บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1058 เกิดปัญหาในเรื่องที่มั่นใจว่าสามารถควบคุมได้
แต่เขาเงียบสักพัก แล้วก็สั่งคนไป ให้ฮุ่ยเทียนไม่ต้องทำร้ายหลินเซียวกับฉู่หมิงหยาง ขอให้ฮูหยินเหยาไม่เป็นไรก็พอ
เขาพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจัดการ หลินเซียวเป็นเบาะแสเดียวของพวกเรา มีเพียงอาศัยเขา ถึงจะสามารถล่อคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้ ดังนั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับหลินเซียวไม่ได้ ข้าจะต้องรู้ถึงเป้าหมายสุดท้ายก่อน”
หยวนชิงหลิงเข้าใจ สถานการณ์นี้ดำเนินมาตั้งนานขนาดนี้ จะให้ขาดตอนนี้เลยไม่ได้ หากไม่ล่อคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาได้ ก็ไม่สามารถสงบสุขได้
เที่ยงวันถัดไป หลินเซียวกับฉู่หมิงหยาง แทบจะมาถึงพร้อมกัน ฉู่หมิงหยางเข้าไปในลานด้านข้าง หลินเซียวกลับมาที่ด้านนอกลานฮูหยินเหยา สุนัขก็เห่าขึ้นมาทันที ฮูหยินเหยากำลังปักเสื้อผ้าของเจ้าแฝดอยู่ในห้อง ได้ยินสุนัขเห่า ก็รู้แล้วว่าคนที่มาคือคนแปลกหน้า
นางวางสิ่งของลง ลุกขึ้นเดินออกไป อุ้มหมาน้อยขึ้นมา พร้อมถามผ่านขึ้นว่า “ใคร?”
หลินเซียวพูดอยู่ด้านนอกว่า “ฮูหยินเหยาใช่ไหม? ข้าคือองครักษ์ลับผี องค์ชายรัชทายาทสั่งให้ข้ามา”
ฮูหยินเหยารู้สึกแปลกใจ เจ้าห้าส่งองครักษ์ลับผีมาทำไม?
นางไม่ถูกหลอกง่ายๆอยู่แล้ว จึงพูดขึ้นว่า “หากเป็นองครักษ์ลับผี ให้โยนป้ายประกาศิตองครักษ์ลับผีเข้ามา”
“งั้นฮูหยินหลบหน่อย” หลินเซียวพูดขึ้น
ฮูหยินเหยาถอยหลังไปหลายก้าว แล้วก็เห็นป้ายประกาศิตชิ้นหนึ่ง บินลอยผ่านกำแพงเข้ามา หล่นอยู่ข้างเท้าของนางพอดี นางก้มเก็บขึ้นมา มองดูบนป้ายประกาศิตสลักไว้ว่าองครักษ์รับผี ด้านหลังยังมีหมายเลข นางเคยเห็นป้ายประกาศิตองครักษ์ลับผี ป้ายประกาศิตอันนี้เป็นของจริง
นางเปิดประตูออก หลินเซียวประนมมือโค้งคำนับนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮูหยิน”
ฮูหยินเหยาไม่เคยเห็นเขา เห็นตาคิ้วที่อ่อนโยนของเขา ก็ดูไม่เหมือนองครักษ์ลับผี องครักษ์ลับผีส่วนใหญ่เย็นชา หมาน้อยที่นางอุ้มไหว ยังคอยระแวดระวัง จึงพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาทส่งเจ้ามาทำไม? มีเรื่องอะไรหรือ?”
หลินเซียวเดินเข้าไป แล้วก็หันไปปิดประตู จากนั้นก็ส่งยิ้มให้กับฮูหยินเหยา พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาทบอกว่าฮูหยินอยู่ที่นี่คนเดียว ให้กระหม่อมมาเยี่ยม”
ฮูหยินเหยาจ้องมองดูเขา ดวงตาฉายแววสงสัย คำพูดนี้ผิดปกติ เจ้าห้าไม่มีทางให้ผู้ชายคนหนึ่งมาเยี่ยมนางเฉยๆ เจ้าห้ามีเวลาสนใจเรื่องพวกนี้ของนางเสียที่ไหน? ต่อให้หยวนชิงหลิงต้องการถามสถานการณ์ของนาง ให้อะซี่ หรือหมันเอ๋อมาก็ได้
แต่ป้ายประกาศิตนี้กลับเป็นของจริง
ฮูหยินเหยารีบถอยหลังไปหลายก้าว พร้อมพูดขึ้นอย่างระวังตัวว่า “เจ้ากลับไปบอกองค์ชายรัชทายาท บอกว่าข้าสบายดีทุกอย่าง บอกให้เขาไม่ต้องเป็นห่วง กลับไปเถอะ”
หลินเซียวยิ้มหัวเราะเบาๆ เดินมาข้างหน้า สะบัดแขนเสื้อ กลิ่นหอมแปลกพุ่งไปหาฮูหยินเหยา ฮูหยินเหยาไม่ทันระวัง สูดดมไปสองที แล้วก็รู้สึกว่าผิดปกติ รีบเอามือปิดปากปิดจมูกแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้อง
หลินเซียวยอมให้นางหลบเสียที่ไหน? คว้าจับแขกของนาง แล้วลากนางเข้าไปในห้อง มืออีกข้างหนึ่งรีบปิดปากของนางไว้ ไม่ให้นางร้องส่งเสียงออกมา หมาน้อยเห็นเจ้านายถูกรังแก ไล่ตามเข้ามาจะกัดหลินเซียว ถูกเตะกระเด็นออกไป หมาน้อยร้องอย่างน่าสงสาร ล้มลงพื้นแล้วก็ไม่ลุกขึ้นมาอีก
ฮูหยินเหยาตกใจโกรธมาก ถีบหลินเซียวอย่างสุดแรง ถูกปิดปากไว้ ไม่สามารถร้องตะโกนได้ ทำได้เพียงส่งเสียงอู้อี้
หลินเซียวกดนางไปล้มนั่งลงบนเก้าอี้กุ้ยเฟย มือถึงของฮูหยินเหยา ข่วนใบหน้าของเขา แต่ก็ขัดขืนได้เพียงแปบเดียว สักพักก็รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่างกาย เลือดลมพลุ่งพล่าน ร้อนรุ่มไปทั้งตัว ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะขยับเข้าใกล้หลินเซียว
สติที่ยังหลงเหลือของนางต้านทานไว้ ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเคยมีลูกมาแล้วสองคน นางรู้เป็นอย่างดีว่านี่หมายความว่าอะไร คนคนนี้ไม่ใช่องค์ชายรัชทายาทส่งมาอย่างแน่นอน เขาคือคนร้าย
“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ทำร้ายเจ้า” หลินเซียวเห็นร่างกายของนางอ่อนแรงลง จึงค่อยๆปล่อยนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน
ฮูหยินเหยาได้ยินชื่อนี้แล้ว เหมือนดั่งมีขนปัดผ่านใบหู จิตใจหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก นางค่อยๆหลับตา รู้สึกได้ถึงมือของเขาลูบใบหน้าของนาง นางประหนึ่งหลงใหลประหลงมัวเมา ใบหน้าค่อยๆหันกลับมา ยอมรับการลูบคลำ
หลินเซียวคิดไม่ถึงว่าจะสามารถจัดการได้ง่ายขนาดนี้ ถือว่าไม่สิ้นเปลืองยาที่เผด็จการแบบนี้ คิดแล้วก็ใช่ อาศัยอยู่คนเดียวลำพังนานขนาดนี้ คงหวยหาคนปลอบใจทุกวันคืน
ริมฝีปากของเขากดทับลงไป เดิมคิดว่าจะได้สมใจแล้ว ที่ไหนได้ กลับเห็นฮูหยินเหยาลืมตาขึ้น ยกเข่าชันขึ้น กระแทกองคชาตของเขาเต็มๆ
หลินเซียวเจ็บปวดจนกระโดดขึ้นมา ฝ่ามือตบลงบนใบหน้าของนาง ใบหน้าบูดเบี้ยว พร้อมพูดขึ้นว่า “สารเลว ไว้หน้าให้แล้วยังไม่รู้จักเจียมตัว”
ฮูหยินเหยาดึงปิ่นปักผมลงมา ไม่สนใจสามเจ็ดยี่สิบเอ็ด พุ่งแทงเขาแรงๆ แทงไม่โดนจึงเอากลับมาจ่อที่คอของตนเอง ถึงแม้นางจะกลัว ตอนนี้หากไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ ก็มีเพียงต้องฆ่าตัวตาย นางมีสติอย่างมาก
คนคนนี้ไม่ใช่คนร้ายธรรมดาแน่ คงต้องการทำลายความบริสุทธิ์ของนาง เพื่อบีบบังคับให้นางทำเรื่องอะไรที่เป็นการทำร้ายเจ้าห้า
นางต้องรักษาชื่อเสียงไว้ ไม่ทำให้ลูกสาวต้องผิดหวัง จึงต้องทำเช่นนี้
หลินเซียวคิดไม่ถึงว่านางจะจัดการยากขนาดนี้ เดิมคิดว่าผู้หญิงของหยู่เหวินจุน ล้วนเหมือนฉู่หมิงหยาง หลอกล่อเพียงนิดใช้ยานิดหน่อย ก็สามารถได้สมใจ กลับคิดไม่ถึงว่านางจะเป็นผู้หญิงมีคุณธรรมขนาดนี้
สายตาเขามืดลง หยิบเม็ดยาออกมาจากกระเป๋าแขนเสื้อ แล้วมืออีกข้างหนึ่งจับมือของฮูหยินเหยาไว้ แย่งปิ่นปักผมทิ้ง จับคางของนางไว้แล้วก็บีบบังคับให้นางอ้าปาก บีบให้ละเอียดแล้วก็ใส่เข้าไปในปากของนาง
ฮูหยินเหยารู้สึกได้ถึงเพียงกลิ่นหอมแปลกๆฟุ้งเต็มปาก นางรู้ว่าไม่ใช่สิ่งของที่ดีอะไร อยากที่จะอ้วกออกมา แต่คางถูกบีบให้เงยขึ้น นางอ้วกออกมาไม่ได้ ยานั่นละลายอยู่ในปากของนาง นางกรีดร้องหวาดกลัว ดิ้นรนทุกตีเขา แต่ร่างกายยังมีแรงเสียที่ไหน? อ่อนปวกเปียกอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย
หลินเซียวยิ้มแฉ่ง ผู้หญิงที่เก่งที่สุดในยุทธจักร ล้วนต้านทานยานี้ไม่ได้ นางที่เป็นหญิงในตระกูลขุนนาง ไม่มีกำลังภายใน จะสามารถต้านทานได้อย่างไร?
เมื่อกำลังที่จะทับร่างลงไป ตรงลำคอรู้สึกเย็นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เลือดทั่วทั้งกายของเขาแข็งตัว ในใจแอบร้องตะโกนว่าแย่แล้ว ฉู่หมิงหยางไม่สามารถจัดการฮุ่ยเทียนไว้ได้
คนที่มาคือฮุ่ยเทียนจริงๆ กลิ่นหอมแปลกนั่น ไม่สามารถส่งผลกระทบอะไรต่อเขาได้ และเมื่อวานองค์ชายรัชทายาท ก็ส่งคนมาบอกแล้ว ฉะนั้นหลังจากฉู่หมิงหยางเข้าไป เห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา ก็ตกใจจนเข่าอ่อน เมื่อโรยกลิ่นหอมแล้ว เห็นแววตาที่มืดมนของเขา ก็ตกใจวิ่งหนีไปทันที
“ไสหัวไป” ใบหน้าฮุ่ยเทียนค่อยๆหันมา ปรากฏอยู่ตรงหน้าหลินเซียว เยือกเย็นราวกับเทพอาฆาต
หลินเซียวรู้ว่าฮุ่ยเทียนมาจากกระดูกมนุษย์หมาป่า อุปนิสัยโหดเหี้ยมอย่างที่สุด เดิมคิดว่าหนีไม่พ้นการต่อสู้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะปล่อยเขาไปเช่นนี้
หลินเซียวมองดูฮุ่ยเทียน ในใจคิดว่าตนเองใช่ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฮุ่ยเทียน หากต่อสู้อาจจะสามารถชนะได้ แต่ก็ต้องบาดเจ็บสาหัส ไม่คุ้มค่า
ยังดีที่สวมหน้ากากมนุษย์ ไปจากจวนนี้แล้ว ใครก็ตามหาไม่เจอ
เขาสะบัดแขนเสื้อ หัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าเด็ดดอกมานับไม่ถ้วน ไม่คิดว่าจะเกิดปัญหาในเรื่องที่มั่นใจว่าสามารถควบคุมได้ โชคดีของเจ้า”
พูดเสร็จ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว กระโดดขึ้นด้วยวิชาตัวเบา ลอยบินไปหลายก้าว แล้วก็ออกจากจวนไป
ฮุ่ยเทียนยื่นมือประคองฮูหยินเหยา ถามขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกว่า “เจ้ายังไหวไหม?”
ฮูหยินเหยากลับมองดูเขาด้วยสายตาหวานฉ่ำ มือทั้งคู่เกี่ยวคอของเขาไว้ ฮุ่ยเทียนเห็นนางหายใจกระสับกระส่าย ร้อนรุ่มไปทั้งตัว ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ฮุ่ยเทียนจ้องมองดูใบหน้าที่แดงก่ำของนาง ถอยหลังไปสองก้าว พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮูหยินดูแลตัวเองด้วย”
ฮูหยินเหยาอึ้งไปสักพัก กลับยังคงพัวพันไปหา ดวงตาแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ อย่าไป”