บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1060 องครักษ์ลับผีหมายเลขห้า
ป้ายประกาศิตองครักษ์ลับผีถูกนำกลับมา หยู่เหวินเห้าพลิกไปมาตรวจสอบสักพัก น่าจะเป็นของจริง แต่เพื่อเป็นการยืนยันให้แน่ใจ ยังต้องให้แม่ทัพหลอมาด้วยตนเองสักครั้ง
เดิมแม่ทัพหลอก็คือแม่ทัพขององครักษ์ลับผี ป้ายประกาศิตองครักษ์ลับผี ตั้งแต่ราชสมัยของไท่ซ่างหวงจนถึงตอนนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นลายแกะสลักหรือวัสดุที่ใช้ทำ ล้วนเหมือนเดิมทุกอย่าง
แม่ทัพหลอมองทีเดียวก็รู้ จึงพูดขึ้นว่า “ป้ายประกาศิตเป็นของจริง”
“บนป้ายประกาศิตมีหมายเลข เป็นหมายเลขห้า คนคนนี้เป็นใคร เจ้าจำได้ไหม?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
แม่ทัพหลอพูดขึ้นว่า “หมายเลขห้า เป็นองครักษ์ลับผีชุดแรก หมายเลของครักษ์ลับผีในตอนนี้นับถึงหมื่นกว่าคนแล้ว”
“ชุดแรก? งั้นอาจจะตายไปแล้ว”
แม่ทัพหลอพูดขึ้นว่า “แต่หลังจากองครักษ์ลับผีตาย จะมีการเอาป้ายประกาศิตกลับมา รวบรวมเก็บไว้ที่สำนักงานใหญ่องครักษ์ลับผี หมายเลขห้าเป็นใครกันแน่ ข้าจะต้องกลับไปสืบดู เพราะข้อมูลขององครักษ์ลับผีชุดแรกล้วนเป็นความลับ แม้แต่กระหม่อมก็ไม่สามารถไปเปิดดูอย่างวิสาสะ โดยเฉพาะหมายเลขก่อนห้าสิบ มีการบูชาไว้”
“อืม ป้ายประกาศิตทั้งหมดล้วนเก็บกลับมาหรือ?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
“เบื้องต้นล้วนเก็บกลับมา ต่อให้ตายอยู่ข้างนอก ไม่สามารถเอาศพกลับมาได้ ก็จะต้องทำใหม่อีกหนึ่งชิ้น แล้วเก็บไว้ภายในสำนักงานใหญ่” แม่ทัพหลอพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “สถานที่ที่สำนักงานใหญ่เก็บป้ายประกาศิต มีกี่คนที่สามารถเข้าไปได้?”
“แม่ทัพทุกสมัย”
หยู่เหวินเห้าคิดถึงตี๋เว่ยหมิง เขาเป็นแม่ทัพคนก่อน ตอนนั้นเขาขโมย ป้ายประกาศิตไปหลายอัน ก็ไม่มีใครรู้
“เจ้ากลับไปสืบดูก่อนว่าหมายเลขห้าคือใคร” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
“ขอรับ” แม่ทัพหลอขอตัวกลับ
แม่ทัพหลอกลับมาในคืนนั้นเลย สีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ตรวจสอบดูแล้ว ตามบันทึกการก่อตั้งองครักษ์ลับผี ที่จริงหมายเลขห้าถือว่าว่างเปล่า แต่สืบดูจากบันทึกในตอนนั้น หมายเลขห้าที่ขาดเป็นเพราะตอนที่ก่อตั้งองครักษ์ลับผี มีคนหนึ่งเอาป้ายประกาศิตหมายเลขห้าไป พูดอย่างถูกต้องก็คือ เขาไม่ถือว่าเป็นองครักษ์ลับผี”
“เป็นใคร?” หยู่เหวินเห้าถาม
แม่ทัพหลอพูดขึ้นด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “คืออ๋องผิงหนานหยู่เหวินจี๋”
หยู่เหวินเห้าเหมือนถูกทุบตีอย่างหนัก พร้อมพูดขึ้นว่า “อ๋องผิงหนาน?”
“ไม่ผิด กระหม่อมได้นำบันทึกในตอนนั้นมาด้วย ตอนไหนตอนที่ก่อตั้งองครักษ์ลับผี คืออยู่ในจวนอ๋องซู่ ตอนนั้นฮ่องเต้ฮุยจง ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ แม้แต่ไท่ซ่างหวงก็ยังไม่ได้ถูกแต่งตั้งขึ้นมา”
หยู่เหวินเห้ารีบรับมาเปิดอ่าน ภายในมีบันทึกไว้เกี่ยวกับเรื่ององครักษ์ลับผีหมายเลขห้า ตอนนั้นที่ก่อตั้งองครักษ์ลับผีขึ้นมา เท่ากับเป็นการรวมตัวของกลุ่มที่มีฝีมือการต่อสู้ไม่สูงนัก ได้ทำป้ายประกาศิตขึ้นมาอยู่หลายอัน ตอนนั้นพระราชนัดดาหยู่เหวินจี๋เห็นป้ายประกาศิตน่าสนใจ จึงหยิบไปหนึ่งอัน บอกว่าเขาก็จะเป็นองครักษ์ลับผี แต่พระราชนัดดาไม่สามารถที่จะเป็นองครักษ์ลับผี เพราะตอนนั้นพระราชนัดดาได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งผลกระทบต่อสมอง มีภาวะสมองเสื่อม ตอนนั้นจึงเอาไปเพราะอยากเล่น แต่ตอนนั้นก่อตั้งองครักษ์ลับผี ไท่ซ่างหวงกับชายาเฟิงอันรักใคร่พระราชนัดดามาก จึงเอาป้ายประกาศิตหมายเลขห้าขององครักษ์ลับผีให้เขาไป
หยู่เหวินเห้าไม่ยอมรับการที่อ๋องผิงหนาน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตลอด แต่ร่องรอยเบาะแสทุกอย่าง ล้วนแทบจะชี้ไปหาอ๋องผิงหนาน
ในใจของเขาหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก นอกจากอ๋องผิงหนานจะเป็นผู้อาวุโสที่เขาเคารพนับถืออย่างมากแล้ว ยังเป็นญาติผู้พี่ที่ไท่ซ่างหวงให้ความสำคัญอย่างมาก
“ไม่ได้ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปถามไท่ซ่างหวง ในนี้อาจจะมีอะไรเข้าใจผิด” หยู่เหวินเห้ายังคงไม่ยอมเชื่อ
แม่ทัพหลอพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “องค์ชายรัชทายาท เกรงว่าจวนอ๋องผิงหนานจะเกี่ยวข้องกับของพวกนี้จริงๆ ท่านอย่าได้เชื่อใจจนเกินไป”
หยู่เหวินเห้ารู้ว่าเมื่อหลักฐานวางอยู่ตรงหน้า ยังพูดว่าเชื่อใจถือเป็นการค่อนข้างตาบอด แต่อาจจะเป็นไปได้ว่ามีคนหลอกใช้อ๋องผิงหนาน
วันที่สอง หยู่เหวินเห้าเข้าวัง ไปยังพระตำหนักฉินคุน โดยอ้างว่าจะไปถวายพระพร
ไท่ซ่างหวงจะไม่รู้นิสัยของหลานคนนี้หรือ? เขานั้นไม่มีเรื่องไม่มา ด้วยงานที่ยุ่งขนาดนี้แล้วยังมีเวลาเข้าวังมาเพื่อถวายพระพรนั้นเป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีความคิดนี้
ดังนั้น หลังจากนั่งลงแล้วก็ถามขึ้นว่า “เรื่องอะไร พูดมา”
หยู่เหวินเห้าเอาป้ายประกาศิตออกมายื่นให้กับไท่ซ่างหวง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จปู่ ท่านดูสิยังจำป้ายประกาศิตนี้ได้ไหม?”
ไท่ซ่างหวงรับมา พลิกดูด้านหลังแล้วเห็นหมายเลขนี้ แล้วใบหน้าก็ยิ้มหัวเราะขึ้นมา เหมือนเห็นภาพในวันวาน พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาหวนคิดว่า “จำไม่ได้ได้อย่างไร? ยังอยู่ในตาทุกอย่าง”
“งั้นป้ายประกาศิตนี้คือของใคร?” หยู่เหวินเห้าถามขั้น
ไท่ซ่างหวงใช้นิ้วมือลูบหมายเลขป้ายประกาศิตเบาๆ เห็นได้ชัดว่าส่วนที่นูนขึ้นถูกลูบจนโค้งมน แสดงว่าเขาเอาออกมาดูอยู่บ่อยครั้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นของเสด็จปู่ใหญ่ของเจ้าอ๋องผิงหนาน ป้ายประกาศิตนี้เขาพกติดตัวตลอด เจ้าเอามาได้อย่างไร?”
“เป็นของเขาจริงหรือ?” ในใจหยู่เหวินเห้าหนักอึ้ง ความหวังสุดท้ายดับสูญแล้ว
“เอามาจากที่ไหน?” ไท่ซ่างหวงถามขึ้นอย่างจริงจัง
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างไม่ปิดบังว่า “เอามาจากในมือของคนร้ายคนหนึ่ง คนคนนี้สร้างปัญหาบ่อนทำลายอยู่ในมือหลวง เคยขโมยแผนที่ทางการทหาร”
ไท่ซ่างหวงขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปได้อย่างไร? มีเป็นสิ่งของติดตัวของจี๋เอ๋อร์”
“เสด็จปู่ เป็นของปลอมหรือเปล่า? หรือว่า ป้ายประกาศิตนี้เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น? หลังจากที่อ๋องผิงหนานเอาไปแล้ว ได้ยกให้กับใคร?”
ไท่ซ่างหวงส่ายหัว พยายามหวนคิดถึงภาพในตอนนั้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เริ่มแรกก่อตั้งองครักษ์ลับผี พี่เหว่ยเห็นว่า คนมีฝีมือข้างกายมีไม่มาก ตอนนั้นข้างกายเขามีองครักษ์อยู่สามคน องครักษ์เงาดำ องครักษ์ลับผี องครักษ์ฟ้าผ่า ทั้งสามคนนี้ล้วนติดตามเขาด้วยชีวิต องครักษ์ลับผีกับองครักษ์เงาดำเป็นพี่น้องฝาแฝด องครักษ์ลับผีมีวิชาตัวเบาที่สูงมาก ชำนาญการสืบความกับปกป้องอยู่ในที่ลับ ตอนนั้นหอจัยซิงเผชิญกับอันตราย พี่เหว่ยให้องครักษ์ลับผี ไปหาคนที่สามารถทำงานได้ จัดให้เป็นองครักษ์ลับ ใช้เพื่อสอดแนมสถานการณ์ของเราตระกูลใหญ่ หลังจากก่อตั้งองครักษ์ลับผี ก็ใช้ชื่อองครักษ์ลับผี ข้ายังจำได้ ตอนที่เพิ่งก่อตั้ง องครักษ์ลับผีเอาป้ายประกาศิตหมายเลขหนึ่งไป ข้ากับโสวฝู่ เซียวเหยากง เอาหมายเลขสอง สาม สี่ หมายเลขห้าอ๋องผิงหนานเอาไป หลังจากเข้าไปแล้ว ก็เหมือนดั่งได้สิ่งของล้ำค่า พี่สะใภ้ยังใช้เชือกสีแดงเส้นหนึ่งผูกไว้ให้เขา แล้วก็ห้อยคอไว้ เก็บไว้ติดตัวมาตลอด เขาหวงแหนอย่างมาก ต่อมาเขาถูกแต่งตั้งให้เป็นอ๋องพัน จากเมืองหลวงไป ยังเอาป้ายประกาศิตนี้ไปด้วย”
“หวงแหนขนาดนี้ ตามหลักแล้วไม่น่าจะให้คนอื่นไปเรื่อย นอกเสียจากมีเหตุผลที่สำคัญมาก” ในใจหยู่เหวินเห้ากลับยิ่งสับสน
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ไม่ว่าเจ้าสงสัยอะไร ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่า อ๋องผิงหนานไม่มีทางสร้างความเดือดร้อนให้กับราชสำนักเด็ดขาด และเขาก็ไม่มีทางคิดครอบครองแผ่นดินดำรงตำแหน่งกษัตริย์ ฝ่ายตรงข้ามอาจจะตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ เบี่ยงเบนความสนใจไปหาอ๋องผิงหนาน เจ้าจะต้องสืบความให้ดี คืนความบริสุทธิ์ให้กับเขา”
ไท่ซ่างหวงเชื่อมั่นในตัวอ๋องผิงหนานขนาดนี้ นี่ทำให้ในใจหยู่เหวินเห้าค่อยโล่งอก ไท่ซ่างหวงเป็นคนฉลาด มักจะดูคนไม่ผิด เขาพูดว่าอ๋องผิงหนานไม่ทำ งั้นก็ต้องไม่ทำแน่ พวกเขามีความผูกพันที่เติบโตมาด้วยกัน
งั้น ก็เท่ากับว่า มีคนตั้งใจที่จะใช้อ๋องผิงหนานมาเบี่ยงเบนเบาะแส?
ตอนนี้เบาะแสที่อยู่ตรงหน้าที่จริงมีเยอะมาก แต่เบาะแสพวกนี้ล้วนไม่มีหัวไม่มีหาง ไม่สามารถติดตามไปจนถึงตลอด เห็นที ต้องเอาเบาะแสทั้งหมดพวกนี้มารวมกัน แล้วหาดูความผิดปกติ
หลังจากได้คำตอบที่ต้องการแล้ว หยู่เหวินเห้าก็ขอทูลลากลับไป ด้านหลังมีเสียงของไท่ซ่างหวง พูดขึ้นอย่างน้อยใจว่า “ภรรยาของเจ้ากับลูกไม่มานานแล้ว”