บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1087 เจ้าแฝดร้องไห้
อ๋องชุนคิดไปคิดมา พร้อมถามขึ้นว่า “หรือว่าเมื่อคืนม้าขนแผงสีแดง จู่ๆก็ดื้อไม่ตามเขาไป ใต้เท้าทังก็รีบร้อนที่จะออกเดินทาง ดังนั้นจึงจูงม้าตัวอื่นไป?”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “นี่ก็อาจเป็นไปได้ แต่ทหารเฝ้าประตูเมืองคนนั้นก็พูดว่าเห็นเขาขี่ม้าขนแผงสีแดงออกไป นี่ไม่สามารถอธิบายได้?”
อ๋องชุนพูดขึ้นว่า “งั้นบางทีทหารเฝ้าประตูอาจจะเห็นผิดจำผิดหรือเปล่า? ยังไงก็ออกประตูเมืองไปกลางดึก จำได้แค่คนจำม้าไม่ได้ บวกกับก่อนหน้านี้ใต้เท้าทัง ขี่ม้าขนแผงสีแดงออกไปตลอด เขาเคยเห็นหลายครั้ง จำได้แม่นยำ วันนี้ตอนที่ข้าถาม เขาก็อาจจะคิดว่าขี่ม้าขนแผงสีแดงออกไป”
หยวนชิงหลิงคิดว่าที่อ๋องชุนพูดวิเคราะห์ก็มีเหตุผล แต่สำหรับนางคิดว่ายังไงก็แปลกประหลาด ม้าขนแผงสีแดงไม่มีทางที่จะไม่ไปกับทังหยาง และทังหยางก็ไม่มีทางที่จะเอาม้า ที่ไม่สามารถเดินทางหลายพันไมล์ต่อวันเพื่อไปไล่ตามเจ้าห้า
เขารู้ว่าสถานการณ์อันตรายอย่างมาก รู้ว่าหากเจ้าห้าไปเจอกับนักฆ่าของหงเล่ อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้ทุกเวลา
หยวนชิงหลิงให้อ๋องชุน ไปถามความที่ประตูเมืองอีกครั้ง ทหารเฝ้าประตูคนนั้นก็ไม่ต้องถามอีกแล้ว จะต้องถามทหารรักษาเมื่อคืนอย่างละเอียด สอบปากคำทุกคนให้สอดคล้องกันอย่างละเอียด จะต้องสืบรู้ให้ได้ว่าทังหยางออกจากเมืองไปแล้วหรือไม่
อ๋องชุนจึงเดินทางไปอีกครั้ง จะตามหาทหารรักษาที่เฝ้าประตูเมืองเมื่อคืนจนครบก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเวรยามกลางวันกับกลางคืนนั้นแยกกัน หลังจากที่อ๋องชุนได้รายชื่อมาแล้ว ก็ไปตามหาทุกคน สุดท้ายทหารรักษาทั้งหมด ต่างพูดว่าเมื่อคืนไม่เห็นใต้เท้าทังออกไป
แสดงว่า นอกจากทหารเฝ้าประตูเมืองแล้ว ไม่มีใครเห็นใต้เท้าทังออกไป ถ้าทหารเฝ้าประตูเมืองไม่พูดเท็จ งั้นทหารรักษาก็พูดเท็จ
หลังจากกลับมาบอกหยวนชิงหลิงแล้ว หยวนชิงหลิงคิดว่าผิดปกติอย่างมาก แทบจะสามารถมั่นใจได้ว่าทหารเฝ้าประตูเมืองคนนั้นพูดเท็จ ใต้เท้าทังไม่ได้ออกจากประตูเมืองไปแน่นอน
อ๋องชุนรีบไปหาอ๋องฉี ให้อ๋องฉีจับตัวทหารเฝ้าประตูเมืองมาสอบสวน ตอนแรกทหารเฝ้าประตูเมืองบอกว่าใต้เท้าทังออกไปแล้วจริงๆ ต่อมาหลังจากทนความทรมานไม่ไหว ค่อยพูดยอมรับว่าเมื่อคืนตนดื่มสุราจนเมา ไม่ได้ไปเข้าที่ประตูเมือง เพราะอยู่บ้านจึงไม่ได้ให้ปากคำพร้อมกับพวกทหารรักษา จึงพูดได้เพียงว่าใต้เท้าทังออกไปแล้ว ส่วนที่บอกว่าเวลาหลังเที่ยงคืน กับขี่ม้าขนแผงสีแดง เขารู้จักม้าขนแผงสีแดง เวลาหลังเที่ยงคืนเขาคาดเดาไปเอง
อ๋องฉีโกรธจัด หลังจากที่โบยตีเขาไปสามสิบที ก็ให้พักงานรอไต่สวน
หยวนชิงหลิงร้อนใจอย่างมาก ใต้เท้าทังไม่เคยออกจากจวน งั้นก็จะต้องยังอยู่ในจวน
หาทั่วทั้งจวนก็ไม่เห็น งั้นแสดงว่าเขาอยู่ในเรือนของเขา หยวนชิงหลิงครุ่นคิด จะแตกหักกับฮูหยินทังไปเลยดีไหม ไม่งั้นก็แอบส่งคนไปสืบ
นางปรึกษากับฮูหยินเหยา ฮูหยินเหยาคิดว่าหากแตกหักกับฮูหยินทังไปตรงๆ งั้นความเป็นความตายของใต้เท้าทัง นางไม่พูดอย่างแน่นอน หากแอบไปสืบ บางทีอาจจะสามารถพบร่องรอยอะไรบ้าง
“ข้าเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับใต้เท้าทังแล้ว” หยวนชิงหลิงไม่สบายใจ ตั้งแต่เช้าวันนี้ก็เริ่มหนังตากระตุก จนถึงตอนนี้ เกิดเรื่องแล้วจริงๆ สมองของนางคิดอยู่อย่างกระวนกระวาย พร้อมพูดขึ้นว่า “นางน่าจะไม่ฆ่าทังหยาง ทังหยางมีประโยชน์ต่อนาง ต่อไปสถานะของนางถูกเปิดเผย งั้นทังหยางก็คือคนที่สามารถปกป้องนางได้ ดังนั้นนางจะไม่ฆ่าทังหยาง แต่นางจับตัวใต้เท้าทังไว้ในมือ จะได้ไม่ต้องหวาดกลัว”
ฮูหยินเหยาก็คิดอะไรไม่ออก เพราะไม่รู้ประวัติความเป็นมาของฮูหยินทังคนนี้ บวกกับทังหยางอยู่ในมือของนาง จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรวู่วาม
หยวนชิงหลิงให้หรงเยว่ไปสืบดูก่อน แล้วให้อ๋องชุนไปตามเจ้าห้า ให้เจ้าห้ารีบกลับมา
อ๋องชุนเพิ่งออกไป ก็เห็นเจ้าเสือน้อยวิ่งพรวดออกไป และวิ่งอย่างรีบเร่งสุดชีวิต อ๋องชุนตกใจจนเกือบตกจากม้า
ตอนที่เจ้าเสือน้อยวิ่งออกไป หยวนชิงหลิงตกใจ ก่อนหน้านี้เจ้าเสือน้อยเคยปรากฏตอนที่นางถูกลอบฆ่า เป็นเพราะเจ้าแฝด หรือเจ้าเสือน้อย รับรู้ได้ว่าเจ้าห้ากำลังตกอยู่ในอันตราย?
หัวใจหยวนชิงหลิงแทบจะหยุดเต้น รีบวิ่งออกไปหาเจ้าแฝด
ยังกลับไปไม่ถึง ก็ได้ยินเสียงเจ้าแฝดร้องไห้เสียงดัง
สีหน้าหยวนชิงหลิงขาวซีด แทบจะล้มหัวทิ่มพื้น ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ เจ้าแฝดยังไม่เคยร้องไห้เสียงดัง ไม่ต้องถึงว่าร้องไห้รุนแรงขนาดนี้
แม่นมก็อุ้มพวกเขาเดินออกมา อุ้มไปด้วยโยกไหวไปด้วย เจ้าแฝดร้องไห้อย่างสุดเสียงเสียดฟ้า นกน้อยที่บินผ่านล้วนแทบตกใจหล่นตกลงมา
อะซี่รีบเดินไปข้างหน้า ยื่นมือประคองหยวนชิงหลิงลุกขึ้น สีหน้าของนางก็ซีดขาวกว่าปกติ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? ทำไมเจ้าแฝดถึงได้ร้องไห้รุนแรงขนาดนี้?”
หยวนชิงหลิงกับอะซี่อุ้มขึ้นมามือละคน เห็นเจ้าแฝดทั้งสองคนร้องไห้จนหน้าเขียวม่วงไปหมด น้ำตาเม็ดร่วงหล่นไหลลง
หยวนชิงหลิงมือเท้าเย็น ไม่เคยเห็นพวกเขาร้องไห้จนถึงขั้นนี้จริงๆ ในใจกระวนกระวายอย่างมาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมหรือ? เซเว่นอัพว่าง่าย ไม่ร้อง ไม่ร้องแล้ว…..”
“ไม่สบายหรือเปล่า?” อะซี่ก็ถามขึ้นอย่างกระวนกระวาย
หยวนชิงหลิง รีบอุ้มพวกเขาเข้าไป วางลงบนเตียง แตะดูหน้าผาก ลูบดูท้องน้อย ท้องน้อยเย็นมาก จับดูมือเท้าก็เย็นมาก
“ทานอะไรเข้าไป? วันนี้ให้ทานอะไร?” หยวนชิงหลิงหันไปถามแม่นม
ก่อนที่แม่นมจะเดินมา นางหยิบกล่องยาออกมา ดูแล้วเจ้าแฝดน่าจะปวดท้อง
แม่นมตกใจอย่างมาก ได้ยินหยวนชิงหลิงถาม พวกนางส่ายหัวพร้อมกัน พร้อมพูดขึ้นว่า “เหมือนตามปกติ ฮูหยินใหญ่บอกว่าสามารถป้อนอาหารเสริมได้บ้างแล้ว ดังนั้นจึงให้ทานโจ๊กเล็กน้อยทุกวัน นอกจากนี้แล้ว ก็ดื่มแต่นม ไม่มีอย่างอื่นอีก”
หยวนชิงหลิงเปิดโปรไบโอติก ผสมน้ำให้ลูกดื่ม แล้วก็ใช้ถุงร้อนนวดท้องน้อยให้กับพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังร้องไห้อย่างรุนแรง และยิ่งร้องก็ยิ่งรุนแรง เสียงร้องทั้งสูงทั้งแหลมคม เหมือนร้องระเบิดออกมาจากในอก
มือทั้งคู่ของหยวนชิงหลิงสั่นเทา ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาในทันใด ในใจกระวนกระวายอย่างมาก เจ้าเสือน้อยออกไปแล้ว เจ้าแฝดร้องไห้ขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าห้าหรือเปล่า?
อะซี่ก็กระวนกระวาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไปเชิญฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่ต้องมีวิธี ตอนนั้นพวกเด็กๆร้องไห้ ฮูหยินใหญ่ก็เป็นคนปลอบเอง”
นางเพิ่งวิ่งออกไป ค่อยคิดขึ้นมาได้ว่าฮูหยินใหญ่ยังอยู่ที่โรงเรียนแพทย์ เฮ้ยออกมาหนึ่งที แล้วก็วิ่งกลับมา
“ไม่ต้องร้องแล้ว” หยวนชิงหลิงแทบจะร้องไห้ออกมา ใจหนึ่งก็กระวนกระวาย ใจหนึ่งก็ไม่เคยเห็นเจ้าร้องไห้ขนาดนี้มาก่อนจริงๆ
เสียงร้องสูงแหลมคมขนาดนี้ ดังไปทั่วทั้งจวน แม่นมสี่กับแม่นมฉีก็รีบวิ่งมา ปกติเจ้าแฝดชอบแม่นมสองคนนี้มาก โดยเฉพาะแม่นมสี่ เมื่ออุ้มพวกเขาก็จะหลับทันที
แต่ครั้งนี้ แม่นมทั้งสองอุ้มพวกเขาไว้ในมือ พวกเขาก็ไม่หยุดร้อง น้ำตานั่นร่วงไหลลงเป็นหยดๆ ร้องไห้นานขนาดนี้ ก็ไม่เห็นว่าเสียงจะแหบ เสียงกับยิ่งกึกก้องขึ้น
สะเทือนไปทั่วทั้งจวน ทุกคนต่างก็มาช่วยปลอบ ใครก็ปลอบไม่ได้
จวนอ๋องฉู่ทางนี้วุ่นวายไปหมด คนมากมายในเมืองหลวง ต่างก็ได้ยินเสียงร้องไห้ที่แหลมคมนี้ เพียงแค่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงที่ดังมาจากในจวนอ๋องฉู่ เสียงที่กึกก้องนี้ เหมือนดั่งเสียงเสือคำราม ดังเสียดฟ้า ดังไปไกลแสนไกล
เมืองหยุนฝู เป็นเมืองหินที่มาช้านาน เริ่มตั้งแต่เมื่อวาน บนท้องฟ้าในเมืองเมืองหยุนฝู ปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม พายุฝนกำลังจะมา