บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1128 อยู่ที่การเลือก
ครั้นอ๋องชุนออกจากเมืองหลวง หยู่เหวินเห้าก็ลงโทษทังหยาง โบยสามสิบไม้แล้วขับออกจากจวน ทังหยางประฌานหยู่เหวินเห้าอยู่ที่ปากประตูจวน ว่าเขาไม่คำนึงถึงไมตรีที่ช่วยเหลือมาหลายปี ช่างน่าเสียใจนัก เมื่อหยู่เหวินเห้าได้ยินดังนั้นก็ให้คนรุมซ้อมยกหนึ่ง สุดท้ายทังหยางก็จากไปอย่างอมความแค้น
ไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายหนักในเมืองหลวง ด้วยการขาดแคลนยาทำให้ประชาชนโกรธแค้นราชสำนัก ทั้งมีคนมีชื่อเสียงพูดว่าองค์รัชทายาทไร้ปรีชาไร้คุณธรรม คนป่วยไม่มียารักษา หยู่เหวินเห้าได้รับการยกย่องจากใจประชาชนมากมาตลอด จู่ๆ กลับถูกเหยียบย่ำด้อยค่าเช่นนี้ ลุกลามไปทั่วเมืองหลวงและหัวเมืองโดยรอบแบบไฟลามทุ่ง
เดิมนึกว่าจะควบคุมสถานการณ์ยาก แต่หารู้ไม่ว่าขณะที่เสียงต่อว่าของประชาชนเซ็งแซ่ กลับมีสมุนไพรจำนวนมหาศาลแจกจ่ายให้ประชาชนที่เจ็บป่วยแบบเปล่าๆ
และคนที่มอบยาก็ใช้ธงของจวนอ๋องอาน
ความแตกต่างระหว่างองค์รัชทายาทกับอ๋องอานเห็นได้ชัด
อีกทั้งเรื่องที่อ๋องอานเคยถูกส่งออกเมืองหลวงเมื่อก่อนหน้านี้ก็ถูกทุกคนพูดถึง บอกว่าตอนนั้นถูกคนให้ร้าย กระทั่งพูดว่าคนที่ให้ร้ายเขาก็คือองค์รัชทายาท ส่วนองค์รัชทายาทที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอด ก็เพราะมีบุตรชายหลายคน ใช้ทายาทมาเป็นข้อได้เปรียบ ช่างเป็นผู้ไร้ความสามารถไม่เป็นโล้เป็นพายจริงๆ
ประชาชนคนธรรมดาร่ำเรียนน้อย ไม่เปิดโลกทัศน์ กับคำร่ำลือเช่นนี้ถึงกับมีคนมากมายเชื่อสนิทใจ
ตั้งแต่ถูกแต่งตั้ง ชื่อเสียงองค์รัชทายาทก็แทบลดฮวบไปอยู่ก้นเหว
กระนั้นข่าวลือก็คือข่าวลือ หยู่เหวินเห้าราวกับไม่สนใจสักนิด เขาเป็นปึกแผ่นในราชสำนักแล้ว มีคนเสนอให้เขาจัดการกับคนวิพากษ์วิจารณ์ จับคนปล่อยข่าวเหล่านั้น แต่หยู่เหวินเห้ากลับไม่แยแส กล่าวเพียง “มียาก็พอแล้ว พวกเขาจะพูดอะไรก็ช่างเถอะ”
มีคนมาเกลี้ยกล่อมหยวนชิงหลิงด้วย ให้นางเกลี้ยกล่อมองค์รัชทายาท ไพร่ฟ้าคือน้ำ พยุงเรือได้ก็คว่ำเรือได้ ปกติหยวนชิงหลิงไม่ได้ติดต่อกับบรรดาฮูหยินเหล่านี้ แต่จู่ๆ กลับมีคนมากมายมาเกลี้ยกล่อม นางย่อมรู้สึกแปลกใจอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ไม่เป็นไร การที่ประชาชนชี้ข้อด้อยของเจ้าห้า เขายังสามารถแก้ไข พวกเราน่าจะขอบคุณถึงจะถูก”
คำพูดนี้ทังหยางสั่งให้คนแพร่ออกไป แม้ไม่สามารถกลบทับคำวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่กับคนที่มีความคิดก็เริ่มรู้จักแยกแยะได้แล้ว
บัดนี้หยู่เหวินเห้าดูเหมือนถูกศัตรูรุมล้อม แต่กลับสบายกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งยังเป็นอ๋องอานเสียอีกที่นั่งนอนไม่เป็นสุขอยู่ในจวน
ยิ่งข้างนอกสนับสนุนเขามากเท่าไร จิตใจเขาก็ยิ่งหวาดหวั่นเท่านั้น
ที่แล้วมาเขารู้สึกว่าตนเป็นยอดฝีมือใช้กลยุทธ์ทางอำนาจ บัดนี้การโจมตีเรื่องแล้วเรื่องเล่าถึงรู้ว่าตัวเองเป็นแค่เด็กน้อยที่เล่นดินเล่นทราย เทียบชั้นไม่ได้เลย
เขากระวนกระวายทั้งวัน แม้แต่พระชายาอานก็มองออก แถมข่าวลือด้านนอกแพร่ไปทั่วเมืองหลวง คนรับใช้ในจวนก็ได้ยินมาเหมือนกัน คนที่ปรนนิบัติข้างตัวพระชายาอานย่อมแสดงความเห่อเหิมกับนาง กล่าวว่าตอนนี้ประชาชนยกยออ๋องอาน
คนในจวนอ๋องอานส่วนใหญ่เป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมา ตอนหลังตี๋กุ้ยเฟยก็เลือกอีกสองสามคน ตอนนี้คนที่ปรนนิบัติใกล้ชิดกับพระชายาอานก็คือคนที่ตี๋กุ้ยเฟยเลือก ดังนั้นพวกนี้จึงยกยออ๋องอานตามคนด้านนอก
เมื่อพระชายาอานได้ยินคำพูดพวกนี้แล้วก็ไม่ค่อยพอใจ กระทั่งกลัวจนใจสั่น
นางก็อดไม่ได้ จึงถามอ๋องอานออกไป “คนที่มอบยาอยู่ข้างนอกเป็นคนของท่านจริงหรือเพคะ?”
อ๋องอานถอนหายใจเบา ขมวดคิ้วกังวล “จะเป็นคนของข้าได้ยังไง? ข้ามีเงินขนาดเก็บตุนวัตถุดิบยามากมายขนาดนั้นล่วงหน้าได้หรือ?”
“หม่อมฉันก็คิดว่าไม่ใช่ท่าน แต่องค์รัชทายาทจะเชื่อท่านหรือเปล่า?” พระชายาอานเอ่ยถาม
อ๋องอานหงุดหงิด พูดขึ้นอย่างร้อนรน “เขาไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ!”
เขาคิดว่าหยู่เหวินเห้าไม่เชื่อเขา เรื่องนี้เป็นใครก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ด้วยความร้ายกาจของเขาในอดีต ทั้งยังเคยชิงตำแหน่งรัชทายาทกับเขา ตอนนี้ทั้งหมดทั้งมวล เหยียบย่ำหยู่เหวินเห้าแล้วมายกยอเขา ประชาชนสรรเสริญเขายิ่งกว่าบัณฑิตขุนนางที่มีความสามารถมีชื่อเสียง แต่นี่ไม่ใช่การสรรเสริญ แต่เป็นการอวยให้เขาลำพองตัว สร้างศัตรูให้เขา
เมื่อพระชายาอานเห็นเขาไม่สบายใจก็ไม่กล้าถามอีก ทว่าในใจยังกลัวหนัก
นางไม่สนใจว่าตนอ่อนแอหลังคลอด พอออกเดือนแล้วก็ให้คนเตรียมรถม้า ตรงดิ่งไปหาหยวนชิงหลิงที่จวนอ๋องฉู่ทันที
พอหยวนชิงหลิงเห็นนางมาเองก็ตกใจ อีกทั้งเมื่อเห็นเสื้อผ้านางบาง ก็รีบให้คนต้อนรับนางไปที่ห้องโถงข้าง คลุมเสื้อคลุมให้
“เจ้ามีอะไรก็ให้คนมาบอกก็ได้ ไยต้องมาด้วยตัวเองเล่า?” หยวนชิงหลิงหันไปให้แม่นมฉีต้มน้ำขิงให้นาง ขับไอเย็น แม้ตอนนี้อากาศจะเข้าฤดูร้อนแล้ว แต่ช่วงที่ฝนตกมีมาก ยังคงค่อนข้างเย็น
พระชายาอานไม่ยี่หระเรื่องพวกนี้ กระซิบ “ข้าพูดกับท่านตามลำพัง ได้ไหม?”
หยวนชิงหลิงพยักหน้า จากนั้นก็ให้คนรับใช้ในห้องออกไป ปิดประตู เห็นใบหน้าพระชายาอานที่ซีดขาวและหวั่นวิตก แม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังถาม “มีอะไรหรือ? ทำไมเจ้าต้องมาเองให้ได้ด้วย?”
พระชายาอานมองหยวนชิงหลิง พูดขึ้นอย่างสัตย์จริง “คำพูดพวกนั้นที่มีกับองค์รัชทายาทในระยะนี้แย่เสียจริง เรื่องนี้ข้ารู้ แต่ไม่เกี่ยวกับท่านอ๋องจริงๆ คนส่งมอบยาเขาก็ไม่รู้จัก และเขาก็ไม่มีเงินซื้อยามากขนาดนั้นด้วย เจ้าพูดกับองค์รัชทายาทหน่อยเถอะ อย่าให้พี่น้องเกิดความบาดหมางกันเลย ข้าคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีคนจงใจยุแยงความสัมพันธ์พี่น้องของพวกเขา”
หยวนชิงหลิงก็รู้ว่านางมาเพราะเรื่องนี้ จึงปลอบโยน “เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกผู้ชาย เจ้าไม่ต้องยุ่งหรอก เจ้าห้าคงมีความคิดอยู่ในใจอยู่แล้ว”
“ไม่ยุ่งก็ไม่ได้” พระชายาอานคิดว่านางไม่เชื่อ เริ่มร้อนใจ “ช่วงนี้ที่ท่านอ๋องอยู่ในจวนก็เอาแต่ถอดถอนใจ บอกว่าพวกเราถูกคนอื่นหลอกใช้ให้แล้ว”
“ท่านอ๋องพูดอย่างนี้จริงหรือ?” หยวนชิงหลิงมองนางพลางถาม
พระชายาอานหลบสายตาแวบหนึ่ง คำพูดนี้ท่านอ๋องย่อมไม่ได้กล่าว เป็นนางที่คาดเดาเอง แต่นางคิดว่าถูกคนอื่นหลอกใช้จริงๆ “เรื่องนี้…บางทีอาจเป็นอย่างนั้นจริงๆ พระชายารัชทายาท ข้ารู้ว่าเจ้ามีเมตตาคุณธรรม ต้องไม่อยากเห็นพวกเขาพี่น้องมองกันเป็นศัตรู แต่…เฮ้อ ถ้าเรื่องนี้หลงกลจริงก็ไม่ดีกับใครทั้งนั้น นั่นถึงตายเชียวนะ”
พระชายาอานร้อนรน รู้เพียงว่าหากองค์รัชทายาทเคลือบแคลงใจ ถึงช่วงสำคัญเขาจะยอมปล่อยท่านอ๋องหรือ?
หยวนชิงหลิงเอ่ยถาม “เจ้าอย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าถามเจ้าอย่าง เจ้าตอบมาตามตรงก็พอ”
“เจ้าถาม เจ้าถาม” พระชายาอานพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก
หยวนชิงหลิงมองดวงตานางแล้วถาม “เจ้ายังจำตอนนั้นที่เจ้าคลอดลูกได้ไหม? เจ้าเคยบอกว่าท่านอ๋องไปวัดฮู่กว๋อสองสามครั้ง หลังจากเจ้าคลอดแล้วเขายังไปอยู่ไหม?”
พระชายาอานส่ายหน้า “เขาไม่เคยบอกกับข้าว่าไป ช่วงที่ข้าอยู่เดือน เขาก็ออกจวนไปแค่สองสามครั้งเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้ไปนาน ข้าคิดว่าเขาคงไปวัดฮู่กว๋อไม่ได้หรอก”
“แล้วก่อนหน้านี้ที่เขาไปวัดฮู่กว๋อไปทำอะไรหรือ?” หยวนชิงหลิงถาม
พระชายาอานสับสน “เรื่องนี้…ไปวัดฮู่กว๋อจะไปทำอะไรได้? ก็ต้องไปไหว้พระขอพรนะสิ ขอให้ข้าคลอดลูกปลอดภัย”
นางชะงัก สีหน้าซีดขาวนิดหน่อย มองหยวนชิงหลิง “วัดฮู่กว๋อทำไมหรือ? หรือว่าข้างในมีใครที่พบไม่ได้?”
หยวนชิงหลิงไม่ได้อธิบายกับนาง แต่พูดว่า “เจ้ากลับไปแล้วก็บอกท่านอ๋อง ว่าที่เขาไปวัดฮู่กว๋อข้ากับเจ้าห้ารู้แล้ว”
“แค่นี้?” พระชายาอานตะลึง โฉมหน้าขาวสะอาดเต็มไปด้วยความฉงนใจ
“แค่นี้แหละ!” หยวนชิงหลิงพูดด้วยความเชิงลึก
ทั้งหมดก็อยู่ที่การเลือกของเขาเองแล้ว