บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1120 หมิงหยางตายแล้ว
เริ่มจากโสวฝู่ฉู่ถูกวางยาพิษ จากนั้นรัชทายาทกับพระชายาก็ถูกลอบสังหาร เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นในราชสำนักอีกครั้ง เมื่อได้ยินว่าหนึ่งในนักฆ่าเป็นสมาชิกของตระกูลตี๋ ก็มีขุนนางบางส่วนที่ทนไม่ไหวแล้ว พวกเขาขอให้ทั้งสามหน่วยงานประสานงานการพิจารณาคดีโดยเร็ว นอกจากอ๋องชินเฟิงอัน แม้แต่อ๋องอานตอนนี้ก็ถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว สถานการณ์ยิ่งยุ่งเหยิงวุ่นวายอย่างหนัก
ความโกลาหลนี้หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะระงับมันโดยเร็ว กลับปล่อยให้ความเดือดดาลสั่งสมขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เขาทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปอยู่ที่ตัวหงเล่ซึ่งกำลังจะเข้าสู่เมืองหลวง เขายังได้ออกคำสั่งอีกหลายครั้ง ให้เฝ้าจับตามองที่ชายแดนเป่ยโม่อย่างใกล้ชิด เมื่อไหร่ที่มีความผิดปกติให้รีบมารายงานทันที
โสวฝู่ฉู่ฟื้นขึ้นมาแล้ว คำสั่งแรกของเขาหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา คือให้ส่งเหล้าพิษไปให้ฉู่หมิงหยาง
คนทั้งจวนถึงกับตกตะลึง นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่ในสมองก็เข้าใจดี แต่ก็ยังคุกเข่ากับพื้นเพื่อร้องขอชีวิตให้ลูกสาว
โสวฝู่ฉู่จ้องเขาเขม็ง พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เศษสวะ!”
หลายปีมานี้ นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่กลับควบคุมภรรยากับลูกสาวไม่ได้ ปล่อยให้เกิดปัญหาตามมาเรื่อย ๆ ไม่หยุดไม่หย่อน โสวฝู่ฉู่รู้สึกผิดหวังในตัวเขามาก
นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่ร้องไห้ปานใจจะขาด ถึงกับไปย้ายป้ายวิญญาณของบรรพชนตระกูลฉู่ออกมา โสวฝู่ฉู่ตบจนร่วงด้วยมือข้างเดียว ดวงตาโกรธเกรี้ยวบูดบึ้งเต็มที่ “คนเป็นยังหยุดข้าไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนตาย?”
“ ท่านพ่อ เสือร้ายมันยังไม่กินลูกมันเลย นางก็เป็นหลานสาวของท่านคนหนึ่งนะ” นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
ดวงตาของโสวฝู่ฉู่หนักอึ้งจมดิ่ง จ้องมองที่เขาอย่างเย็นชา “ เช่นนั้นข้าเป็นอะไรกับเจ้า? ตอนที่นางวางยาพิษ เคยคิดบ้างหรือไม่ว่าข้าเป็นปู่แท้ ๆ ของนาง? ถ้านางไม่ตาย ไม่ช้าก็เร็วตระกูลฉู่ของเราคงต้องถูกนางทำให้พินาศสิ้นแน่ ตอนนี้รัชทายาทไม่ถามหาความผิด ก็ยังนับว่าดีไป แต่เมื่อไหร่ที่ถามหาความผิดขึ้นมา ย่อมตรวจสอบได้ว่านางร่วมมือกับศัตรู เจ้าอยากให้ทุกคนในตระกูลฉู่ต้องตายไปพร้อม ๆ กับนางให้ได้ใช่หรือไม่? ”
นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่ร้องไห้พลางพูดว่า: “ท่านพ่อ รัชทายาทเชื่อฟังคำพูดของท่าน ถ้าท่านไปพูดสักประโยค เขาจะต้องไว้หน้าท่านแน่ หยางเอ๋อแค่โง่เขลา จะรู้ได้อย่างไรล่ะว่ามันเป็นการร่วมมือกับศัตรู คนที่หยางเอ๋อทำร้ายมีแค่ท่านคนเดียว แต่ตอนนี้ท่านก็ไม่เป็นไรแล้ว พูดตรง ๆ พวกเราก็แค่ปิดประตู ทำให้กลายเป็นเรื่องในครอบครัวไปเสีย ใครก็ไม่มีสิทธิเข้ามาก้าวก่ายได้ ขอแค่ท่านไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้ต่อ ข้ารู้ว่านางขาดสามัญสำนึกอย่างร้ายแรง แต่อย่างไรท่านก็ควรให้โอกาสนางเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง”
โสวฝู่ฉู่รู้สึกแค่ว่าโทสะที่อัดแน่นในอกของเขากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าโทรม ๆ ไร้สามารถของลูกชาย ก็ไม่รู้ว่าจะระบายมันออกไปที่ไหนดี เหตุผลง่าย ๆ แค่นี้ เขาก็ยังไม่รู้ได้อย่างไรกัน?
วันนี้รัชทายาทเชื่อฟังเขา แล้ววันหน้าล่ะ? แม้ว่ารัชทายาทจะเก็บเงียบเอาไว้ไม่พูดถึงอีก แล้วขุนนางคนอื่นในราชสำนักล่ะ?
โสวฝู่ฉู่หวังอยู่เสมอว่าเขาจะฟังเข้าหูได้บ้างสักอย่างสองอย่าง มันจะเป็นประโยชน์กับเขาในอนาคต เขาไม่สามารถปกป้องพวกเขาไปได้ตลอดชีวิต อย่างไรก็ต้องเตือนสติเขา ด้วยเหตุนี้ จึงอดทนต่อความโกรธ แล้วพูดว่า: “หลินเซียวเป็นสายลับของประเทศศัตรู นางถูกสายลับใช้งาน วางยาฆ่าโสวฝู่คนปัจจุบันของราชวงศ์ นี่เป็นแค่บุญคุณความแค้นภายในครอบครัวอย่างนั้นรึ? เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปิดประตูบ้านแค่นั้นรึ? ตอนนี้ทุกคนรู้กันหมดแล้วว่านางเป็นสายลับ ถ้าพ่อปกป้องนาง นี่ไม่เท่ากับว่าพ่อกำลังบอกคนทั่วหล้าว่า คนตระกูลฉู่ของข้าทุกคนล้วนเป็นสายลับหรอกรึ? ผลที่จะตามมา เป็นสิ่งที่เจ้าสามารถแบกรับมันได้หรือไม่? รัชทายาทไม่ได้จับตัวนางไป แต่ส่งคืนให้ตระกูลฉู่เพื่อจัดการเอง ซึ่งหมายความว่าให้โอกาสตระกูลฉู่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ หากไม่ฆ่านาง จะอธิบายให้ทางรัชทายาทเข้าใจว่าอย่างไร? รัชทายาทยังพอพูดง่าย ตอนนี้ฝ่าบาทแค่ประชวรอยู่ ฝ่าบาทเป็นผู้รับผิดชอบในการตัดสินชี้ขาด เจ้าเข้าใจหรือไม่? ”
นายท่านใหญ่ตระกูลฉู่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้ ก็ครุ่นคิดผลได้ผลเสีย สุดท้ายก็รู้ดีว่าไม่มีทางช่วยเหลืออะไรได้อีกแล้ว แต่เขาจะทนเป็นคนผมขาวที่ต้องส่งศพคนผมดำอีกครั้งได้อย่างไรกัน? เมื่อถูกอารมณ์ด้านลบกระตุ้นอย่างรุนแรงในชั่วขณะ ก็ร้องไห้จนเป็นลมล้มลงกับพื้น
ใบหน้าของโสวฝู่ฉู่เต็มไปด้วยรอยหมองคล้ำและความเศร้าโศก สั่งให้คนมาลากเขาออกไป จากนั้นก็เรียกแม่นมที่มีหน้าที่ดูแลการลงโทษภายในจวนเข้ามา พูดกับนางว่า: “ส่งเหล้าพิษไปให้พระชายาองค์ชายใหญ่ จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้ทรมานนานนัก”
“เจ้าค่ะ!” แม่นมรับคำสั่งแล้วออกไปทันที
ทางด้านฉู่หมิงหยาง แม้ว่าจะถูกสั่งคุมขังก็จริง แต่สุดท้ายนางคิดว่าอย่างไรตัวเองก็อยู่บ้านเดิมแล้ว ท่านปู่ก็อยู่ในสภาพไม่ได้สติ ใครจะทำร้ายนางได้? ด้วยเหตุนี้ จึงพาลพาโลใส่อารมณ์โกรธเคืองได้เต็มที่ ทุบตีสาวใช้ที่นำอาหารมาให้อย่างรุนแรงเพื่อระบายโทสะ พยายามจะบุกออกไปอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากถูกคนเข้ามาสกัดจับไว้ได้ ก็มาอาละวาดโวยวายในห้องต่อ
รอจนแม่นมกับทหารจวนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเหล้าพิษ นางก็กำลังอยู่ในอารมณ์ที่โกรธจนสุดขีดแล้ว นางก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วตบหน้าแม่นมฉาดใหญ่ ๆ พลางพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ไสหัวไปให้หมด! ข้าจะออกไปจากที่นี่!”
แม่นมอาวุโสผู้นี้ เป็นหัวหน้าที่ดูแลเรื่องราวน้อยใหญ่ภายในจวนมานาน นางรับใช้จวนตระกูลฉู่มานานหลายปีมากแล้ว แม้แต่โสวฝู่ก็ยังต้องให้เกียรตินางอยู่หลายส่วน มีหรือที่จะเคยโดนคนตบหน้าเช่นนี้?
แต่แม่นมก็ไม่แสดงท่าทีหงุดหงิด นางแค่มองฉู่หมิงหยาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า:
” พระชายาองค์ชายใหญ่ นายท่านมีคำสั่งให้ข้าน้อยนำเหล้ามาให้เจ้าดื่ม”
“นายท่านอะไร? เหล้าอะไร?” ฉู่หมิงหยางมองดูทหารจวนที่ทยอยเดินเข้ามาจากด้านหลังอย่างช้า ๆ หนึ่งในนั้นถือจอกเหล้า หลังจากข้ามธรณีประตูเข้ามาก็ยืนนิ่ง นางจ้องมองเขม็ง พลางก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งช้า ๆ
หลังจากที่นางก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แม่นมก็ก้าวตามขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดด้วยใบหน้าที่ชัดเจนและดวงตาที่นิ่งสงบว่า “พระชายาองค์ชายใหญ่ นายท่านฟื้นแล้ว และเป็นคำสั่งของนายท่านเองที่ให้ส่งเหล้านี้มาให้เจ้า ”
ดวงตาของฉู่หมิงหยางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เดินสะดุดถอยหลังไป “ท่านปู่ฟื้นแล้วรึ? หมอหลวงบอกเองไม่ใช่หรือว่าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว? เหล้าอะไร? ข้าไม่ดื่ม! เอาออกไป!”
แม่นมยกยิ้ม “พระชายาองค์ชายใหญ่ไม่ต้องกลัว เหล้านี้เป็นของที่ข้าน้อยเลือกเอง พอดื่มลงไปแล้วจะไม่รู้สึกเจ็บปวดมากนัก จากไปได้ในอึดใจเดียว”
“ไสหัวไป! ไสหัวไป!” ฉู่หมิงหยางหันกลับไปคว้าเก้าอี้ตัวหนึ่งโยนไปทางแม่นม ก่อนจะรีบพุ่งตรงไปทางประตู
ทหารจวนเข้ามาหยุดนางไว้ทันที คว้าแขนของนางแล้วผลักเข้าไปข้างใน ฉู่หมิงหยางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ดิ้นรนอย่างหนัก ยกสองขาขึ้นเตะถีบคนรอบ ๆ แต่คนเหล่านี้มีหน้าที่ดูแลเรื่องกฎระเบียบในจวน มีประสบการณ์ลงโทษคนมามากมาย จึงมีวิธีการของตัวเอง บังคับผลักนางเข้าไปข้างใน แล้วกดตัวนางลงบนเก้าอี้ตรง ๆ
หนึ่งในนั้นบังคับบีบปากของนางออก ใช้แรงเยอะมากจนใบหน้าและคางของฉู่หมิงหยางไม่สามารถขยับได้ เงาของแม่นมพาดทับเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าฉู่หมิงหยางด้วยท่าทางสงบนิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “นายท่านมีคำสั่ง จัดการให้รวดเร็วหน่อย อย่าได้ชักช้าเสียเวลา”
“ขอรับ!” ทหารจวนที่ยกเหล้าเดินขึ้นมาข้างหน้า บีบจอกเหล้าด้วยสองนิ้ว แล้วเทลงในปากของฉู่หมิงหยางอย่างแม่นยำ กระบวนการทั้งหมดนั้นเรียบง่าย ไหลลื่นไม่มีสะดุด ใช้เวลาไม่ถึงอึดใจ เหล้าก็ไหลลงคอไปจนหมด
หลังจากเทเหล้าลงไป ก็ยังไม่ปล่อยตัวฉู่หมิงหยาง เพื่อป้องกันไม่ให้นางคายออกมา จึงต้องคุมตัวนางไว้ในสภาพนี้ต่ออีกครู่หนึ่ง
ในช่วงเวลาที่นางโดนกดตัวไว้นี้ ฉู่หมิงหยางจิกเกร็งเท้าด้วยความสิ้นหวัง ความกลัวตายเข้าปกคลุมจิตใจนางอย่างสมบูรณ์ “ไม่นะ ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย…”
เริ่มมีอาการแสบร้อนในลำคอ ความแสบร้อนในลำคอนั้นค่อย ๆ ไหลลงไปเรื่อย ๆ นางกำหมัดแน่น เล็บถูกจิกเข้าไปในเนื้อ เสียงร้องขอความช่วยเหลือค่อย ๆ แผ่วลงทุกขณะ ราวกับว่าถูกคนรัดคอจนแน่น หายใจไม่ออก เริ่มจากในสมองมีเสียงระเบิดอื้ออึง มีหลายใบหน้าที่คุ้นเคยแวบผ่านเข้ามาในหัวราวกับโคมหมุน มีทั้งท่านแม่ พี่สาว หยู่เหวินจุน…..
ได้ยินเสียงแม่นมกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูว่า “พระชายาองค์ชายใหญ่ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว เจ้าทำความชั่วมามากมายเหลือเกิน ที่นายท่านเก็บเจ้าไว้จนถึงทุกวันนี้ ก็นับว่าท่านเมตตามากแล้ว เป็นเพราะเจ้าไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเอง หากได้เกิดใหม่ชาติหน้า ขอให้เป็นคนดี อย่าได้ก่อกรรมทำชั่วอีกล่ะ”
นางไม่เต็มใจ ไม่เต็มใจยิ่งนัก นางไม่ได้ทำชั่วอะไรเสียหน่อย ทุกอย่างที่นางทำลงไป มีอะไรผิดล่ะ? ทุกอย่างที่นางปรารถนา นางยังไม่อาจไขว้คว้ามาได้เลยสักอย่าง หลินเซียว หลินเซียว ช่วยข้าด้วย…..
ลมหายใจค่อย ๆ แผ่วลงทุกที ทหารจวนจึงปล่อยตัวนาง หัวของนางล้มเอียงลงไปข้าง ๆ ร่างกายก็อ่อนเปลี้ยลงไปเช่นกัน แม่นมเข้าไปอังจมูกนาง ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น “เสร็จแล้ว กลับไปรายงานผลได้”