บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1122 การค้นพบของฮูหยินเหยา
อะซี่เข้าบ้านของฮูหยินเหยาอย่างระริกระรี้ เคาะประตู แต่กลับเห็นฮุ่ยเทียนกวาดพื้นอยู่ข้างใน นางพลันชะงัก
“ทำไมท่านถึงมาอยู่นี่ ฮูหยินเหยาไปไหนรึ?”
นางเกิดความประหลาดใจขึ้น ผู้ชายกวาดพื้นให้รู้สึกแปลกๆ โดยเฉพาะคนที่มีวรยุทธ์เก่งกล้าเช่นนี้ สองมือเขาควรถือกระบี่ร่ายสังหารคน ไม่ใช่มากวาดพื้น
ฮุ่ยเทียนช้อนตาเย็นชาขึ้นมา เอ่ย “นางออกไปซื้อของ เจ้าหานางมีธุระอะไร?”
อะซี่ลังเลครู่หนึ่ง “นางออกไปแล้ว? แล้วท่านกวาดพื้นในบ้านนาง?”
“ให้อาหารหมาด้วย” ฮุ่ยเทียนเชิดตามองสุนัขที่หมอบอยู่ข้างธรณีประตู เอ่ย
อะซี่อ้อเสียงหนึ่ง ไม่รู้จะเข้าไปหรือไม่เข้าดี แต่เป็นฮุ่ยเทียนที่ทักทายนาง “เจ้าหานางมีธุระหรือ? นางไม่กลับมาเร็วอย่างนั้นหรอก ไม่งั้นเจ้าก็เข้าไปรอก่อน?”
อะซี่รู้สึกว่ามีแต่เขากับนางคุยกันอยู่ข้างในดูแปลกเล็กน้อย จึงถอยออกอย่างประหม่า เอ่ย “ก็ไม่มีอะไร แค่ว่าฉู่หมิงหยางตายแล้ว ข้ามาบอกนางสักหน่อยเท่านั้น”
ฮุ่ยเทียนอือเสียงหนึ่ง “รู้แล้ว ถ้าเจ้าไม่รอข้าจะบอกนางให้”
อะซี่อ้ออีกครั้ง เห็นเขากวาดพื้นต่อ ทั้งกิริยายังสบายๆ คล่องแคล่วมาก เห็นแล้วก็รู้สึกประหลาด ถึงก่อนหน้านี้พี่หยวนเคยพูดคำพูดที่มีความหมายลึกซึ้ง แต่นางมักรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
นางหันกลับมามองฮุ่ยเทียนอีกครั้ง แต่ขณะที่กำลังจะหมุนตัวไป ฮุ่ยเทียนก็เรียกนางไว้ “ช้าก่อน”
อะซี่หยุดฝีเท้าแล้วเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”
“เจ้าเห็นข้าอยู่ที่ฮูหยินเหยานี่ รู้สึกแปลกหรือไม่?”
อะซี่เออออ “แปลก…” แต่พอเห็นสายตาเขาเย็นชาก็พลันเปลี่ยนคำพูด “ไม่แปลกนี่ ระหว่างเพื่อนบ้าน ช่วยให้อาหารหมา ทำความสะอาดอะไรเป็นเรื่องปกติ”
ฮุ่ยเทียนยันไม้กวาดมองนางแล้วเอ่ย “ข้ากับฮูหยินเหยาไม่มีอะไรกัน กลับไปแล้วอย่าพูดไปเรื่อยล่ะ ข้ายังไงก็ได้ กลัวแต่จะทำให้ชื่อเสียงนางเสื่อมเสีย”
อะซี่รับคำ “รู้แล้ว”
แต่ขณะที่อะซี่คิดจะไปก็ได้ยินเขาพูดขึ้นอีก “สาวใช้ในบ้านนางขโมยเงินไป แล้วนางก็ไม่ค่อยสบาย ไอมาหลายวัน มีไข้นิดหน่อยไปหาหมอเอง ข้าก็เลยช่วยนางกวาดลานบ้าน ให้อาหารหมา”
“นังเด็กนั่นขโมยเงินแล้วหนีหรือ?” อะซี่ตกใจ “ทำไมไม่บอกเราล่ะ? ให้พี่เขยข้าไปจับกลับมาก็ได้นี่”
“นางคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก แถมไม่ได้ขโมยไปมากก็เลยปล่อยนางไป” ฮุ่ยเทียนกล่าวเรียบ
อะซี่รู้สึกว่าหลังจากเรื่องนั้น ฮูหยินเหยาก็ไม่ค่อยไปจวนอ๋องฉู่ ไม่รู้เพราะอะไร ตอนนี้ในบ้านเกิดเรื่องแถมยังป่วยอีก ไปหาหมอเองแต่ไม่ไปจวนอ๋องฉู่ ทำไมห่างเหินอย่างนั้นล่ะ?
อะซี่คิดแล้วจึงเอ่ย “ฮูหยินเหยายังติดใจอยู่บ้างใช่หรือไม่? ไม่พอใจที่ให้นางเป็นเหยื่อล่อฮูหยินทัง?”
“ไม่รู้!” ฮุ่ยเทียนมองนางด้วยความเย็นชา “ใจนางคิดยังไง ข้าไม่รู้ แต่ข้าไม่พอใจ พวกเจ้าเก่งขนาดนั้นทำเองก็พอแล้ว รู้ทั้งรู้ว่านางไม่เป็นวรยุทธ์ แต่กลับให้นางไปเสี่ยงภัย ถ้าตายไปจริงพวกเจ้าจะรับผิดชอบได้หรือ?”
เรื่องนี้เป็นความคิดของอะซี่กับหรงเยว่ ฉะนั้นพอได้ยินการตำหนิจากฮุ่ยเทียนแล้วก็รู้สึกผิด เงอะงะอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “งั้นข้ารอฮูหยินเหยาสักเดี๋ยวแล้วกัน รอนางกลับมาแล้วข้าจะขอโทษนาง”
“ในเมื่ออย่างนี้ก็เข้าไปช่วยนางเช็ดโต๊ะ ซักผ้าเถอะ นางไม่ยอมให้ข้าแตะต้องเสื้อผ้านาง แต่นางก็ล้มป่วยอีก” ฮุ่ยเทียนเอ่ย
อะซี่สงสารฮูหยินเหยาขึ้นพลัน ทั้งรู้สึกผิด พอเข้าไปก็เห็นเสื้อผ้ากองไว้หลายวันไม่ได้ซัก เสื้อผ้าสะอาดเหลือไม่กี่ชุดแล้ว ดังนั้นนางจึงตักน้ำจากบ่อน้ำ แล้วซักผ้าเสื้อผ้านางไปรอบหนึ่ง
ปกติฮูหยินเหยาจะสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย สีเรียบค่อนข้างมาก เนื้อผ้าก็ไม่ใช่แบบที่ขึ้นชื่อมีราคา แต่ที่สมัยก่อนนางสวมใส่ล้วนเป็นผ้าไหมแพรพรรณ เมื่อก่อนเห็นสีหน้านางเรียบสงบ สวมชุดสีอ่อนเรียบเหล่านั้นแล้วก็รู้สึกเหมาะสม แต่พอตอนนี้มาซักผ้าให้นางแล้ว ชุดชั้นในกลับค่อนข้างหยาบ มีแต่เสื้อตัวนอกที่ดูดีหน่อย พระชายาในอดีต บัดนี้ตกระกำราวกับสามัญชน นี่ทำให้อะซี่รู้สึกถอดถอนใจเล็กน้อย
พอตากผ้าเสร็จ ฮุ่ยเทียนก็เรียกนางเข้าครัวในบ้านไปต้มโจ๊กให้ฮูหยินเหยา อะซี่ก็รับคำเช่นกัน เอาข้าวฟ่างกำมือหนึ่งวางไว้ในหม้อ ก่อฟืนต้มให้สุก
อะซี่มีชาติกำเนิดเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ แต่เลี้ยงดูให้ลำบากแต่เล็ก หลังจากแต่งกับสวีอีแล้ว ถึงในบ้านจะมีสาวใช้จัดการ แต่นางก็ชอบเข้าครัว เรียนศิลปะอาหารกับแม่นมสี่และแม่นมฉี บางครั้งก็ทำของอร่อยให้สวีอีสักมื้อ สองสามีภรรยาสุนทรีย์มาก
ตอนนี้พอเห็นในครัวก็มีวัตถุดิบสดจึงทำทำกับข้าวรสจืดให้ฮูหยินเหยาสองอย่าง
ทางนี้เพิ่งทำเสร็จ ก็ได้ยินเสียงของฮูหยินเหยา เจือความจนใจและอ่อนล้าเล็กน้อย “ไม่ใช่บอกเจ้าว่าไม่ต้องทำความสะอาดให้ข้าหรือ? ข้าทำเองได้”
“ข้าไม่ได้ทำ” เสียงฮุ่ยเทียนชืดๆ “แม่นางอะซี่มา นางทำความสะอาดให้ท่าน เสื้อผ้านางก็เป็นคนซัก ตอนนี้ยังอยู่ในครัวทำกับข้าวให้ท่านอยู่แน่ะ”
อะซี่เดินออกไป เช็ดมือกับชายกระโปรง ชายตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฮูหยิน ท่านกลับมาแล้วหรือ?”
ฮูหยินเหยามองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็เดินเร็วไปด้านหน้า “อะซี่ ให้เจ้าทำงานบ้านให้ข้าเยอะแยะอย่างนี้ได้ยังไง? รีบเข้าไปนั่งเร็ว”
“ไม่เป็นไร ข้าทำกับข้าวแล้ว กินได้เลย ท่านไปหาหมอใช่ไหม? รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? ไม่สบายตรงไหน?” อะซี่ถาม
ฮูหยินเหยาลากอะซี่เข้าห้องครัว นางรู้ว่าอะซี่ไม่ได้มาอย่างไม่มีสาเหตุแน่นอน จึงถามขึ้น “เจ้ามาด้วยเรื่องอะไร?”
อะซี่ถอดผ้ากันเปื้อน เอ่ย “ตอนแรกอยากจะบอกท่านว่าฉู่หมิงหยางตายแล้ว แต่พอเห็นที่นี่…”
“ที่นี่ก็ดีนี่” ฮูหยินเหยาเอ่ยขึ้นพลัน
“ฮุ่ยเทียนบอกว่า…”
สีหน้าฮูหยินเหยาซีดเซียวเล็กน้อย “ข้ากับเขาไม่มีอะไรกัน เจ้าอย่าไปฟังเขาพูดเพ้อเจ้อ”
อะซี่มองนางอย่างประหม่า “ข้ารู้ ข้าไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ ข้าแค่…เฮ้อ ฮูหยินเหยา ท่านโกรธข้าใช่หรือไม่? โทษข้าที่ให้ท่านไปล่อฮูหยินทัง ไม่สนใจความปลอดภัยของท่านใช่ไหม? เพราะงั้นพอท่านเกิดเรื่อง ล้มป่วยก็เลยไม่บอกพวกเรา”
เมื่อฮูหยินเหยาได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชะงักงัน “ทำไมเจ้าคิดอย่างนี้ล่ะ? ก็ต้องไม่ได้โกรธเจ้าอยู่แล้ว เป็นข้าที่สมัครใจทำเอง ถ้าข้าไม่สมัครใจ ใครก็ให้ข้าทำไม่ได้หรอก”
“งั้นทำไมท่านเกิดเรื่องแล้วถึงไม่บอกพวกเราล่ะ? ป่วยก็ยอมไปหาหมอเอง ไม่ไปหาพี่หยวนที่จวนอ๋องฉู่?”
ฮูหยินเหยาจะหัวเราะร้องไห้ก็ไม่ใช่ “อะซี่ การที่สาวใช้หนีไป เรื่องใหญ่แค่ไหนกัน? ข้าให้หยาผอ หาคนให้ข้าแล้ว แค่ตอนนี้ยังไม่มีที่เหมาะสมเท่านั้น เรื่องนี้ไม่ต้องไปหาถึงจวนอ๋องฉู่หรอก สำหรับที่ข้าป่วย ก็แค่ไอนิดหน่อย ข้าไปซื้อยาสองสามเทียบมาต้มก็พอ ไม่ต้องรบกวนพี่หยวนของเจ้าหรอก แต่ก็นะ ไปซื้อยาครั้งนี้กลับเจอเรื่องประหลาดอยู่หน่อย ตอนแรกข้าคิดว่าเดี๋ยวจะไปจวนอ๋อง แต่เจ้าอยู่นี่พอดี งั้นข้าไม่ไปแล้ว เจ้าไปบอกพระชายารัชทายาทแล้วกัน”
“เรื่องอะไรหรือ?” อะซี่ถาม