บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1057 เพ่งเป้าไปที่ฮูหยินเหยา
ได้ยินว่าเขายอมช่วย ฉู่หมิงหยางค่อยระงับความสงสัยไว้ สายตาของเขาเมื่อกี้เยือกเย็นอย่างมาก ทำให้นางตกใจแล้วจริงๆ
“แต่” หลินเซียวเอามือออกจากลำคอของนาง มองดูดวงตาของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮูหยินเหยานั่น เจ้าไปมาหาสู่นางบ้างไหม?”
ฉู่หมิงหยางตกใจขึ้นมากะทันหัน ผลักเขาอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไม? มีข้าแล้วยังไม่พอหรือ? ยังคิดอยากจะไปหาหญิงเฒ่านั่นหรือ?”
หลินเซียวหัวเราะขึ้นมา ริมฝีปากกดทับลงไปอีกครั้ง พร้อมกระซิบพูดข้างหูของนางว่า “เจ้า กำลังคิดอะไรอยู่? ข้าเพียงแค่ต้องการใช้คนในมือของนาง มีคนคนหนึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เจ้าได้ ยังสามารถช่วยเจ้าแก้ปัญหาเรื่องเงินที่นำไปปล่อยกู้ ที่ผ่านมาเจ้ากับนางเป็นพระชายาจี้เหมือนกัน น่าจะรู้ดีว่านางรู้จักคนไม่น้อย และมีจุดอ่อนของคนไม่น้อยอยู่ในมือ พวกเราต้องได้จุดอ่อนของขุนนางพวกนี้มา หากฮูหยินของขุนนางพวกนี้ ยืมเงินให้กับเจ้าพอดี ก็ให้เอาไปข่มขู่ ให้พวกเขาจ่ายเงินฟาดเคราะห์”
ฉู่หมิงหยางถูกเขาทำให้จิตใจหว้าวุ่น หลับตาพร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าบอกว่าสามารถตามหาซุนฉวนหวู่ได้ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังต้องใช้วิธีพวกนี้?”
“ซุนฉวนหวู่เอาเงินไปด้วย คงใช้เงินไปแล้วมากกว่าครึ่ง ต่อให้หาเขาเจอ เขาก็เอาเงินกลับมาไม่ได้มากมายขนาดนี้ ยังต้องให้เจ้าหาเงินมาเอง หากเจ้าหนี้พวกนี้ถูกเจ้ากำจุดอ่อนอยู่ในมือ ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างน่าพอใจ”
ฉู่หมิงหยางพูดขึ้นอย่างทั้งโกรธทั้งร้อนใจว่า “ซุนฉวนหวู่ยังกล้าที่จะใช้อย่างสิ้นเปลือง หากข้าเจอเขา จะต้องเอาชีวิตของเขาแน่”
“หากรอให้เขาเอาเงินกลับคืนมา ข้าจะต้องฆ่าเขาเพื่อเจ้า แต่ตอนนี้ต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ก่อน ข้างกายฮูหยินเหยามีคนคนหนึ่งชื่อฮุ่ยเทียน เป็นคนสำนักเหมยแดง เขารับหน้าที่ปกป้องฮูหยินเหยา ข้าให้ยาเจ้าหนึ่งเม็ด เจ้าทานก่อนที่จะเข้าไป แล้วเจ้าก็จะมีกลิ่นหอมไปทั่วร่างกาย เมื่อเขาสลบไปแล้ว ขอเพียงเขาไม่สามารถมาขัดขวาง ข้าก็จะสามารถบีบบังคับ ให้ฮูหยินเหยานำจุดอ่อนของคนพวกนั้นออกมา”
ฉู่หมิงหยางรู้จักฮุ่ยเทียน เขาเก่งอย่างมาก ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนข้างหวาดกลัว แต่เมื่อคิดถึงเงินที่ตนเองเป็นหนี้มากมายขนาดนี้ ใกล้จะครบกำหนดต้องจ่ายดอกเบี้ยในครั้งนี้แล้ว หลังลองชั่งใจดู แล้วก็ตอบตกลง
หลินเซียวเอายาลูกกลอนให้นางหนึ่งเม็ด นางเอามาดมดู พร้อมถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “กลิ่นหอมนี้ทำไมเหมือนกลิ่นภายในห้องของเจ้าเลย?”
“ห้ามดมนาน รีบเก็บซ่อนไว้”
ฉู่หมิงหยางมองดูยาลูกกลอนนี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ ในเมื่อยานี้มีสรรพคุณทำให้สลบ งั้นหากข้าทานแล้ว ข้าจะไม่เป็นลมไปหรือ?”
“ไม่ ในยาลูกกลอนนี้มียาถอนพิษอยู่ด้วย หลังจากเจ้าทานลงไปแล้ว จะทำลายฤทธิ์เสน่ห์ทําให้หลงใหล ดังนั้นเจ้าจึงจะมีเพียงกลิ่นหอม จะไม่เป็นลมสลบไป แต่หากมีคนดมกลิ่นหอมของเจ้านี้ ก็จะเป็นลมสลบไป”
“อัศจรรย์ขนาดนี้เลยหรือ?” ฉู่หมิงหยางไม่เชื่อเขาอย่างง่ายดาย เดิมระหว่างพวกเขาก็ไม่เชื่อใจกัน จึงพูดขึ้นว่า “งั้นข้าจะทานลงไปหนึ่งเม็ดก่อน ดูว่าข้าจะเป็นสลบไหม และดูว่าเจ้าจะสลบไหม”
หลินเซียวหรี่ตาลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ยานี้ข้าเป็นคนทำขึ้นมา เพราะฉะนั้นกลิ่นหอมนี้ทำอะไรข้าไม่ได้ แต่ แต่สามารถลองได้ว่าเจ้าสลบหรือไม่ ทานไปสิ ข้ายังมีอีกหลายเม็ด”
ฉู่หมิงหยาง เอายาใส่ลงไปในปาก ใช้ฟันกัดเคี้ยว กลิ่นหอมฟุ้งออกมาจากริมฝีปาก สักพัก กลิ่นหอมฟุ้งไปทั้งห้อง
หลินเซียวขยับปากเข้ามาใกล้ หลับตาพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหอมมาก ทำไมข้าถึงไม่สามารถต้านทานเจ้าได้?”
ฉู่หมิงหยางก็รู้สึกเลือดสูบฉีดพลุ่งพล่าน ร้อนรุ่มไปทั้งตัว ในใจคิด นางก็แทบไม่สามารถต้านทานเขาได้ หรือว่า หลงรักเขาเข้าแล้ว?
บรรเลงเริงรักกันเสร็จ ฉู่หมิงหยางเห็นว่าตนเองไม่ได้สลบไปจริงๆ จึงค่อยเชื่อมั่นเขา นัดเวลากับเขา เสร็จ แล้วก็ลากร่างกายที่อ่อนเพลียกลับไป
นั่งอยู่บนรถม้าที่กระทบกระแทก นางหลับตาหวนคิดถึงความบ้าคลั่งเมื่อกี้ ภายในใจรู้สึกโศกเศร้าขึ้นมาอย่างเงียบๆ หลังจากนางมีอะไรกับหยู่เหวินจุน นางแทบไม่เคยได้มีความสุขเช่นนี้ ต่อให้หลินเซียวชั่วสารเลวแค่ไหน แต่รู้จักดูแลเอาใจใส่ดีกว่าหยู่เหวินจุน ยิ่งสามารถทำให้นางได้เป็นผู้หญิงจริงๆคนหนึ่ง หากหยู่เหวินจุนตาบไป นางก็จะได้อยู่ครองคู่กับหลินเซียว
นั่นเป็นเพียงความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นมา แต่กลับเหมือนดั่งวัชพืชที่ก่อเกิดอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ นางตกตะลึงขึ้นมาทันมี ปลายเล็บจิกเข้าเนื้อ สายตาฉายแววโหดเหี้ยม
ฆ่าสามี นี่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงตระกูลฉู่ชำนาญที่สุด ไม่ใช่หรือ? ตอนนั้นพี่สาวเลอะเลือน แต่นางไม่มีทาง หากนางจะฆ่าหยู่เหวินจุน จะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน
ทางด้านหลินเซียวกับฉู่หมิงหยาง มีคนตามจับตาดูอยู่ตลอด และก็รีบกลับมารายงานหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้า
เรื่องไร้สาระพวกนั้น ถึงแม้จะไม่ได้เล่าอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ก็เลือกเล่าคร่าวๆ วันนี้เสี้ยวหงเฉิงก็อยู่ด้วยพอดี หลังจากรายงานเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “คนสารเลวแบบนี้ ไม่ควรจดจำ”
เสี้ยวหงเฉิงหัวเราะอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ข้ารู้สึกเพียงสะอิดสะเอียน ทำไมตอนนั้นถึงได้ถูกเขาดึงดูด เสียเวลาไปเพื่อเขาตั้งหลายเดือน”
สวีอีพูดแทรกขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ใช่ การกระทำของเขาในตอนนี้ แตกต่างอะไรกับเจ้าพระยาจิ้งในตอนนั้น?”
เมื่อพูดออกไปแล้ว อะซี่ก็ต่อยเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “หุบปาก พูดจาไม่เป็นก็ไม่ต้องพูดไปเรื่อย”
สวีอีค่อยได้สติขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท ขออภัย กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจ”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “ไม่เป็นไร เขาเป็นเช่นนี้จริง”
“วันนี้หลินเซียว ดูเหมือนจะรู้ตัวแล้ว คงต้องเปลี่ยนคนไปเฝ้าติดตาม” แม่ทัพหลอองครักษ์ลับผีพูดขึ้น
“พรุ่งนี้เขาจะไปหาฮูหยินเหยาหรือ?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
“ใช่”
หยู่เหวินเห้าจึงพูดกับสวีอีว่า “เจ้าไปหาพระชายาหวย ให้นางสั่งการลงไป ให้ฮุ่ยเทียนคอยระวังไว้ อย่าชะล่าใจ จะได้ไม่เกิดเรื่อง”
“ขอรับ” สวีอีหันเดินออกไป
หยู่เหวินเห้าจึงสั่งเสี้ยวหงเฉิงกับแม่ทัพหลอองครักษ์ลับผีว่า “พวกเจ้ายังไม่ต้องติดตาม ให้สำนักเหลิ่งหลังรับช่วงต่อ หลินเซียวเป็นคนของพันธมิตรอู่หลิน ฝีมือการต่อสู้สูงส่งกำลังภายในก็ลึกซึ้ง และก็ชำนาญวิชาปลอมตัว ให้คนสำนักเหลิ่งหลังติดตามดีกว่า โดยเฉพาะสำนักเหมยแดง เขาคุ้นเคยอย่างมาก ที่จริงสำนักเหมยแดงไม่ควรติดตาม”
“ได้” เสี้ยวหงเฉิงกับแม่ทัพหลอรับคำสั่งพร้อมกัน
อะซี่ส่งแม่ทัพหลอออกไป ทั้งสองสามีภรรยามองตากัน คิดถึงเรื่องที่มารายงานเมื่อกี้ แล้วก็ค่อนข้างสะอิดสะเอียน
“ตามหลักฉู่หมิงหยางน่าจะเกลียดชังหลินเซียวอย่างที่สุด ยังไงตอนนั้นหลินเซียวกระทำเรื่องเช่นนั้น ทำไมกลับถึงได้ ไปแอบคบชู้กับหลินเซียว? ต่อให้เพื่อเงินพวกนั้น พอสมควรก็พอ ทำไมถึงได้ไปหาหลินเซียวทุกวัน?” หยู่เหวินเห้าไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “สองปีมานี้ฉู่หมิงหยาง พ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หยู่เหวินจุนก็คงไม่ดีกับนาง หลินเซียวชำนาญเอาใจคน นางต้านทานไม่ได้อยู่แล้ว และสถานการณ์ของนางเช่นนี้ ก็แทบเหมือน….อาการสต็อกโฮล์ม”
“อะไรกื่อเจิง?” หยู่เหวินเห้าถามนางอย่างไม่เข้าใจ
หยวนชิงหลิงพูดอธิบายว่า “นี่เป็นอาการป่วยอย่างหนึ่ง ที่กลายเป็นโรคจำเลยรัก หมายถึงความรู้สึกดีของผู้เสียหายที่มีต่อผู้กระทำความผิด ถึงขั้นเป็นความรู้สึกที่กลับเป็นการช่วยเหลือผู้กระทำผิด บวกกับตอนนี้ฉู่หมิงหยาง มีชีวิตอยู่อย่างที่นางไม่อยากเป็น นางเกลียดชังหยู่เหวินจุน นี่จึงทำให้นางพอใจช่วงเวลาที่ได้อยู่กับหลินเซียว”
ตอนที่หยู่เหวินเห้าทำคดีอยู่ที่กรมการพระนคร ก็เคยเจอคดีแบบนี้ ผู้ถูกกระทำกลับช่วยพูดให้ผู้กระทำผิดพ้นโทษ ตอนนั้นรู้สึกไม่เข้าใจ ฟังเจ้าหยวนพูดเช่นนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าที่แท้ก็เป็นสาเหตุนี้นี่เอง
“ยังไม่ต้องสนใจนาง ทางด้านฮูหยินเหยามีฮุ่ยเทียนเฝ้าอยู่ คิดว่าคงไม่เกิดปัญหาใหญ่” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น