บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1066 ไปทวงเงินถึงที่
ฮูหยินเหยาพอจะรู้ตัวเองดี ว่านางออกจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เกินไปหน่อย จึงถอนหายใจเบา ๆ “ไม่มีอะไรใหญ่โตหรอก หลังจากนี้ข้าจะไปคุยกับนางเอง”
หยวนชิงหลิงมองนางแล้วพูดว่า “เจ้าบอกเองว่าอยากมาอยู่ที่นี่ ข้าก็รู้สึกแล้วว่ามันไม่ปกติ ข้าอุตส่าห์ไปรับเมิ่งซิงมา เจ้าไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ทำให้นางร้องไห้เสียแล้ว นี่ไม่เหมือนเจ้าในยามปกติเลย สรุปว่าเจ้าโกรธเคืองเรื่องอะไรกันแน่? ถึงกับบอกข้าไม่ได้เลยอย่างนั้นรึ?”
ดวงตาของฮูหยินเหยาฉายแววขมขื่น “ไม่มีอะไรหรอก ในหัวข้าแค่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบอธิบายไม่ถูกน่ะ ให้เวลาข้าค่อย ๆ ปรับแก้สักหน่อยก็ไม่เป็นไรแล้ว ขอโทษนะ มาเพิ่มปัญหาให้เจ้าแล้วจริง ๆ”
หยวนชิงหลิงเห็นว่านางยังคงไม่ยอมพูด จึงทำได้แค่พูดขึ้นว่า: “เห็นข้าเป็นคนอื่นเสียจริง ไม่พูดก็ไม่พูดแล้วกัน แต่เจ้าต้องเป็นคนออกไปโอ๋เมิ่งซิงเอง กว่านางจะได้พบเจ้าสักครั้งต้องลำบากขนาดไหน เจ้าไม่แสดงท่าทีที่แม่รักใคร่เมตตาต่อลูก ให้ลูกได้แสดงความกตัญญูให้เห็น แต่กลับมาถึงก็ใช้ไม้แข็งสั่งสอนนาง ข้อนี้ข้าไม่พอใจอย่างยิ่ง”
พูดจบ นางก็ไม่สนใจฮูหยินเหยาอีก หันหลังเดินจากไปทันที
ฮูหยินเหยาได้แต่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด หลังจากมึนงงไปครู่หนึ่ง ก็เดินออกไปโอ๋เมิ่งซิงให้หยุดร้องไห้
ในช่วงเวลาที่เตรียมงานแต่งของหมันเอ๋อ ฉู่หมิงหยางกับหลินเซียวสองคนนี้ กลับยังคงมีการไปมาหาสู่กันอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหลินเซียวจะไม่สามารถตามเงินของซุนฉวนหวู่คืนมาให้ฉู่หมิงหยางได้ แต่เขากลับช่วยให้จ่ายเงินค่าดอกเบี้ยให้นาง
เดิมฮูหยินรองตระกูลกู้จะไปเอาเงินคืน แต่พอออกไปข้างนอกได้ยินเรื่องซุบซิบนินทา นางก็ไม่สนใจเรื่องเงิน ในใจคิดแต่จะรีบไปชี้แจงและสืบหาให้มันแน่ชัด แม้ว่าจะไปแจ้งความแล้ว แต่ถึงตอนนี้ ที่ทำการปกครองก็ยังไม่สามารถตรวจสอบอะไรพบเลยแม้แค่น้อย นี่จึงทำให้นางร้อนใจเหลือเกินแล้ว
ส่วนทางตระกูลเหลิ่ง นางก็ปฏิเสธอย่างเป็นทางการไปแล้วเช่นกัน ฮูหยินเหลิ่งถึงกับมาด้วยตัวเอง แล้วมอบของขวัญให้จำนวนหนึ่ง บ่งบอกว่านางไม่ใช่เพราะข่าวลือภายนอก แต่เพราะเหลิ่งจิ้งเหยียนยังไม่มีแผนการว่าจะแต่งงาน บอกชัดด้วยว่าในช่วงสองปีจากนี้ก็ยังจะไม่แต่งงานอย่างแน่นอน
ฮุหยินรองตระกูลกู้ย่อมรู้ดีว่านั่นเป็นแค่ข้ออ้าง แต่ตอนนี้นางจะฝืนดื้อดึงต่อไปได้อย่างไรล่ะ? การที่ฮูหยินเหลิ่งมาด้วยตัวเอง ถือเป็นการไว้หน้าให้มากแล้ว ทั้งยังเป็นการให้ทางลงที่ดีกับตระกูลกู้อีกด้วย บอกว่าในอีกสองปีข้างหน้าเหลิ่งจิ้งเหยียนจะยังไม่แต่งงาน หากปฏิเสธเรื่องการแต่งงานออกมาชัด ๆ ย่อมต้องมีการไปคุยกับตระกูลอื่นทันที คนก็จะคิดกันได้ว่า เป็นเพราะชื่อเสียงของคุณหนูห้าตระกูลกู้แน่ ๆ ถึงได้ไม่ยอมแต่งงานกับนาง
ฮูหยินรองตระกูลกู้รู้สึกอึดอัดใจอยู่พักหนึ่ง แต่นางไม่อาจสืบจนรู้ความจริงได้ ยังดีที่คนข้างนอกซุบซิบนินทากันหลายวันเข้า ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าแปลกใหม่น่าสนใจอะไรอีก กลับกลายเป็นว่ารู้สึกสงบลงไปได้ชั่วคราวแทน
รอจนสงบจิตใจลงมาได้ นางก็คิดว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ควรจะต้องเอาเงินกลับคืนมาให้ได้เสียก่อน ดังนั้นจึงส่งคนไปหาฉู่หมิงหยางที่จวน แต่ช่วงนี้ฉู่หมิงหยางมักจะตัวติดอยู่กับหลินเซียวตลอด มักออกแต่เช้ากลับจนค่ำเช่นเดียวกับหยู่เหวินจุน หลังจากส่งคนไปเชิญจนสองสามวันผ่านไป ก็ยังไม่สามารถเชิญมาได้ นี่ทำให้ฮูหยินรองตระกูลกู้กังวลใจมาก คิดว่าฉู่หมิงหยางเจตนาหลบหน้านางแน่ ๆ จึงตัดสินใจไปที่นั่นด้วยตัวเอง
ตอนนี้หยู่เหวินจุนเริ่มทำการค้าแล้ว แต่ละวันจึงยุ่งมาก หลังจากตื่นนอนก็ออกไปทันที จนยามไฮ่ ( ช่วงเวลา 21.00 – 23.00 น.) ถึงจะกลับมา ในจวนจึงมีแค่คนรับใช้กับบรรดาสาวใช้ที่คอยดูแลเรื่องจิปาถะ
เพียงแต่หลังจากที่หยู่เหวินจุนออกไปวันนี้ ยามอู่ก็กลับมา (ประมาณเที่ยง) เขากินข้าวกับคนอื่นเมื่อตอนเที่ยง กินมากเกินไปหน่อย รู้สึกอึดอัดไม่สบายท้อง จึงอยากกลับมานอนพักสักหน่อย
กลับถึงบ้านไม่เจอฉู่หมิงหยาง จึงเรียกสาวใช้ให้ไปชงชากาเล็ก ๆ มาให้ดื่มสักกาเพื่อช่วยย่อย หลังจากดื่มไปจนเริ่มรู้สึกสบายตัวขึ้นบ้างเล็กน้อย ก็คิดว่าจะนอนพักสักครู่ ชั่วขณะนั้นก็ได้ยินว่าฮูหยินรองตระกูลกู้มาขอพบ
คนของตระกูลกู้เป็นอะไรที่แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่ค่อยจะเห็นอยู่ในสายตาสักเท่าไหร่อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้เป็นเพราะความเป็นอริกับกู้ซือ เขาก็ยิ่งไม่เต็มใจจะให้ความสนใจเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่ามาหาฉู่หมิงหยาง จึงพูดแบ่งรับแบ่งสู้ไปสองสามคำอย่างขอไปที
ฮูหยินรองตระกูลกู้กลับมีท่าทีร้อนใจมาก ” นางจะกลับมาเมื่อไหร่รึ? ข้าส่งคนไปเชิญนางสามวันแล้ว ก็เอาแต่บอกว่านางไม่อยู่บ้าน ข้ามีเรื่องด่วนที่จะต้องพบนางให้ได้ ”
เมื่อหยู่เหวินจุนได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็เริ่มให้ความสนใจ เรียกสาวใช้ให้เข้ามาแล้วถามว่า “ช่วงนี้ มักจะออกไปข้างนอกบ่อย ๆ รึ?”
สาวใช้กลัวเขาจึงไม่กล้าปิดบัง รีบตอบไปว่า “ใช่เพคะ ช่วงนี้ฮูหยินออกไปทุกวัน หลังจากที่ท่านออกไปแล้ว นางก็จะออกไปทันที จนค่ำ ๆ ถึงค่อยกลับมาเพคะ”
หยู่เหวินจุนหรี่ตาลง “ออกไปข้างนอกทุกวันรึ ? ไปไหน ? ทำไมไม่พาเจ้าไปด้วย ?”
เขารู้ว่าฉู่หมิงหยางเป็นคนกลัวเสียหน้า ถ้าออกไปเยี่ยมเยียนเพื่อน นางจะต้องพาสาวใช้ติดกายไปด้วยแน่นอน จะออกไปคนเดียวได้อย่างไรกัน?
สาวใช้ส่ายหน้า “ข้าน้อยไม่ทราบเพคะ”
หยู่เหวินจุนจำได้ว่าช่วงนี้เวลาเขากลับมาตอนค่ำ ๆ แม้ว่านางดูท่าทางเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ก็ดูเหมือนว่านางจะมีอารมณ์ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว ทั้งซื้อเสื้อผ้าใหม่ และมักชอบปะแป้งแต่งหน้าอยู่เสมอ
ในใจเขาเกิดความสงสัยเคลือบแคลงขึ้นมาทันที
ฉู่หมิงหยางเป็นคนที่มีประวัติว่าเคยทำความผิด ผู้หญิงคนนี้ทะเยอทะยานเกินตัว หลงใหลผู้ชายที่หน้าตาดี รักสนุกชอบทำตัวสุรุ่ยสุร่าย หวังแต่จะได้เข้าไปเป็นชนชั้นสูงอีกครั้งอยู่เสมอ แม้ว่านางจะไม่กล้าบ่นถึงเรื่องก่อนหน้านี้ แต่ถ้าดูจากหน้าตาที่เอาแต่บูดบึ้งซังกะตายของนาง ก็พอมองออกได้ว่านางไม่ได้เต็มใจมาที่นี่นักหรอก
เป็นไปได้หรือไม่ว่า นางอาจไปเริงรื่นกับชายอื่นอีกแล้ว?
ฮูหยินรองตระกูลกู้ร้อนใจดั่งไฟลนแล้วจริง ๆ นางจำได้ว่าฉู่หมิงหยางบอกว่าเถ้าแก่คนที่มายืมเงินคนนั้นเป็นคนที่เขาแนะนำมา นางอดไม่ไหวจึงพูดขึ้นว่า: “องค์ชายใหญ่ แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่สมควรถามท่าน แต่เพราะข้าไม่ได้พบฉู่หมิงหยางสักที ก็ทำได้เพียงเอ่ยปากกับท่านเท่านั้นแล้ว หยางเอ๋อเป็นหนี้ข้าก้อนหนึ่ง เมื่อหลายวันก่อนนางเป็นคนบอกเองว่าภายในสามถึงห้าวันนางจะคืนให้ แต่นี่ก็เลยเวลาที่คุยกันไว้มานานมากแล้ว ฝ่ายนางก็ไม่มีการติดต่อใด ๆ มาเลย ข้าพอจะรบกวนท่านช่วยถามเถ้าแก่ท่านนั้นให้ข้าหน่อยได้หรือไม่? ว่าเมื่อไหร่ถึงจะคืนเงินให้ข้าได้กันแน่ ? ”
“เงินอะไร?” หยู่เหวินจุนถามพลางหรี่ตาลง
เมื่อฮูหยินรองตระกูลกู้ได้ยินดังนั้น ก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง “ท่านไม่รู้เรื่องเงินนั่นหรอกรึ? นางมายืมเงินข้าหลายแสนตำลึงไปปล่อยกู้เพื่อหากำไร คนที่ปล่อยกู้คนนั้นยังบอกด้วยว่าเป็นองค์ชายใหญ่เองที่แนะนำมา เป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งจากเจียงหนาน ใคร ๆ ก็เรียกกันว่าเถ้าแก่ซุน”
“หลายแสนตำลึง?” หยู่เหวินจุนตกใจจนผุดลุกขึ้นยืนทันที
“ ใช่แล้ว สามแสนตำลึง!” เสียงของฮูหยินรองตระกูลกู้เปลี่ยนไปเล็กน้อย “ ท่านไม่รู้เรื่องนี้หรอกรึ? เถ้าแก่ซุนคนนั้น ท่านก็ไม่รู้จักอย่างนั้นรึ?”
หยู่เหวินจุนคิดไม่ถึงว่าฉู่หมิงหยางจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ลับหลังเขาด้วย เอาเงินหลายแสนตำลึงไปปล่อยกู้ทำกำไร หนึ่งเดือนจะได้กำไรไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ? นังแพศยานี่ถึงกับกล้าทำการค้าใหญ่โตโดยไม่บอกเขา
“เถ้าแก่ซุนข้าย่อมรู้จักดีอยู่แล้ว !” หยู่เหวินจุนรู้ว่าฉู่หมิงหยางจงใจปิดบังเรื่องนี้จากเขา นั่นก็เพราะไม่อยากแบ่งเงินให้เขาแน่ ๆ แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว เงินนั้นก็จะต้องแบ่งให้เท่า ๆ กัน “เรื่องปล่อยกู้นั่นข้าเองก็รู้ แต่ไม่รู้ว่านั่นเป็นเงินของฮูหยิน”
“ไม่ใช่แค่ของข้าหรอกนะ ยังมีของคนอื่นด้วย ข้าได้ยินมาว่ามีเป็นหลายล้านตำลึงทีเดียว ในเมื่อองค์ชายใหญ่รู้เรื่องนี้ก็ดีแล้ว ท่านช่วยถามเถ้าแก่ซุนให้ข้าหน่อยว่าจะคืนเงินส่วนนั้นมาให้ข้าก่อนได้หรือไม่? ข้ามีเรื่องต้องใช้ด่วนมาก ” ฮูหยินรองตระกูลกู้พูด
หยู่เหวินจุนแทบจะหลุดคำด่าหยาบออกมาเมื่อได้ยินประโยคนี้ นังผู้หญิงแพศยาคนนี้ช่างมีลูกไม้แพรวพราวเสียจริง เงินตั้งหลายล้านก็หามาได้ไม่ยากเย็น ถ้าไม่ได้เอาไปปล่อยกู้ แต่เอามาใช้ทำการค้าขายเอง ป่านนี้ก็คงร่ำรวยอู้ฟู่ไปนานแล้ว
หยู่เหวินจุนคิดว่า ในเมื่อมีเงินหลายล้านตำลึงที่สะพัดอยู่ข้างนอก จึงไม่สนใจเงินสามแสนตำลึงของฮูหยินรองตระกูลกู้ จึงพูดรับปากไปว่า “ได้ ถ้าเจ้าต้องรีบเอาคืนจริง ๆ ข้าจะไปพูดกับเถ้าแก่ซุนให้ ถึงอย่างไรเรื่องการยืมเงิน เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ยินยอมร่วมกันทั้งสองฝ่ายล่ะนะ”
ฮูหยินรองตระกูลกู้ไม่คิดว่าเรื่องจะราบรื่นขนาดนี้ จึงรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง รีบกล่าวขอบคุณเป็นพัลวัน ท่าทางก็เปลี่ยนเป็นให้ความเคารพมากกว่าเมื่อครู่ขึ้นมาเล็กน้อย
หยู่เหวินจุนเห็นฮูหยินที่เป็นพวกชนชั้นสูงทำท่าไม่กล้าต่อต้าน ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้กลับไปสู่อดีตที่ยังมีอำนาจ จึงอดแสดงท่าทางยโสออกมาไม่ได้ ยกมือขึ้นพลางพูดว่า : “เอาล่ะ หลังจากนี้ถ้าได้เงินคืนมา จะสั่งให้คนไปทักทายที่บ้านเจ้าสักหน่อยแล้วกัน เจ้าจะมารับด้วยตัวเองหรือจะให้ข้าสั่งคนนำไปส่งให้ก็ได้ทั้งนั้น”
“ ข้าจะส่งคนมารับเอง ไม่กล้ารบกวนองค์ชายใหญ่จะดีกว่า ” ฮูหยินรองตระกูลกู้เห็นแก่เรื่องของเงินส่วนที่จะได้คืน จึงไม่กล้าดูถูกเขา
หยู่เหวินจุนพอใจกับท่าทีของนางมาก ทั้งยังเชิญให้อยู่ดื่มชาก่อน ฮูหยินรองตระกูลกู้อ้างว่าที่จวนยังมีธุระต้องไปจัดการ จึงไม่รั้งอยู่นานก็กล่าวลากลับไปทันที