ เป็นไอ้เหี้ยมองถั่วเขียว ชอบพอใจแล้ว”
มือทั้งคู่ของเจ้าเก้าถูเข่าอยู่หลายที ยิ้มหัวเราะอย่างเขินอาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้หมายความเช่นนี้ ก็ยังไงก็ต้องแต่งงาน สาวบ้านไหนไม่เหมือนกันหรือ? ข้าก็ไม่เลือก”
“มีประโยคนี้ก็พอ เดี๋ยวให้หวงกุ้ยเฟยจัดงานเลือกพระชายาให้เจ้า” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
เจ้าเก้ากระทืบเท้า พูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “พี่ห้า”
ทุกคนเห็นท่าทีเขินอายของเจ้าเก้า ในใจต่างก็ถอนหายใจอย่างหนักใจ แม้แต่เจ้าเก้าก็จะแต่งงานแล้ว วันเวลาผ่านไปไหนหมด?
ทางด้านเจ้าเก้าได้ความแน่นอนแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นหยู่เหวินเห้าก็ให้หยวนชิงหลิงไปถามหมันเอ๋อ
ที่ไหนได้ ยังไม่ทันได้ถามหมันเอ๋อ ทังหยางก็กลับมารายงานว่า “เรื่องใต้เท้าเหลิ่ง สืบได้ความมาว่า ด้านนอกไม่มีคนพูด แต่ใต้เท้ากู้พูดว่า สาวใช้ข้างกายฮูหยินรองตระกูลกู้ บอกว่าเรื่องนี้ไม่กล้าพูดเพ่งพายออกไป กลัวถูกฮูหยินรองจัดการ”
“ฮูหยินรองตระกูลกู้เป็นคนพูด?” หยู่เหวินเห้าตะลึง พร้อมถามขึ้นว่า “นางสร้างเรื่องว่าร้ายเหลิ่งจิ้งเหยียนทำไม? ลูกสาวของนางชอบเหลิ่งจิ้งเหยียนไม่ใช่หรือ? จิ้งเหยียนปฏิเสธนางก็เลยโกรธหรือ?”
“ไม่ใช่ สาวใช้คนนั้นพูดว่าไม่ใช่ฮูหยินรองเป็นคนพูด ฮูหยินรองห้ามไม่ให้พูดเพ่งพายออกไป ที่จริงคำพูดนี้ก็ไม่ได้เพ่งพายออกไป ฮูหยินรองฟังมาจากพระชายาองค์ชายใหญ่ แล้วไปถามใต้เท้ากู้ ใต้เท้ากู้ยังพูดว่าเป็นคำร่ำลือของคนภายนอก จึงมาบอกให้รู้ ที่จริงด้านนอกไม่มีใครพูดถึง คำพูดนี้ออกมาจากปากของพระชายาองค์ชายใหญ่ก่อน สาวใช้คนนั้นได้เงินไปห้าตำลึง ถือว่ายอมสารภาพแล้ว นั่นก็ไม่ใช่ฮูหยินของขุนนางอะไร แค่พูดว่าใต้เท้าเหลิ่งกับพระชายารัชทายาทของเรา มีความสัมพันกันอย่างเป็นความลับ แล้วก็คบกันมาเป็นเวลานานมากแล้ว”
สีหน้าหยู่เหวินเห้าดำขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “อะไร? เป็นนางอีกแล้ว?”
ทังหยางพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “ไม่ผิด เป็นพระชายาองค์ชายใหญ่อีกแล้ว”
“แมลงร้อยขา(ตะขาบ) ตายแต่กลับไม่แข็งจริงๆ” หยู่เหวินเห้าเกลียดชังพี่น้องตระกูลฉู่จนเข้ากระดูกจริงๆ อยากที่จะหักคอของนางทิ้งเสียทีเดียว จะได้ไม่ก่อเรื่องอะไรอีก
สำหรับเจ้าห้า ฉู่หมิงหยางก็เหมือนกับหนอนชอนไช ฆ่าตายแล้วก็แปะเปื้อนมือของตนเอง ไม่ฆ่าตายก็จะคืบคลานมาบนใบหน้าเป็นบางครั้ง น่าสะอิดสะเอียนยิ่งนัก
หยวนชิงหลิงรู้สึกเหลวไหล ก็ไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะใครก็เชื่อถือไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็พูดขึ้นว่า “เดิมผิงเอ๋อเคยพูดไว้ ฉู่หมิงหยางคนนั้นไปมาหาสู่ฮูหยินรองอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้พวกน่าจะเป็นญาติกัน แต่ปกติไปมาหาสู่กันน้อยครั้งมาก ตอนนี้สนิทสนมกันขึ้นมาอย่างกะทันหัน และอยู่ในระหว่างที่คุณหนูห้ากำลังคุยเรื่องแต่งงานกับตระกูลเหลิ่ง มีข่าวเช่นนี้ร่ำลือออกมา ต้องการอะไรแอบแฝง? ยังไงก็ต้องสืบดู ต้องป้องกันการที่จะมีคนหลอกใช้ฉู่หมิงหยาง”
เจ้าห้าหงุดหงิดอย่างที่สุด พร้อมพูดขึ้นว่า “คนพวกนี้ทำไมไม่รู้จักหลาบจำบ้าง? มีชีวิตอยู่อย่างสงบไม่ดีหรือ?”
“คนเราล้วนชอบดิ้นรน ไม่เป็นไร สั่งคนคอยจับตาดูไว้ก็ไม่เสียหาย” หยวนชิงหลิงพูดปลอบ
เจ้าห้ามองดูคิ้วสดใสของนาง ยื่นมือปิดตาของนางไว้ ไม่สนใจว่ามีทังหยางอยู่ด้วย จูบหน้าผากหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้ากับเหลิ่งจิ้งเหยียน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีอะไรกัน แต่คำพูดนี้ ฟังแล้วในใจรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ”