บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1106 ไม่ต้องเป็นห่วง
เซียวเหยากงยืนอยู่ไม่ไกล จ้องมองภาพนี้อยู่อย่างนิ่งๆ หยวนชิงหลิงมองเห็นความว่างเปล่าและความเศร้าโศกในดวงตาของเขา นางไม่เคยเห็นภาพเช่นนี้บนใบหน้าของเซียวเหยากง พวกเขาผ่านเรื่องต่างๆในชีวิตมาด้วยกันกว่าครึ่งชีวิต หากครั้งนี้โสวฝู่ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้ สำหรับพวกเขา เป็นความเจ็บปวดขนาดไหน?
เซียวเหยากงยังเป็นเช่นนี้ ไท่ซ่างหวงกับแม่นมสี่ล่ะ?
หัวใจหยวนชิงหลิงจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง หันไปมองดูหยู่เหวินเห้าด้วยสัญชาตญาณ กลับเห็นเขายืนหันหลัง สายตามองผ่านผู้คน มองดูใบหน้าของฉู่หมิงหยาง
บนใบหน้าของเขา ไม่ได้โศกเศร้าอย่างมาก กลับกัน สายตาคมกริบฉายแวววับ ดุจเสือยืนนิ่งอยู่ในความมืด เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา
หยวนชิงหลิงค่อนข้างสงสัย เพราะเจ้าห้าเคารพนับถือโสวฝู่อย่างมาก เกิดเรื่องกับโสวฝู่ ตามหลักแล้วเขาควรที่จะเป็นคนเป็นกังวลที่สุดตื่นเต้นที่สุด แต่เขากลับไม่มี
แล้วก็คิดถึงเมื่อตอนที่ออกจากจวนฉู่ขึ้นมาในทันใด เจ้าห้ากับโสวฝู่คุยกันเป็นการส่วนตัวอยู่สักพัก เจ้าห้าบอกว่าเคยพูดเตือนให้โสวฝู่ระวังตัว เมื่อคิดย้อนถอยหลังไป โสวฝู่หลงกลง่ายเกินไป? ช่วงนี้ฉู่หมิงหยางอาจจะดูสงบ แต่เดิมเป็นคนอย่างไร พบเจอกับคนอะไรบ้าง โสวฝู่ล้วนรู้ดีแก่ใจ
หรือว่า…..
ในขณะที่หยวนชิงหลิงกำลังครุ่นคิดคาดเดาอยู่คนเดียว อ๋องฉีพาคนของกรมการพระนครมา
ตอนนี้อ๋องฉีทำงานได้อย่างเต็มที่และคล่องตัวมากขึ้น หลังจากเข้ามาแล้วก็ถวายบังคมทักทายอ๋องผิงหนานก่อน จากนั้นค่อยถามคนตระกูลฉู่ สอบสวนเรื่องที่โสวฝู่ถูกวางยาพิษ
นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่พูดว่า “เมื่อคืนท่านพ่อกับอ๋องผิงหนานเซียวเหยากง ทั้งสามพูดคุยกัน เซียวเหยากงกลับตอนเที่ยงคืน ท่านพ่อพูดคุยอยู่กับท่านอ๋องต่อ จนถึงตีสี่แล้วค่อยแยกย้าย ระหว่างนั้นมีคนคอยปรนนิบัติรินน้ำชาจัดขนมหวานให้ เสด็จพ่อกลับไปถึงห้องแล้วค่อยเกิดอาการถูกพิษกำเริบ แต่อุปกรณ์สิ่งของที่พวกเขาใช้ล้วนถูกเก็บล้างสะอาดแล้ว จึงไม่สามารถรู้ได้ว่ายาพิษอยู่ในน้ำชาหรือในขนมหวาน”
อ๋องฉีจึงพูดขึ้นว่า “หากน้ำชาหรือขนมหวานมีพิษ ท่านอ๋องก็จะต้องถูกพิษ”
อ๋องผิงหนานค่อยๆหันหน้าไป สีหน้าเรียบเฉย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่สบายท้อง จึงเพียงแค่ดื่มชา ไม่ได้ทานขนมหวานเลย”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนต่างก็เงียบ ใครก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
แต่ฉู่หมิงหยาง กลับหลังจากเงียบไปสักพัก ก็ร้องไห้เขาพูดขึ้นว่า “งั้นยาพิษอยู่ในขนมหวานหรือเปล่า?”
นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้ ขนมหวานที่ในครัวทำเมื่อคืน ทุกคนในจวนต่างก็ได้ทาน ไม่มีใครถูกพิษ”
“บางทีอาจจะถูกวางยาพิษในระหว่างทางที่ส่งมา” อ๋องฉีพูดเสร็จ มองดูหยู่เหวินเห้าพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ห้าเรื่องนี้จะต้องสืบให้ถึงที่สุด เจ้าคิดว่า ควรที่จะเริ่มตรงไหนดี?”
หยู่เหวินเห้าหันกลับมามองดูอ๋องฉี พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า “เริ่มสอบสวนจากในครัวกับคนใช้”
“ขอรับ” อ๋องฉีตอบรับ กำลังจะสั่งคนไปที่ห้องครัว กลับได้ยินฉู่หมิงหยาง พูดขึ้นด้วยความงุงงงว่า “ทำไมคนสองคนดื่มชาคุยอยู่ด้วยกัน กลับมีเพียงท่านปู่ที่ถูกวางยาพิษ? ใครเป็นคนวางยาพิษกันแน่?”
ดูเหมือนเป็นการถามขึ้นมาเองอย่างุนงง แต่เป็นการบ่งบอกว่าอ๋องผิงหนานเป็นบุคคลน่าสงสัย
นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่พูดดุขึ้นว่า “หุบปาก เป็นผู้หญิง จะไปรู้อะไร? ออกไป”
ฉู่หมิงหยางถอยออกไปเงียบๆ ก่อนออกไป กลับมองดูหยวนชิงหลิงอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง สำหรับหยวนชิงหลิง นางยังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เดิมตระกูลฉู่ยังคงค่อนข้างประมาทเลินเล่อ แต่สามปีมานี้ โสวฝู่ค่อยเฝ้าดูแลตรวจตรา ดังนั้นคนในจวนฉู่ ต่างเริ่มเป็นคนระมัดระวังขึ้น โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้ เรื่องราวค่อนข้างน่าแปลก ใครก็ไม่กล้าตัดสินใจอะไร ทำได้เพียงอดทนต่อความเจ็บปวด รอรับฟังการสอบสวน
และคนของตระกูลฉู่ ทุกคนล้วนมีความเสี่ยง ตอนนี้ตระกูลฉู่แลดูน่ากลัว แต่ที่จริงอำนาจทั้งหมด ล้วนอยู่ที่โสวฝู่คนเดียว คนที่อยู่ด้านล่างทั้งหมด ล้วนถูกกดดันไว้ไม่ให้ได้ออกหน้า เมื่อโสวฝู่ล้มลง ตระกูลฉู่ก็เหมือนกับต้นไม้ที่ล้มกระจัดกระจายแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรไปเรื่อย
ในหนึ่งปีมานี้ โสวฝู่จากที่ทำงานหนัก ค่อยๆปลดถอยออกมา กระทำสิ่งที่สำคัญอยู่อย่างเดียว นั่นก็คือ กดดันคนตระกูลฉู่ที่พยายามสร้างผลงาน หากไม่มีคุณธรรมไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ก็จะถูกดึงลงมา พร้อมตักเตือนว่าให้มีชีวิตอยู่อย่างสงบไปตลอดก็พอ
ที่พอมีความสามารถ ก็ถูกปลูกฝังหลังจากมีคุณธรรมแล้วก็แนะนำออกไป ตอนนี้ ทุกอย่างกำลังจะมีผลแล้ว ตระกูลฉู่ได้รับการเปลี่ยนแปลงแก้ไข สงบลงอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้ อ๋องฉีจะสอบสวนจึงไม่ได้รับการกีดขวางแต่อย่างใด คนในตระกูลฉู่ต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หยวนชิงหลิงเดินที่ด้านนอกเรือน เดิมอยากที่จะให้เจ้าห้าออกมาแล้วค่อยถาม กลับเห็นฉู่หมิงหยางเดินลงมาทางระเบียง สีหน้าเยือกเย็นแฝงไปด้วยความเครียดแค้น เดินมาจ้องมองดูหยวนชิงหลิงพร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นหมอเทวดาไม่ใช่หรือ? ทำไมท่านปู่ของข้าถูกยาวางยาพิษ เจ้ากลับช่วยไม่ได้?”
หยวนชิงหลิงไม่อยากตอบนาง จึงเดินตรงไปยังศาลา
ฉู่หมิงหยางเดินมายื่นมือจะคว้าจับแขนของนาง หยวนชิงหลิงสะบัดแขน ถึงแม้ฝีมือการต่อสู้จะไม่ดี แต่ฉู่หมิงหยางก็ไม่ดี ดังนั้นเมื่อสะบัด ก็สามารถบีบฉู่หมิงหยางถอยห่างได้
“เจ้าพูดมา เจ้าสามารถช่วยท่านปู่ของข้าได้หรือไม่?” ฉู่หมิงหยางถามขึ้นอย่างโมโห
หยวนชิงหลิงรู้ว่านางไม่ได้เป็นห่วงโสวฝู่ฉู่ เกลียดแค้น เกลียดชังนางขนาดนี้ กลับตามมาหาโอกาสถามนาง หยั่งเชิงนาง เห็นได้ชัดว่าในใจซ่อนอะไรบางอย่างไว้
หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “โสวฝู่เป็นคนดีฟ้าคุ้มครอง จะต้องไม่เป็นไรแน่ เจ้าเป็นกังวลอะไร?”
ฉู่หมิงหยางจ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรแน่? งั้นเจ้าไปช่วยสิ เจ้าใช้ยาสิ เจ้ามีความสามารถไม่ใช่หรือ?”
“ข้าใช้ยาแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ?” หยวนชิงหลิงก็จ้องมองดูนาง ไม่ละเลยกิริยาท่าทีทุกอย่างบนใบหน้าของนาง
ฉู่หมิงหยางเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว พร้อมพูดขึ้นว่า “ยาที่เจ้าใช้พวกนั้น ไม่เห็นได้ผล ท่านปู่ของข้ายังไม่ฟื้นขึ้นมา แม้กระทั่งท่านปู่ของข้าถูกพิษอะไร พวกเจ้าก็ไม่รู้ ใช่หรือไม่?”
หยวนชิงหลิงเข้าไปนั่งในศาลา ฉู่หมิงหยางก็ไล่มาเข้ามา นางกำลังรอคำตอบของหยวนชิงหลิง แต่หยวนชิงหลิงกลับไม่พูด นางโกรธจนหน้าเขียว พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดมา เจ้ารู้ว่าเป็นยาพิษอะไรไหม?”
“พระชายาองค์ชายใหญ่ เจ้าดูตื่นเต้นมาก” หยวนชิงหลิงดูสงบและผ่อนคลาย ดูจากอาการท่าทีของฉู่หมิงหยาง นางน่าจะเป็นคนวางยาพิษ โสวฝู่ไม่มีทางไม่ระวังนาง นี่น่าจะเป็นแผนการของเจ้าห้ากับโสวฝู่
ดังนั้น นางจึงค่อยโล่งอก
ฉู่หมิงหยางร้อนใจจนสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าตื่นเต้นแน่นอน นั่นคือท่านปู่ของข้า”
หยู่เหวินเห้ามาถึง เอามือไขว่หลังเดินมาในศาลา มองดูฉู่หมิงหยางอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ออกไป”
ฉู่หมิงหยางเห็นหยู่เหวินเห้า คิดถึงเรื่องที่ผ่านมา สายตาฉายแววไม่พอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ช่างวางอำนาจจริงๆ ที่นี่เป็นจวนฉู่ ไม่ใช่จวนอ๋องฉู่ของพวกเจ้า ทำไมต้องเป็นข้าที่ต้องออกไป? จะไปก็ต้องเป็นพวกเจ้าที่ไป”
สีหน้าหยู่เหวินเห้าเคร่งขรึมจริงจัง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ออกไป”
ฉู่หมิงหยางยังไม่เคยเห็นสีหน้าเคร่งขรึมเข้มงวดของเขา ไม่เหมือนกับการโกรธโมโหเหมือนอย่างที่ผ่านมา ในใจนางอดไม่ได้ที่จะอึ้ง เกิดความรู้สึกหวาดกลัว แต่ยังไงก็ไม่ยอมเสียหน้า พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ข้าก็ไม่ได้อยากที่จะพูดคุยกับพวกเจ้า” พูดเสร็จ นางเมินหน้า หันร่างเดินจากไป
จ้องมองเงาหลังของฉู่หมิงหยางสักพัก หยู่เหวินเห้าค่อยหันมามองหยวนชิงหลิงอย่างช้าๆ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง โสวฝู่จะไม่เป็นไร”