บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1055 แผนซ้อนแผน
ฮูหยินรองกู้ได้ฟังเช่นนี้ เมื่อคิดดูก็เข้าใจแล้ว ถึงว่าทำไมถึงพูดใส่ร้ายใต้เท้าเหลิ่งมาตลอด ที่แท้ก็ไม่ใช่ต้องการทำลายชื่อเสียงพระชายารัชทายาทจริงๆ แต่เป็นการขัดขวางงานแต่งในครั้งนี้ งานแต่งงานตกลงไม่ได้ ก็มีข้ออ้างที่จะไม่เอาเงินกลับมา คิดถึงวันนั้นก็พูดถึงว่าจะเอาเงินกลับมา นางค่อยพูดเรื่องของใต้เท้าเหลิ่งกับพระชายารัชทายาทขึ้นมา ช่างเป็นคนที่มีความคิดเล่ห์เหลี่ยมลึกจริงๆ
ฮูหยินรองกู้เห็นว่าไม่สามารถเอาเงินคืนกลับมาได้ ก็ไม่กล้ามีเรื่องกับนาง เพียงแค่ยิ้มพูดขึ้นว่า “ข้าสั่งคนไปสืบดู ว่าที่ผ่านมาระหว่างพวกเขามีอะไรกันหรือเปล่าไม่รู้ แต่สองปีมานี้ไม่ได้ไปมาหาสู่กันอย่างแน่นอน ก็ช่างเถอะ ผู้ชายคนไหนไม่เคยผ่านอะไรมาบ้าง? สุดท้ายรู้จักควบคุมตนเองก็พอแล้ว และนิสัยของน้องสาวเจ้า เจ้าก็รู้ดี นางดื้อรั้น ถูกใจใครแล้วก็จะไม่เปลี่ยนแปลง”
ในใจฉู่หมิงหยางก่นด่ากู้คางมั่นมักง่าย แต่ต่อหน้ากลับพูดขึ้นได้เพียงอย่างเสียดายว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าในฐานะที่เป็นพี่สาวก็พูดอะไรไม่ได้อีก ขออวยพรให้นางมีความสุข ท่านป้าวางใจ ข้าจะไปพูดกับเถ้าแก่ซุน ให้เขารีบเอาเงินกลับมา”
ฮูหยินรองกู้ได้ยินเช่นนี้ ในใจค่อยสบายขึ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ต้องรบกวนหยางเอ๋อแล้ว เจ้าวางใจ ถึงตอนนั้นเมื่อได้เงินทุนกลับมาแล้ว ป้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
“ขอบคุณท่านป้า” ฉู่หมิงหยางตอบอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ฮูหยินรองกู้ถามขึ้นว่า “ต้องใช้เวลากี่วันถึงจะได้กลับคืนมา? พรุ่งนี้หรือว่ามะรืนนี้สามารถขอกลับคืนมาได้ไหม?”
สีหน้าท่าทีฉู่หมิงหยางย่ำแย่อย่างมาก พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทำไม? ท่านป้าไม่เชื่อใจข้าหรือ? บอกว่าจะไปถามเถ้าแก่ซุน คนอื่นเขาหมุนเงินไม่ทัน จะเอากลับคืนมาก็ไม่ใช่เรื่องประเดี๋ยวเดียว”
“งั้นประมาณกี่วัน? ข้ายังจะต้องทำอะไรอีกมากมาย รู้ไว้ก่อนข้าจะได้ทำการวางแผน ไม่ใช่ไม่เชื่อใจเจ้า ดูสิทำไมเจ้าถึงได้ชอบพูดจาแบบนี้? หากน้าไม่เชื่อใจเจ้า จะเอาเงินหลายแสนตำลึงนี้ให้เจ้าหรือ?” ฮูหยินรองกู้เห็นสีหน้านางไม่ค่อยดี ในใจก็ไม่พอใจอย่างมาก แต่หากไม่ได้คำตอบนางก็ไม่วางใจ หากไม่ได้เงินคืนกลับมา เป็นการเอาชีวิตของเราไปจริงๆแล้ว
ฉู่หมิงหยางพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ประมาณสามถึงห้าวัน ข้าไปถามเขาก่อน แล้วให้เขาจัดการให้”
“ได้ งั้นก็รบกวนหยางเอ๋อแล้ว” ฮูหยินรองกู้มองดูสีหน้าของนางแล้วก็โกรธโมโหขึ้นมา ต้องอดกลั้นไว้แล้วพูดขึ้น
ฉู่หมิงหยางลุกขึ้นแล้วก็กลับไป ก่อนจะกลับไป นางพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ข้าขอพูดไว้ก่อน เรื่องงานแต่งงานของน้องสาวกับตระกูลเหลิ่ง ข้าไม่เห็นด้วย แต่ในเมื่อพวกเจ้ายังยืนยันที่จะแต่ง ข้าก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ยังไงก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง”
พูดเสร็จแล้วก็เดินเชิดกลับไป
กู้คางมั่นโกรธจนอยากที่จะกระโดดขึ้นมา แล้วไล่ตามไปด่านาง ถูกฮูหยินรองกู้ดึงไว้ พร้อมพูดปลอบว่า “อดทนไว้ก่อน รอได้เงินคืนกลับมาแล้วค่อยว่ากัน”
กู้คางมั่นพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “นางถือว่านางเป็นใคร? ยังเห็นว่าตนเองเป็นพระชายาองค์ชายใหญ่จริงๆหรือ? หากมีความสามารถจริง ตอนนี้ก็ไม่ใช่พระชายาองค์ชายใหญ่แล้ว แต่เป็นพระชายาจี้ หรือพระชายารัชทายาทแล้ว ไม่ใช่อะไรสักอย่าง”
สถานการณ์ภายในห้องของฮูหยินรอง หยวนชิงผิงสั่งคนค่อยดูอยู่แล้ว เมื่อได้รู้ข่าว นางก็รีบไปหาหยวนชิงหลิง ที่จวนอ๋องฉู่
หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ เมื่อครุ่นคิดดูแล้วก็พูดขึ้นว่า “ยังไงฉู่หมิงหยาง ก็เอาเงินพวกนี้กลับมาไม่ได้แน่ ตอนนี้นางไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงไปหาหลินเซียว ส่วนหลินเซียว เพื่อสามารถควบคุมนางได้อีกขั้น ก็จะต้องมีอะไรอยู่ในมือบ้าง ยุยงให้นางแตกหักกับฮูหยินรองกู้ ดังนั้น ข้าคาดเดาว่า ต่อจากนี้เพื่อเป็นการทำลายงานแต่งงานของใต้เท้าเหลิ่งกับกู้คางมั่น นางจะต้องพูดทำลายชื่อเสียงของกู้คางมั่น เพื่อให้ตระกูลเหลิ่งไม่ยอมรับ”
หยวนชิงผิงมองดูนางอย่างเลื่อมใส พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สาว เจ้าวิเคราะห์เรื่องออกมาได้เยอะขนาดนี้ได้อย่างไร? ข้ายังพูดว่าตนเองเข้าได้กับทุกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้เห็นการณ์ไกลได้ขนาดนี้ เพียงแค่เห็นว่าฉู่หมิงหยาง ไม่มีเงินมาจ่ายแน่ ทำได้เพียงไปขอความช่วยเหลือหลินเซียว กลับไม่รู้ว่าหลินเซียวจะทำอะไรอย่างไรกับนาง”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ยังจำได้ตอนที่ข้าเข้าวังไปรักษาไท่ซ่างหวง ไท่ซ่างหวงพูดกับข้าประโยคหนึ่ง ท่านพูดว่า ขอเพียงจิตใจคนคนหนึ่งสงบพอ ก็จะสามารถมองเห็นแผนการชั่วร้าย ของคนที่เลวทั้งหลายแลพวกนั้น ถึงข้าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องพวกนี้ แต่ข้าไม่ใส่ใจเรื่องพวกนั้น จึงสามารถสงบจิตใจมาคิดวิเคราะห์”
หยวนชิงผิงได้รับการสั่งสอน จึงพูดขึ้นว่า “ข้าฝึกฝนอยู่ในตระกูลกู้มาสองปีนี้ ยังไม่ชัดเจนเท่าคำพูดเพียงประโยคเดียวของไท่ซ่างหวง”
“แน่นอน เขาเป็นคนแก่มีประสบการณ์” หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
หยวนชิงผิงชื่นชมอย่างสุดซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นต่อจากนี้พวกเราทำอย่างไร?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ไม่ต้องทำอะไร รอดูก็พอ แน่นอน หากเจ้าอยากเตือนฮูหยินรอง ก็สามารถทำได้ จะได้ไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงคุณหนูห้าของพวกเจ้า”
นิ้วมือหยวนชิงผิงจับแก้วไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่น่าสงสาร นางทำลายชื่อเสียงของคนอื่นยังไม่เยอะหรือ? เรื่องที่ฉู่หมิงหยางพูดใส่ร้ายนี้ หากเป็นผู้ชายคนอื่น นางจะต้องออกไปป่าวประกาศ เพียงแค่ใต้เท้าเหลิ่งเป็นคนที่ชอบ นางถึงได้อดกลั้นไว้ ไม่ป่าวประกาศออกไป”
หยวนชิงหลิงมองดูน้องสาว รู้ว่าตอนนี้ถึงแม้นางกับบ้านรองตระกูลกู้ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เมื่อตอนที่เพิ่งแต่งงานไป ถูกพวกนางสองแม่ลูกกลั่นแกล้งไม่น้อย
ผิงเอ๋อไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆแบบนั้น บ้านรองตระกูลกู้ก็เช่นกัน ทุกคนปองดองกัน ก็เพียงเพื่อความสงบสุขของตระกูล แต่เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ตอกย้ำซ้ำเติมก็นับว่าไม่เลวแล้ว จะยื่นมือไปช่วยได้อย่างไร?
เช่นนี้ก็ดี ภายในตระกูลใหญ่ รู้จักบุญคุณความแค้น จะเป็นคนดีอย่างเดียวไม่ได้
หลังจากฉู่หมิงหยางออกมาจากจวนตระกูลกู้ ก็ตรงไปหาหลินเซียว
หลังจากวันนั้นได้เงินจากหลินเซียวหนึ่งหมื่นตำลึง ถึงแม้จะผ่านด่านหยู่เหวินจุน แต่ตอนนี้หยู่เหวินจุน เห็นนางเป็นศัตรูแล้วอย่างแท้จริง กลับไปก็ไม่แสดงสีหน้าที่ดีต่อนาง ต่อให้ไม่มีเรื่องฮูหยินรองกู้ นางก็ต้องไปหาหลินเซียว
สูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที ที่หน้าประตูเรือนหลินเซียว ค่อยเคาะประตู ไม่ว่าอย่างไร ยังไงก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหา ตอนนี้ไม่มีใครสามารถพึ่งได้ ทำได้เพียงมาหาหลินเซียว ในเมื่อเขายอมให้หนึ่งหมื่นตำลึง ก็จะต้องยอมช่วยนางอีกแน่
นางคิดว่า หลินเซียวยอมช่วยนาง ก็เพราะชอบพอใจในตัวนาง
เมื่อประตูเปิดออก หลินเซียวออกมารับด้วยตนเอง การให้ความสำคัญขนาดนี้ ทำให้ในใจฉู่หมิงหยาง ค่อนข้างหยิ่งผยอง นางถูกคนเหยียบย่ำมานานมากแล้ว นางชอบการที่ถูกให้เกียรติเช่นนี้
ถึงแม้นางจะเกลียดหลินเซียว ที่เคยโกหกในตอนนั้น แต่ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่เห็นความสำคัญของนาง ด้วยเหตุนี้ความน้อยใจทั้งหมดที่มี ก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าต้องช่วยข้า”
หลินเซียวจะจับมือของนาง นางชักไปข้างหลังแปบหนึ่ง แล้วก็ยังคงไม่ปฏิเสธ ปล่อยให้เขาจับไว้
สายตาหลินเซียว ฉายแววยิ้มอย่างประหลาดใจ กลับถามขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ทำไมหรือ? ใครกล้าโกหกเจ้า?”
“เจ้าช่วยข้าถามซุนฉวนหวู่ เรื่องเอาเงินกลับคืนมา มีข่าวอะไรไหม?” ฉู่หมิงหยางถามขึ้น
หลินเซียวจูงมือของนาง แล้วเดินไปข้างใน พร้อมพูดขึ้นว่า “สั่งคนไปสืบหาเขาแล้ว ข้าก็ไปด้วยตัวเองถึงสองครั้ง ไม่เห็นเขากลับมา แต่เจ้าวางใจ ขอเพียงเขาปรากฏตัว ข้าก็จะสามารถควบคุมตัวเขาไว้ได้ทันที บีบบังคับให้เขาคืนเงินให้กับเจ้า”
“จะต้องรอถึงเมื่อไหร่?” ฉู่หมิงหยางเป็นกังวล มองดูหลินเซียว แล้วคิดถึงความแล้งน้ำใจของฮูหยินรองกู้ พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ่งน้อยใจว่า “มีเงินจำนวนหนึ่ง ภายในสามถึงห้าวันจะต้องคืนกลับไปแล้ว”
“เจ้าไม่ต้องใจร้อน นั่งลงค่อยๆพูด” หลินเซียวรินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน