บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1096 การเคลื่อนไหว
หลังจากที่ฮูหยินเหยาตกลง อะซี่ก็ไปที่จวนอ๋องหวยอีกครั้ง เกี่ยวกับเรื่องนี้ อย่างไรนางก็ยังต้องถามพระชายาหวยให้แน่ใจ
เพราะว่าพี่หยวนต่อต้านเรื่องนี้อย่างมาก ทำให้ตอนนี้นางจึงเริ่มลังเลตัดสินใจไม่ถูกขึ้นมาแล้ว
หรงเยว่พูดว่า “การที่พระชายารัชทายาทจะต่อต้านมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว นางไม่เก่งเรื่องการวางแผนกลยุทธ์ ย่อมไม่เห็นด้วยกับการใช้ชีวิตคนมาเป็นเดิมพัน ถ้ารัชทายาทรู้เรื่องนี้ ก็ไม่แน่ว่าอาจเห็นด้วย แต่…เรื่องนี้มันก็พูดยาก เพราะเป็นวิธีการที่เสี่ยงมากจริง ๆ ด้วยสถานะของเขาย่อมไม่เหมาะจะทำเรื่องแบบนี้ เพราะถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริง ๆ คงกลายเป็นเรื่องที่ต้องละอายแก่ใจต่อจวิ้นจู่ทั้งสองมากแน่ ๆ”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าจะคุ้มครองนางให้ปลอดภัยไม่เกิดการสูญเสียได้? ” อะซี่ก็มีท่าทางตื่นตระหนกขึ้นมาบ้างแล้ว
หรงเยว่ตอบว่า: “อะซี่ พูดกันตามตรงเลยนะว่านี่เป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น มันไม่มีทางที่จะปลอดภัยอย่างแน่นอน แต่ถ้าเจ้าทำตามบรรทัดฐานนี้ อย่างน้อยเจ้าก็ยังพอจะดึงส่วนหนึ่งของสายลับออกมาได้ แล้วก็มีโอกาสสูงมากที่จะช่วยใต้เท้าทังออกมาได้ด้วย ข้าเองเห็นด้วยกับวิธีการนี้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นชีวิตของฮูหยินเหยาในสายตาหรอกนะ แต่ว่าเราอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่เป็นตายเท่ากัน ฐานะของเราไม่เท่ารัชทายาทกับพระชายารัชทายาท พวกเราไม่มีอะไรที่ต้องพะวักพะวงมากมายเรื่องนี้มีแต่พวกเราที่ทำได้ อะซี่ อย่าเอาทุกอย่างมาแบกไว้จนเป็นภาระทางใจ ถ้าล้มเหลวขึ้นมาล่ะก็ ข้าจะแบกรับมันไว้อย่างสุดกำลัง จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเจ้า”
อะซี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองก็คิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกแล้วจริง ๆ ตอนนี้มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว ก็คงทำได้แค่ฟังพระชายาหวยเท่านั้น
“เอาล่ะ เรามาเตรียมการกันเถอะ” อะซี่เอ่ยชวน
“ข้าจะออกไปเตรียมการอย่างลับ ๆ ไว้ก่อนขั้นหนึ่ง ข้าจะส่งคนที่มีฝีมือชั้นยอดที่สุดไป”
“คนที่มีฝีมือชั้นยอดที่สุด เป็นใครกันรึ?”
หรงเยว่มองนาง ตอบว่า “ท่านชายสี่!”
“ท่านชายสี่? เขาจะเต็มใจรึ?”
“เขาต้องเต็มใจ ไม่อย่างนั้นข้าจะตามรังควานเขาจนกว่าจะตายไปข้าง เจ้ารอฟังข่าวจากข้าก็พอ” หรงเยว่พูดจบก็ไม่มัวชักช้า รีบออกไปเตรียมการทันที
แต่ไหนแต่ไรมา นางเป็นคนที่ทำงานใหญ่มาโดยตลอด นางรู้ดีว่า ณ จุดนี้ไม่อาจทำอะไรที่มันคลุมเครือได้ ปกติแล้วย่อมไม่อาจไปร้องขอความช่วยเหลือจากท่านชายสี่ได้ แต่ถ้าหากเห็นแก่สถานะของพระชายารัชทายาท เขาจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างแน่นอน
เมื่อมาถึงจวนเหลิ่ง ทันทีที่พูดให้ท่านชายสี่ฟังสีหน้าท่าทางของท่านชายสี่ก็ดูจริงจังขึ้นมา ดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ “ให้มีแค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ อย่าให้มีครั้งหน้าอีก!”
“ตามนั้น!” หรงเยว่ตบโต๊ะ“พวกเราไม่ได้ร่วมมือกันเคลื่อนไหวนานมากแล้วสินะ เหมือนเช่นที่เคยทำมา ข้าอยู่ส่วนหน้า ให้เจ้าปิดท้าย”
ท่านชายสี่ใช้ชีวิตที่ปกติธรรมดามานานพอสมควรแล้ว สำนักเหลิ่งหลังตอนนี้ก็รับภารกิจไม่ค่อยมากเท่าเมื่อก่อน เขาออกมาใช้ชีวิตที่เกษียณแล้วพักใหญ่ ๆ แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีกิจกรรมที่ตื่นเต้นท้าทายมากระตุ้น หัวใจของชายชราทนรับสิ่งเร้าขนาดนี้ไม่ไหว จึงกลับไปนอนพักต่ออีกครู่หนึ่ง
อันที่จริง สำนักเหลิ่งหลังควรค่อย ๆ เข้ามาแทนที่สำนักเหมยแดง แล้วกลายเป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังที่สุดของจวนอ๋องฉู่
ท่านชายสี่คิดอย่างนั้นมาตลอด ไม่ใช่เพราะเขาโลภอยากสร้างผลงานเอาหน้า แต่เพราะว่าหากสำนักเหลิ่งหลังไม่ยอมรับภารกิจนาน ๆ เข้า คนในสำนักจะเฉยชา เกียจคร้าน แล้วจะค่อย ๆ กลายเป็นสำนักที่ถดถอยไร้ประสิทธิภาพไปในที่สุด
ด้วยเหตุนี้เอง ฮูหยินเหยาจึงไปที่บ้านของใต้เท้าทังตามลำพัง แล้วชี้หน้าด่าทอฮูหยินทังอย่างเผ็ดร้อนว่า “เจ้าแอบซ่อนความคิดชั่วร้ายอะไรอยู่กันแน่? ถึงได้มายุแหย่ให้ข้ากับพระชายารัชทายาทแตกคอกัน ใครที่มีเจตนาร้ายแอบแฝง มันก็เจ้าทั้งนั้นล่ะ! ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะ ถ้าเจ้ายังกล้าพูดเรื่องไร้สาระต่อหน้าอะซี่อีก ข้าไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”
ฮูหยินทังสั่งให้สาวใช้จัดเตรียมน้ำชา เพื่อเป็นการขอขมาอภัย ฮูหยินเหยายังไม่หายโกรธ หลังจากดื่มชาเสร็จ ก็เตรียมจะกระทืบเท้าปึงปังเดินจากไป
นางเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว ก็รู้สึกว่าท้องฟ้าหมุนคว้าง ภาพตรงหน้าพลันมืดสนิท ร่างทรุดล้มลงกับพื้น
ฮูหยินทังถอนหายใจเบา ๆ ด้วยความโล่งอก สั่งให้สาวใช้ไปปิดประตูใหญ่ เตรียมเกี้ยวแล้วสั่งให้คนเข้ามาจากทางประตูหน้าบ้าน เข้ามายกตัวฮูหยินเหยาออกไป
ฮูหยินทังนั่งอยู่หน้าระเบียง ยกยิ้มด้วยความภูมิใจในตัวเอง กลยุทธ์การทำให้แตกคอกันช่างใช้ได้ผลดีจริง ๆ ความสัมพันธ์ของพวกราชวงศ์ จะมั่นคงแน่วแน่ต่อกันไปได้อย่างไรล่ะ?
แต่ผ่านไปได้เพียงครู่เดียว จู่ ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบผุดลุกขึ้นอย่างกระทันหัน “เสี่ยวเยว่ !”
สาวใช้รีบเข้ามา “ฮูหยิน!”
“เร็ว!” ฮูหยินทังสีหน้าซีดเผือด “ สั่งลงไปว่าให้รีบส่งตัวฮูหยินเหยากลับมาเดี๋ยวนี้ ไปไม่ได้เด็ดขาด พวกเราติดกับแล้ว!”
“ติดกับ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?” สาวใช้ตกใจจนผงะ
ฮูหยินทังแผดเสียงตะโกนดังลั่นว่า : “รีบไป ฮูหยินเหยาไม่ใช่คนประมาทเลินเล่อขนาดนี้ พวกเราถูกหลอกแล้ว”
ขณะที่นางพูด ก็ยกมือขึ้นทาบตา จากนั้นก็ลอกแผ่นฟิล์มบาง ๆ ที่ติดอยู่บนนั้นออก หากไม่ได้มองให้ดี ก็จะคิดได้ว่านางแค่ขยี้ตาเท่านั้น นางหันหลังกลับมาคว้ากระบี่ เตรียมจะกระโดดข้ามกำแพงไป แต่คิดไม่ถึงว่า จู่ ๆ อะซี่จะทิ้งตัวลงมาตรงหน้า แล้วขวางทางไปของนาง พลางส่งยิ้มอย่างเย็นชามาให้ “ฮูหยินจะไปไหนรึ? ไม่รู้เลยสินะว่าทุกคนในจวนนี้ล้วนจับตามองเจ้าอยู่? เจ้าออกไปไม่ได้แน่”
ฮูหยินทังจ้องมองอะซี่เขม็ง แค่นยิ้มเย็นชา ” เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดมากอย่างนั้นรึ? พวกเจ้าจะทำให้ฮูหยินเหยาต้องตาย ”
“ฮูหยินเหยาเต็มใจ!” อะซี่จ้องมองดวงตาของนาง “ จุ๊ ๆ ๆ ช่างเป็นดวงตาที่งดงามนัก ทำเอาอดใจไม่ไหว อยากจะควักลูกตาเจ้าออกมาดูเล่นเสียจริง ๆ เลย ”
ฮูหยินทังพูดอย่างเย็นชาว่า: “วันหนึ่งเจ้าอาจได้สมปรารถนา แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ พวกเจ้ามันโง่แล้วยังอวดฉลาด มีแต่จะทำร้ายทั้งฮูหยินเหยาแล้วก็ทังหยางไปพร้อม ๆ กัน เมื่อไหร่ที่พวกนั้นรู้ว่ามีคนสะกดรอยตาม ทังหยางต้องตายอย่างไม่มีข้อสงสัยแน่”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ในเมื่อตกอยู่ในมือของพวกเจ้า ใต้เท้าทังก็ไม่มีทางได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอะไรอยู่แล้ว ไม่สู้ตาย ๆ ไปเสียยังจะดีกว่า” อะซี่พูดอย่างไม่ยี่หระ
ฮูหยินทังโกรธสุดขีดแล้วจริง ๆ “สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริง ตราบใดที่มีคนตามไป พวกเขาจะต้องฆ่าทังหยางแน่ พวกเจ้าจะทำให้เขาต้องตาย เจ้าต้องรีบไปหยุดไว้เดี๋ยวนี้”
“เจ้าอย่ามาแสร้งทำเหมือนว่าสนใจใยดีใต้เท้าทังไปหน่อยเลย เห็นแล้วคลื่นไส้อยากอ้วกเป็นบ้า ถ้าเจ้าสนใจใยดีเขาจริง ๆ เจ้าไม่มีทางแฝงตัวเป็นกาฝากอยู่เคียงข้างเขา คอยใช้ประโยชน์จากเขา เพื่อส่งข่าวไปให้หงเล่อย่างไม่หมดไม่สิ้นแบบนี้หรอก” อะซี่คิ้วชี้ชันด้วยความโกรธ
ฮูหยินทังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว พลางเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “หงเล่? ข้าไม่เห็นจะรู้เลยว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
“ทำไมเจ้าจะไม่รู้ อย่าเสแสร้งไปหน่อยเลยน่า หงเล่ยังไม่ตาย เจ้ารู้ ข้ารู้ รัชทายาทก็รู้ เขาคิดว่าตัวเองซุ่มซ่อนตัวอยู่ลึกมากอย่างนั้นสินะ? ใต้เท้าดูออกตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าจะลักพาตัวใต้เท้าทังไปทำไมล่ะ?” อะซี่ใช้กระบี่บังคับให้นางล่าถอยกลับไป พูดเสียงดุดันว่า : “ทำตัวดี ๆ แล้วรออยู่ที่นี่ซะ เจ้าไม่มีตัวประกันเป็นยันต์คุ้มกายอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจะต้องช่วยใต้เท้าทังออกมาได้แน่!”
ดวงตาของฮูหยินทังพลันเย็นเยียบ “เจ้าคิดว่าตัวเองจะเป็นคู่มือของข้าได้อย่างนั้นรึ?”
อะซี่พูดอย่างเย็นชาว่า: “ข้าจะเป็นหรือไม่เป็นคู่มือของเจ้า นั่นไม่สำคัญนักหรอก แต่อย่างไรเจ้าก็ออกไปไม่ได้แน่ นอกจากข้าแล้ว ที่ด้านนอกยังมีคนจับตามองเจ้าอยู่อีกตั้งเท่าไหร่? แม่ทัพหลอ แม่ทัพใหญ่ของหน่วยองครักษ์ลับผีถึงกับรับหน้าที่จับตามองเจ้าเลยเชียวนะ คงพอใจแล้วล่ะสิ?”
แม่ทัพหลอเอ่ยอย่างเกียจคร้านมาจากบนหลังคาประโยคหนึ่งว่า “อะซี่แม่สาวน้อย ไม่ต้องไปพูดจาไร้สาระกับนางให้มากนักหรอกน่า!”
ใบหน้าของฮูหยินทังถึงกับนิ่งค้าง หัวใจพลันหดหู่ดิ่งวูบ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกแม่เด็กนี่ซ้อนแผนเข้าให้เต็มเปา
เดิมทีนางดูถูกพวกผู้หญิงเหล่านี้เป็นที่สุด เป็นแค่สุนัขที่เกาะแข้งเกาะขาอยู่รอบ ๆ หยวนชิงหลิงเท่านั้น กลับคิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำงานใหญ่ที่จริงจังแบบนี้ได้
“กลับไป!” อะซี่พูดอย่างเย็นชา
ฮูหยินทังจ้องนางเขม็ง “ข้าไม่ได้อยากให้ทังหยางถึงที่ตาย แค่อยากจะยุให้รำตำให้รั่ว ข้าคิดจะใช้ฮูหยินเหยาไปแลกกับทังหยาง หลังจากที่พวกเขาจับตัวฮูหยินเหยาได้แล้ว ข้าก็จะให้คนส่งทังหยางออกจากเมืองหลวง อย่างน้อยก็ยังพอจะช่วยชีวิตเขาได้ แต่ถ้าพวกเจ้าทำแบบนี้ มันมีแต่จะฆ่าเขาเท่านั้น!”
“เจ้าสั่งพวกนั้นได้ ก็เห็นได้ชัดเลยนะว่าในหมู่พวกนั้น สถานะของเจ้าก็ไม่ได้ต่ำเตี้ยเลยนี่” อะซี่พูดปรามาส
ฮูหยินทังโกรธจนแทบหายใจไม่ทัน “ถ้าพวกเจ้าไม่อยากให้ทังหยางตาย ก็รีบไปหยุดคนของข้าที่จับตัวฮูหยินเหยาไว้เดี๋ยวนี้ อย่างไรก็จะให้คนอื่นพบตัวไม่ได้เด็ดขาด พวกเจ้ามันเก่งแต่คิดเองเออเองทั้งนั้น แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าข้างนอกนั่นมีใครบ้างที่เป็นสายลับ ถ้าถูกจับได้ว่าสะกดรอยตาม ทังหยางต้องตายแน่ เจ้าคิดว่าการแฝงตัวของพวกเรามันเป็นแค่ระยะเวลาสั้น ๆ รึ ? คนของพวกเจ้ารูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร พวกเรารู้กระจ่างแบบทุกกระเบียดนิ้วด้วยซ้ำ เจ้ารีบไปซะ รีบไปหยุดพวกเขาไว้เดี๋ยวนี้