บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1059 มีไส้ศึกอยู่ในองครักษ์ลับผี
ฮุ่ยเทียนเห็นนางไม่เย็นชาเหมือนปกติ ตาคิ้วอ่อนหวาน ริมฝีปากแดงระเรื่อ ราวกับกลีบดอกจับตัวเป็นก้อน ทำให้ไม่สามารถละสายตาได้
แต่เขารู้หากขยับเข้าไปใกล้ หลังจากที่นางตื่นขึ้นมา จะต้องได้พยายามคิดฆ่าตัวตายแน่
เพียงแต่ แขนนั่นเป็นเหมือนดั่งงูพัวพันไว้ ชายแท้ๆอย่างเขาจะสามารถต้านทานได้อย่างไร? สายตาของเขามืดลง ช่างเถอะ หากนางเสียใจ เขาก็ฆ่าตัวตาย แสดงความรับผิดชอบต่อนาง
เดิมเขาก็ไม่ใช่คนที่ดีอะไร ช่วยชีวิตนี้อะไรก็ผ่านมาหมดแล้ว ความเป็นความตาย คมดาบเลือกตก ไม่เคยแตะต้องผู้หญิงเพียงอย่างเดียว หากตายภายใต้ผู้หญิงสวยๆ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเสียดายแล้ว
เขาอุ้มฮูหยินเหยาขึ้นมา แล้วก็เดินตรงไปที่เตียงไม้นั่น ร่างกายทับลงไป ดวงตาเป็นประกายอย่างไม่คิดเปลี่ยนใจ ใช้ชีวิตเพื่อรักนางสักครั้ง
หลังจากบรรเลงเริงรักแล้ว ฮูหยินเหยาเงียบไปเนิ่นนาน ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง แล้วก็เห็นฮุ่ยเทียนยื่นดาบเล่มหนึ่งมาให้
นางเงยหน้ามองดูฮุ่ยเทียน เขายังสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย เผยให้เห็นหน้าอกแน่น สายตาฉายแววชัดเจน พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้า เจ้าฆ่าข้า ลบล้างกัน แล้วก็จะไม่มีใครรู้ไปตลอด เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียง”
ฮูหยินเหยารับดาบมา แล้วก็โยนทิ้งไปบนพื้น ค่อยๆลุกขึ้นมา แล้วก็สวมเสื้อผ้าต่อหน้าเขา บนร่างกายของนาง ล้วนเต็มไปด้วยร่องรอยหลังจากเริงรักกัน ม่วงแดงไปหมด หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว นางเงยหน้ามองดูฮุ่ยเทียน ฮุ่ยเทียนก็มองดูนางด้วยสายตาเศร้า
ฮูหยินเหยาพูดขึ้นด้วยเสียงสงบว่า “เรื่องนี้ เจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด ก็จะไม่มีใครรู้ ไม่ต้องฆ่าเจ้า”
ฮุ่ยเทียนอึ้งไปสักพัก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่โทษข้า?”
ฮูหยินเหยาส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าช่วยชีวิตข้า ข้าไม่ใช่คนไม่รู้จักบุญคุณ หากไม่ใช่เพราะเจ้ามา ข้าคงถูกคนร้ายนั่นทำลายแล้ว แม้แต่ชีวิตก็เอาไม่รอด”
ฮุ่ยเทียนมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาสับสนว่า “ข้ายังคิดว่า เจ้าตื่นขึ้นมาแล้วจะต้องฆ่าข้า”
ฮูหยินเหยาพูดขึ้นว่า “ในเมื่อเจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าเจ้า ทำไมไม่จากไป? ยังจะมาสนใจข้าทำไม? หากเพื่อนเรื่องนั้น ยังไงเจ้าก็คงไม่ขาดผู้หญิง”
ฮุ่ยเทียนครุ่นคิดสักพัก พูดเหตุผลไม่ออก จึงพูดเพียงว่า “ไม่รู้”
ฮูหยินเหยาหัวเราะ รอยยิ้มหนาวเหน็บเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบคุณที่เจ้าช่วยชีวิตข้า เรื่องในวันนี้ ไม่ต้องพูดกับคนอื่น”
ฮุ่ยเทียนพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ไม่พูดอยู่แล้ว เดิมก็ไม่อยากที่จะทำลายชื่อเสียงของเจ้า”
ฮูหยินเหยาพยักหัว เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ในทันใด นางผลักฮุ่ยเทียนแล้ววิ่งออกไป หมาน้อยนอนอยู่บนพื้น กลับยังไม่ตาย นางตกใจแทบแย่ เกือบที่จะน้ำตาไหล รีบอุ้มหมาน้อยขึ้นมา ลูบหัวของเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างสะอึกสะอื้นว่า “โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร”
หมาน้อยเลียหลังมือของมา แล้วก็ร้องขึ้นมา
ฮุ่ยเทียนตามออกมา เห็นนางน้ำตาไหลเพราะหมาน้อย กลับสิ่งที่ตนเองต้องพบเจอ กลับไม่มีความเสียใจเลย รู้สึกแปลกใจอย่างมาก
ฮูหยินเหยาลุกขึ้นมา อุ้มหมาน้อยไว้พร้อมพูดกับเขาว่า “เจ้ากลับไปเถอะ ข้าไม่เป็นไรแล้ว”
ฮุ่ยเทียนมองดูดวงตาของนาง พยักหัวเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นข้ากลับล่ะ มีอะไรเจ้าค่อยเรียกหาข้า”
ฮูหยินเหยามองดูเขาแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “ฮุ่ยเทียน เรื่องในวันนี้ลืมไปเสียเถอะ”
ฮุ่ยเทียนพยักหัวเงียบ ค่อยเดินออกไป ไปถึงหน้าประตูเรือน เขากลับหันกลับมามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาเป็นประกายว่า “ข้าจะไม่มีวันลืม ข้าจะคิดถึงอยู่ตลอด คิดถึงภาพในวันนี้อยู่ตลอด ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่เคยลองแบบนี้ ข้าไม่มีทางลืมไปตลอด”
ฮูหยินเหยาได้ยินเช่นนี้แล้ว อึ้งมองดูเขา ภาพเริงรักเมื่อกี้ ผุดขึ้นมาในใจ สีหน้านางแดงระเรื่อ อุ้มหมาน้อยไว้ แล้วก็กลับเข้าห้องไป
ฮุ่ยเทียนก็หันตัวเดินจากไป
ทางด้านฮุ่ยเทียน หยู่เหวินเห้าไม่ได้สั่งคนจับตาดูไว้ ฉะนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่าหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้น
แต่เพราะรู้ว่าวันนี้หลินเซียวจะมา ดังนั้นพลบค่ำหรงเยว่ มาหาฮุ่ยเทียนถามสถานการณ์ด้วยตนเอง ฮุ่ยเทียนเล่าอย่างคร่าวๆว่า ไล่หลินเซียวกับฉู่หมิงหยาง ไม่ได้ฆ่าพวกเขา
หรงเยว่ฟังที่เขาเล่าแล้ว ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หลินเซียวน่ารังเกียจขนาดนี้ ต่อไปจะต้องได้ฆ่าเขา ดีที่สุดคือให้เสี้ยวหงเฉิงลงมือด้วยตนเอง”
ฮุ่ยเทียนพูดขึ้นด้วยจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวว่า “อืม เจ้ากลับไปเถอะ ข้ายุ่ง”
“ยุ่งอะไรหรือ?” หรงเยว่มองดูเขา ทันใดนั้นก็มองเห็นบนขอของเขามีรอยแดง จึงพูดขึ้นว่า “คอของเจ้าเป็นอะไรหรือ?”
“ที่นี่ยุงเยอะ” ฮุ่ยเทียนตอบไปเรื่อย ผลักนางพร้อมพูดขึ้นว่า “ไสหัวไป”
หรงเยว่กลับค่อนข้างสงสัย อากาศหนาวอย่างนี้มียุ่งได้อย่างไร?
แต่ปกติฮุ่ยเทียนที่แปลกประหลาด ขี้เกียจสนใจเขา จึงไปหาฮูหยินเหยาที่อยู่บ้านด้านข้าง
ฮูหยินเหยาได้ยินว่าเป็นหรงเยว่ เปิดประตู ฉีกยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “มาแล้วหรือ?”
“อืม มาดูเจ้า มาบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เจ้าฟังด้วย”
ฮูหยินเหยาเงยหน้าขึ้นมาในทันใด พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องในวันนี้?”
หรงเยว่ประคองแขนนางเดินเข้าไป พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม คนร้ายที่มาในวันนี้ องค์ชายรัชทายาทรู้แต่แรกแล้ว สั่งให้ฮุ่ยเทียนคอยคุ้มกันไว้ แต่ทางด้านฮุ่ยเทียนก็มีคนมา จึงรับมืออยู่สักพัก โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” ฮูหยินเหยาพูดขึ้นอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มีป้ายประกาศิตออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่เป็นสิ่งที่คนคนนั้นทิ้งไว้ในวันนี้ เขาบอกว่าเขาเป็นองครักษ์ลับผี”
หรงเยว่พูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “ยังว่าเป็นองครักษ์ลับผี?”
นางมองดูป้ายประกาศิตนั่น พร้อมพูดขึ้นว่า “สิ่งของนี้คิดว่าน่าจะเป็นของปลอมเหมือนกัน”
ฮูหยินเหยารวบรวมสติ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ ป้ายประกาศิตนี้เป็นของจริง เจ้าเอากลับไปให้เจ้าห้าดู คงไม่ใช่ว่าในองครักษ์ลับผีมีไส้ศึกนะ?”
หรงเยว่ฟังแล้ว ก็พูดขึ้นอย่างตะลึงว่า “ไม่ใช่มั้ง? งั้นต้องให้องค์ชายรัชทายาทดูจริงๆ”
“ได้ เจ้ากลับไปเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว” ฮูหยินเหยาพูดขึ้น
หรงเยว่พยักหัว มองดูนางแวบหนึ่ง เห็นบนคอก็มีรอยแดง จึงถามขึ้นว่า “ที่อยู่ของพวกเจ้านี้ยุงเยอะจริงๆ จุดธูปหอมไล่ยุงเยอะๆหน่อย หรือไม่ ข้าหาเรือนหลังใหม่ให้เจ้า อาศัยอยู่ใกล้ทุกคนหน่อย”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง” ฮูหยินเหยารีบพูดขึ้น ดึงคอเสื้อขึ้นให้ดี พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าอยู่ที่นี่สบายดี มียุงก็ไม่เป็นไร เจ้ารีบกลับไปเถอะ”
หรงเยว่รู้ว่านางก็คงตกใจแย่แล้ว จึงพูดขึ้นว่า “งั้นดี ข้ากลับล่ะ เจ้าพักผ่อนให้ดี มีอะไรก็เรียกฮุ่ยเทียน ไม่ต้องเกรงใจเขา คนอย่างเขาหยาบคายอย่างมาก และก็ไม่รู้จักสงบเสงี่ยม เจ้าไม่เรียกใช้เขา เขาจะไม่พอใจ”
ฮูหยินเหยาพูดแก้ตัวให้กับฮุ่ยเทียน ด้วยสัญชาตญาณว่า “เขาไม่ได้หยาบคาย รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัว เจ้าพูดว่าเขาเช่นนี้ไม่ได้”
หรงเยว่คิดลวกๆ คิดเพียงว่าฮูหยินเหยาพูดเข้าข้างฮุ่ยเทียนเพราะเป็นมารยาท จึงหัวเราะ โบกมือแล้วก็กลับไป
ฮูหยินเหยาค่อยโล่งอก มองดูนางปิดประตูเรือน จึงกลับเข้าไปในห้อง ยืนอยู่ตรงหน้ากระจก มองดูรอยแดงบนคอของตนเอง มีเรื่องบางอย่าง อยากลืมแต่กลับฟังลึกอยู่ในใจตลอดเวลา
รายละเอียดที่เริงรักอยากบ้าคลั่งนั่น ทีละนิดทีละน้อย นางล้วนคิดเห็นภาพอย่างละเอียดหลายรอบมาก
นางไม่ได้รักษาตัวไว้เพื่อหยู่เหวินจุน นางเพียงแค่….ไม่คู่ควรกับฮุ่ยเทียน
นางอายุสามสิบกว่าแล้ว ค่อยๆแก่มากแล้ว มีลูกสาวคุณ คนอย่างนางเช่นนี้ หากต้องการแต่งงานเป็นครั้งที่สอง ตัวเลือกคุณสมบัติก็จะต้องต่ำลง นอกเสียจากเป็นครอบครัวบุคคลธรรมดา หากต้องการครอบครัวขุนนางหรือครอบครัวมั่งคั่ง ก็จะได้เป็นเมียคนแก่อายุห้าหกที่เป็นหม้าย
งั้นไม่คู่ควรฮุ่ยเทียนจริงๆ
นางอุ้มหมาน้อยไว้ พร้อมพูดพึมพำขึ้นว่า “ข้าจะต้องอยู่กับเจ้าไปตลอดชีวิตแล้ว รอเมิ่งเยว่เมิ่งซิงต่างแต่งงานแล้ว พวกเราก็ไปจากเมืองหลวงเถอะ”
หมาน้อยนอนอยู่บนมือของนางยังไม่สดใส ถูกหลินเซียวเตะหนึ่งที ถึงแม้จะสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ กลับก็ไม่สามารถมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้