บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1056 ก่อเหตุอาละวาด
ฉู่หมิงหยางกระวนกระวายใจ ยังจะใจเย็นแล้วก็พูดได้อีกที่ไหน? แต่เห็นการกระทำที่อ่อนโยนของเขา ในใจก็รู้สึกอบอุ่น รับแก้วน้ำมาดื่มหนึ่งคำ แล้วก็พูดว่า “ทางด้านตระกูลกู้ ท่านป้าของข้าบอกว่า ต้องรีบใช้เงินเพื่อไปเตรียมงานแต่งให้กับกู้คางมั่น”
“ตระกูลกู้จะดองกับตระกูลไหน?”
“ตระกูลเหลิ่ง เหลิ่งจิ้งเหยียน” ฉู่หมิงหยางพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “การแต่งงานในครั้งนี้ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ข้าพูดกับพวกเขาแล้วว่า เหลิ่งจิ้งเหยียนเป็นคนที่ไม่ดี ทำไมถึงยังจะยกลูกสาวให้ไปแต่งงานอย่าโง่เขลา? ไร้สาระจริงๆ”
“เหลิ่งจิ้งเหยียนทำไมหรือ?” จู่ๆหลินเซียวก็ถามขึ้น
ฉู่หมิงหยางมองดูเขาแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่คิดที่จะปกปิดจิตใจที่น่ารังเกียจของตนต่อหน้าเขา ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนที่ดีอะไร จึงพูดขึ้นว่า “ก็ไม่ได้มีอะไร ข้าแค่พูดใส่ร้าย”
หลินเซียวค่อนข้างผิดหวัง พูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชาว่า “งั้นก็ง่ายมาก หากเจ้าไม่อยากให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้น ก็พูดใส่ร้ายต่อไป”
“ไม่มีประโยชน์ เดิมข้าพูดไว้แล้วอย่างไม่น่าฟังอย่างที่สุด พวกนางก็ยังที่จะแต่ง”
หลินเซียวยิ้มมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นครั้งนี้เจ้าก็ป่าวประกาศไปทั่ว
ทั้งเมืองหลวง บอกว่าคุณหนูตระกูลกู้พฤติกรรมเลวทราม ตระกูลเหลิ่งก็นับว่าเป็นครอบครัวบุญหนักศักดิ์สูง โดยเฉพาะเหลิ่งจิ้งเหยียนยังเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลเหลิ่ง จี้จิ่วกั๋วจื่อเจียน ไม่สู่ขอผู้หญิงที่ประพฤติตัวไม่ดีแน่ ขอเพียงงานแต่งงานไม่เกิดขึ้น ก็จะไม่รีบร้อนให้เจ้าเอาเงินกลับไปคืน”
ฉู่หมิงหยางได้ยินเช่นนี้แล้วก็อึ้งไปสักพัก นางไม่เคยคิดถึงเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดขึ้นมา ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับกู้คางมั่น นับว่าเข้ากันได้ดี และก็เคยช่วยเหลือตนเองไว้ แต่ตอนนี้ตกอับแล้ว ที่ไปจวนกู้หลายครั้งนี้ ถึงแม้ท่าทีกู้คางมั่นจะไม่หยิ่งยโส แต่การพูดจาท่าทีแสดงให้เห็นถึงความหยิ่งและถือตัว เป็นการตั้งใจที่จะเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสองคน
ฉู่หมิงหยาง ไม่พอใจนางแต่แรกแล้ว
“ทำไม? คำนึงถึงความเป็นญาติพี่น้อง? เจ้าคำนึงถึง พวกนางคำนึงถึงไหม เป็นคนไม่ต้องมีความเมตตาจนเกินไป ที่ผ่านมาหากเจ้าโหดเหี้ยมมากกว่านี้ จะตกอยู่ในสภาพดั่งทุกวันนี้หรือ?” หลินเซียวพูดขึ้นอย่างเฉยเมย
ฉู่หมิงหยางมองดูเขาอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครบอกว่าข้าคำนึงถึงความเป็นญาติพี่น้อง? ข้าเพียงแค่กำลังครุ่นคิดดูว่า วิธีนี้ใช้ได้ผลหรือไม่”
“ทำไมไม่ลองดูก่อน? ตอนนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ภายในสามถึงห้าวัน จะหาเงินสองสามแสนตำลึงมาได้ย่างไร? ต่อให้หามาได้ เจ้ายอมที่จะให้ไปหรือ? เงินพวกนั้นตกอยู่ในมือของซุนฉวนหวู่ เจ้าจะช่วยซุนฉวนหวู่สำรองจ่ายหรือ? เมื่อสำรองจ่ายไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะได้คืนกลับมาไหม” หลินเซียวพูดขึ้น
คำพูดของหลินเซียว ที่จริงเป็นการพูดโดนใจฉู่หมิงหยางจริงๆ อย่าว่าแต่นางไม่มีเงินเยอะขนาดนี้ ต่อให้มี นางก็ไม่มีทางที่จะให้ฮูหยินรองตระกูลกู้ คนอื่นอย่างน้อยนางก็ยอมที่จะสำรองจ่ายบ้าง มีเพียงความเป็นญาติพี่น้องนี้ นางไม่ยอม
วันนี้ที่บีบบังคับ ทำให้เกลียดจนถึงกระดูกแล้ว
เห็นนางหลงกล หลินเซียวก็พูดขึ้นว่า “ครั้งนี้เจ้าหากไม่อยากเอะอะจนเป็นเรื่องใหญ่ ก็ต้องว่าจ้างพวกนักเล่าเรื่อง ไม่เกินหนึ่งวัน ทั่วทั้งเมืองหลวงก็จะรู้ว่าตระกูลกู้คุณหนูห้าเป็นคนอย่างไร ข้ารู้จักนักเล่าเรื่องหลายคนอยู่พอดี สามารถแนะนำให้เจ้าได้”
สายตาฉู่หมิงหยางฉายแววโหดเหี้ยม พร้อมพูดขึ้นว่า “ดี”
สายตาหลินเซียวฉายแววแห่งความได้ใจ ยืนมือไปลูบแก้มของนาง ฉู่หมิงหยางอึ้ง คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ยังไงก็ยังเกลียดแค้น ยื่นมือผลักเขาทิ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร?”
หลินเซียวพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “เพียงแค่คิดถึงเจ้ามาก หากเจ้าไม่ยินยอม ข้าก็ไม่บังคับ”
ฉู่หมิงหยางมองดูเขา ภายในใจกลับรู้สึกโหดเหี้ยมขึ้นมา ตอนนี้ไม่มีใครเป็นที่พึ่งแล้ว หากไม่ครอบงำคนคนนี้ไว้ให้ดี ก็จะไม่มีใครช่วยนางอีก
ยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีอะไรกับเขา และสัมผัสอ่อนโยนที่ผ่านมายังคงวนเวียนอยู่ในใจ ภายในใจให้ร้อนรุ่มระอุ ความคลั่งไคล้ที่บ้าคลั่งในตอนนั้น ยังคงจดจำอยู่ในใจ
คิดได้เช่นนี้ นางลุกขึ้นมา เป็นการหลอกใช้ก็ดี เป็นการปลอบโยนก็ช่าง ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องสูญเสียแล้ว
นางจ้องมองดูหลินเซียว ตาคิ้วแฝงไปด้วยความยั่วหยวน ค่อยๆถอดเสื้อผ้า สายตาหลินเซียวมืดลง ไม่ได้ลงมือ เพียงแค่มองดูนางอยู่อย่างนิ่งๆ
เสื้อผ้าถอดจนหมดสิ้น ยืดหน้าอกตูมค่อยๆเดินไป ท่าทางสง่างาม ทุกย่างก้าวชวนให้หลงใหล มือทั้งคู่คล้องคอหลินเซียว ตาคิ้วอ่อนโยน หายใจแผ่วเบา พร้อมพูดขึ้นว่า “คิดถึงข้าไม่ใช่หรือ?”
หลินเซียวโอบกอดนาง กดทับริมฝีปากของนาง บรรเลงเริงรักเหมือนอย่างพายุบ้าคลั่ง อยู่ภายในอ้อมอก
เดิมฉู่หมิงหยางขืนใจตัวเอง แต่เมื่อได้สัมผัสกับหลินเซียวจริงๆแล้ว กลับรู้สึกพอใจอย่างมาก นี่เป็นการที่นางแก้แค้นหยู่เหวินจุนได้อย่างมากที่สุด ด้วยเหตุนี้จากที่ขัดขืนจนกลายเป็นให้ความร่วมมือ และเริ่มเป็นคนควบคุมเกม ตอนนี้ เป็นเวลาที่นางเป็นฝ่ายควบคุมพวกผู้ชายเฮงซวยพวกนี้
เพียงแต่นางมองไม่เห็น หลินเซียวที่ดูเหมือนดูดด่ำนั่น สายตากลับเยือกเย็น นึกว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือ กลับไม่รู้ว่าทุกอย่างนี้อยู่ในกำมือของหลินเซียว
ทุกอย่างเป็นเหมือนอย่างที่หยวนชิงหลิงคิดไว้ ไม่เกินสองวัน ทุกตรอกซอยภายในเมืองหลวงต่างพูดถึงเรื่องที่ เมื่อสองปีก่อนกู้คางมั่นคุณหนูห้าตระกูลกู้ ตอนที่อยู่ฮู่ยโจวได้พบรักกับผู้ชายคนหนึ่ง และได้เสียเป็นสามีภรรยากันแล้ว
คำพูดนี้ถูกพูดร่ำลือออกไป กึกก้องไปทั่วทั้งเมืองหลวง บางคนถึงขั้นมาตามสืบจากคนใช้ของตระกูลกู้ และเมื่อสองปีก่อน กู้คางมั่นไปฮู่ยโจวพร้อมกับเสี้ยนจู่โหรหมิ่นจริง ตอนนั้นเสี้ยนจู่โหรหมิ่นตามองค์ชายรัชทายาทไป ส่วนกู้คางมั่นไม่รู้ว่าตามไปด้วยทำไม
มีสาวใช้คนใช้ตระกูลกู้พูดยืนยันกับเหตุการณ์ที่ร่ำลือกัน จึงไม่มีใครไม่เชื่อแล้ว
เมื่อฮูหยินรองตระกูลกู้กับกู้คางมั่นได้รู้เรื่องนี้ ก็โกรธจนแทบเป็นลมไป อุปนิสัยของกู้คางมั่นยโสโอหัง รับได้กับการทำลายชื่อเสียงเช่นนี้เสียที่ไหน ร้องห่มร้องไห้จะฆ่าตัวตาย เดือดร้อนอยู่สักพัก ด้วยความที่ฮูหยินรองเสียใจ จึงให้กู้ซือไปแจ้งความที่กรมการพระนคร บอกว่าให้สอบสวนที่มาของการใส่ร้ายดังกล่าว
อ๋องฉีรับเรื่องไว้ แล้วก็สั่งคนไปสืบความ
คำพูดพวกนี้เดิมพวกนักเล่าเรื่องพวกนั้นเป็นคนพูดออกมา ต้องการสืบความไม่ใช่เรื่องยาก ฉู่หมิงหยางคิดไม่ถึงว่าตระกูลกู้ไม่เงียบกับเรื่องนี้ กลับเดือดร้อนให้เป็นเรื่องใหญ่โต ก็ค่อนข้างตื่นตระหนกขึ้นมา หากสืบรู้มาถึงตน เรื่องมากมายก็ปิดบังไว้ไม่ได้แล้ว นางตกใจจนต้องรีบไปหาหลินเซียว
หลังจากวันนั้นที่มีความสัมพันธ์กับหลินเซียว ฉู่หมิงหยางแทบจะไปทุกวัน เพลิดเพลินไปกับการมีความสุขจนถึงขั้วกระดูก และก็เมื่อวานหยู่เหวินจุนเฝ้าดูอยู่ที่บ้าน นางออกมาไม่ได้ ร้อนรุ่มทั้งวันจนแทบจะลุกไหม้เป็นไฟ นางก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกหลินเซียว ทำให้คลั่งไคล้ได้ขนาดนี้ คิดถึงแต่เรื่องพวกนั้น จนวันนี้ที่ได้เจอ ก็ไม่ทันได้พูดเรื่องอื่น บรรเลงเริงรักกันก่อน ค่อยพูดเรื่องนี้กันข้างหมอน
แต่ครั้งนี้หลินเซียว กลับไม่ตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “กรมการพระนครจะสืบความ ข้าจะทำอะไรได้ล่ะ?”
ฉู่หมิงหยางได้ฟัง ก็พูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “งั้นจะทำอย่างไร? ยังไงก็จะต้องสืบความมาถึงข้าได้ ถึงตอนนั้นก็จะต้องเดือดร้อนไปถึงเจ้าด้วย”
หลินเซียวเลิกตาคู่งามมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่มีปัญหา แต่เจ้าต้องเกิดปัญหาแน่ หากรู้ว่าเป็นเจ้า ฮูหยินรองกู้จะไม่ฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆหรือ? ถึงตอนนั้น เรื่องที่เจ้ายืมเงินไปปล่อยกู้ ก็จะเป็นที่รู้กันไปทั่ว เจ้าหนี้มาหาถึงบ้าน ก็จะไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว”
“งั้นเจ้าต้องช่วยข้า” ฉู่หมิงหยางพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
หลินเซียวยื่นมือลูบลำคอเรียวขาวผ่องของนาง ค่อยๆออกแรง หัวของหน้าถูกบังคับให้เงยขึ้น มองดูเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ หลินเซียวค่อยๆหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาเย็นชาว่า “ข้าต้องช่วยเจ้าแก้ปัญหาอยู่แล้ว เจ้าวางใจได้”