บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1132 ความโศกเพราะถูกผู้สมรู้ร่วมคิดทำร้ายของอ๋องฉี
หยู่เหวินเห้ากลับเข้าไปในเรือน หยวนชิงหลิงเพิ่งจะให้นมเจ้าแฝดเสร็จ หยู่เหวินเห้ายุ่งมากในช่วงนี้ ยากที่จะได้เห็นเจ้าแฝดตอนตื่นนอก เลยเข้าไปเล่นด้วยสักหน่อย
เจ้าแฝดน่ารักน่าชังเป็นอย่างมาก ไม่ยิ้มและไม่มีอารมณ์อะไรเลย แต่ท่าทีดูดีเป็นอย่างมาก เส้นผมม้วนเล็กน้อย ใบหน้ากลม อวัยวะหน้าตาก็ดูดี เหมือนกับตุ๊กตาไม่มีผิด จนทำให้คนหลงรักเป็นอย่างมาก
“ผมหยิกๆ นี้เหมือนฉันตอนเด็กๆ เลย” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างภาคภูมิ
หยวนชิงหลิงมองผมของเขา “ข้าไม่คิดว่าผมของเจ้ามันหยิกนะ”
เส้นผมของหยู่เหวินเห้านั้นมันหยิกเล็กน้อย แต่ไม่ชัดเท่าไหร่ ถ้าเปียกน้ำก็จะเห็นชัดมากขึ้น แต่ปกตินั้นไม่เท่าไหร่
เมื่อเล่นกับเจ้าแฝดสักพัก แม่นมก็อุ้มออกไป
หยวนชิงหลิงมองเขา สิ่งที่แม่นมฉีพูดเมื่อครู่ นางได้ยินหมดแล้ว ที่ที่ห่างออกไปไม่ไกลนั่น มันมีกำแพงกั้นอยู่ด้านนอก นางพูด “แม่นมฉีเองก็ไม่คุ้มค่าที่จะไปแทนทังหยาง เจ้าอย่าใส่ใจมากเลย แล้วก็อย่าไปคิดแค้นอะไรกับนางเลย”
หยู่เหวินเห้ายิ้มขึ้น “ข้าจะโกรธนางได้อย่างไร?นางดูแลทังหยางเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆ มาตลอด ถ้าข้าโบยทังหยางสามสิบที แล้วก็ให้ออกจากจวนไป นางจะต้องปวดใจมากแน่ๆ ดังนั้นทังหยางมาถามเรื่องในจวนกับนาง นางเลยบอกทังหยางทุกอย่าง สิ่งที่เจ้าพูดนั้น ทังหยางแพร่ออกไปหมดแล้ว มันรวดเร็วเป็นอย่างมาก ถ้าเกิดเป็นคนอื่น คงจะไม่พูดอะไรละเอียดขนาดนี้ แต่ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน อย่างน้องก็ไม่ทำให้คนอื่นสงสัย แล้วก็ทำให้ทังหยางไม่ต้องมาเข้าใกล้พวกข้าด้วย บอกจากเจ้าและข้าสามคนแล้ว ก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับสวีอีเลย”
“เจ้าไม่โกรธก็ดีแล้ว” หยวนชิงหลิงยิ้มพลางพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าโอบนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะประทับรอยจูบลงเต็มแรง “ทำไมวันนี้ในใจของเจ้า ข้าเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นเลย?”
หยวนชิงหลิงจับหัวของเขา พลางมองด้วยแววตาเฉียบแหลม ในวันนี้มันแหลมคมขึ้นมาก แต่เขาก็ยังเป็นเขา ไม่เคยเปลี่ยน นางรู้ดี
เมื่อพลอดรักกันเล็กน้อยแล้ว หยวนชิงหลิงก็ถาม “ทังหยางจะอันตรายไหม?เขาไปแบบนี้ ถ้าไม่ราบรื่นก็เหมือนเป็นการรนหาที่ตายเลยล่ะ”
นางยังกังวลไม่หาย ถึงทังหยางจะพูดเตือนไปแล้ว แต่ยุทธก็ไม่ได้สูงส่งมาก ถ้าเกิดถูกมองออกแล้ว คงจะไม่มีทางหนีเอาชีวิตรอดเลยล่ะ
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะพูด “เป็นคำขอของเขาน่ะ ตอนแรกข้าไม่เห็นด้วย หงเล่ถูกหลอกได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?แต่เขาตัดสินใจที่จะใช้ด้วยชีวิตนี้แล้ว ขวางเอาไว้ไม่ได้ ต่อให้ข้าไม่เห็นด้วย เขาเองก็จะทำแบบนี้อยู่ดี ระหว่างทางอาจจะต้องลำบากมากขึ้นสักหน่อย หรืออาจจะเจอเรื่องที่แย่กว่า วันนี้โดนโบยสามสิบที มันก็มากพอสำหรับเขาแล้ว”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขานั้นเห็นทังหยางเป็นเหมือนคนในครอบครัวแล้ว ในวันนี้ทังหยางจะไปฝ่าฟันอันตราย เขาไม่มีทางวางใจได้เลย ก่อนจะพูดขึ้น “ใต้เท้าทังเตือนอย่างชาญฉลาด บางทีอาจจะได้รับความเชื่อในจากหงเล่ ในวันนี้เจ้ายังต้องสนใจเรื่องที่หงเล่จะเข้าพระนครน่ะ”
“อือ เจ้าวางใจเถอะ ในวันนี้เราเองก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะถูกโจมตีเพียงอย่างเดียวแล้ว” หยู่เหวินเห้ามีแววตาของความเชื่อมั่นอยู่
หยวนชิงหลิงมองเขา และคิดว่าหลายปีมานี้ เจ้าโตขึ้นมาก นิ่งขึ้นเยอะ หลังจากที่ถ่อมตัวแล้วก็ทำเรื่องอะไรได้ถี่ถ้วนมากขึ้น
เขาค่อยๆ โตขึ้นมา ก่อนจะกลายเป็นแบบที่รัชทายาทคนหนึ่งควรจะเป็น
ทำให้คนรู้สึกปลอดภัย
สามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้คุยอะไรกันมาก แค่ได้รายงานเรื่องจากด้านนอก แล้วบอกว่าอ๋องฉีมาแล้ว
หยู่เหวินเห้าถอนหายใจออกเบาๆ “เรียกให้เขามารอข้าที่เรือนด้านข้าง”
หยวนชิงหลิงเห็นว่าเขาหงุดหงิดใจมาก เลยถาม “เป็นอะไรเหรอ?เจ้าเหมือนจะรู้ว่าเขามาทำไม”
“เรื่องของตี๋จงเหลียง ข้าไปคราเดียวก็กลับแล้ว” เมื่อพูดจบ ก็กอดหยวนชิงหลิงเล็กน้อย ก่อนจะหันตัวเดินออกไป
เพราะไม่มีใครเก็บศพของตี๋จงเหลียง อ๋องฉีเลยจัดคนไปหาตระกูลตี๋หลายครั้ง แต่ไม่มีใครในตระกูลตี๋ออกมารับ ว่ากันตามก่อนหน้านี้ ถ้าเกิดไม่มีใครจัดการ ศพของตี๋จงเหลียงก็ต้องถูกย้ายไปจัดการฝังกลบ
อันที่จริงส่งไปจัดการศพและฝังเลยก็ได้ เพราะถึงอย่างไรตี๋จงเหลียงก็ตั้งใจฆ่ารัชทายาท การเหลือศพของเขาเอาไว้มันก็ไม่เลวแล้ว แต่เมื่อรู้เส้นสายที่ตี๋จงเหลียงพยายามฆ่ารัชทายาทแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะทำให้คนหายใจเฮือก โดยเฉพาะอ๋องฉีที่ยังใจอ่อน แล้วคิดว่าตี๋จงเหลียงนั้นไม่ควรหดหู่ขนาดนี้ ดังนั้นเลยให้คนไปถามหยู่เหวินเห้าถึงสองครั้ง แต่หยู่เหวินเห้าบอกว่าเขาจะจัดการเอง อ๋องฉีเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ ถึงอย่างไร ตี๋จงเหลียงก็ยังเป็นตัวตนที่ร้ายกาจ เลยเดาไม่ออกเลยว่าท่านพี่ห้าอยากจะจัดการศพเขาอย่างไร
หยู่เหวินเห้าออกไปแล้ว อ๋องฉีถึงได้นั่งลงดื่มชส เมื่อเห็นหยู่เหวินเห้าเข้ามาก็รีบยืนขึ้น “ท่านพี่ห้า เรื่องนี้เจ้าต้องยื่นคำขาดนะ”
หยู่เหวินเห้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องถามข้า เจ้าเองก็ยึดมั่นในความคิดก็พอแล้ว เจ้าคิดว่าเขาน่าสงสาร เคารพเขาที่ยอมสละชีวิตให้ตระกูลตี๋ เจ้าก็ช่วยให้เขาไปสบายเถอะ”
“ข้าไม่เหมาะที่จะออกหน้าหรอก ข้าเป็นถึงข้าราชการในกรมการพระนคร แถมยังมีน้องชายของเจ้าด้วย ข้าจะจัดการศพเขาได้อย่างไร?ที่ข้ามาครั้งนี้ ก็คิดจะให้ท่านพี่สี่ออกหน้าให้ แล้วให้ท่านพี่สี่ฝังศพให้?ทางตระกูลตี๋นั้นคงจะหวังอะไรไม่ได้แล้ว”
หยู่เหวินเห้านั่งลง ก่อนจะพูดเบาๆ “พรุ่งนี้ท่านพี่สี่ของเจ้าจะออกจากนครไปที่จวนเจียงเป่ยแล้ว เขาจัดการไม่ได้”
“ห๊ะ?ทำไมจะกลับจวนเจียงเป่ยล่ะ?เสด็จพ่อให้เขาไปแล้วเหรอ?” อ๋องฉีรู้สึกแปลกใจ ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินว่าเขาจะไปเลย
“เสด็จพ่อไม่ได้ไล่ แต่เขาอยากจะกลับไปเอง เรื่องนี้ยังไม่ต้องพูดอะไรละเอียดมาก เรื่องของตี๋จงเหลียงนั้นเขาทำไม่ได้แล้ว เจ้าดูเถอะว่าจะทำอย่างไรดี หรือคนของตระกูลตี๋จะไม่ยอมออกหน้า เจ้าให้คนอื่นออกไปถามตี๋เว่ยหมิงเถอะ หรือไม่ก็เป็นฟางกั๋วกงก็ได้”
“จัดให้คนไปหาทางตระกูลฟาง ท่ามกลางความเศร้าโศกของฟางกั๋วกง บอกว่าให้จัดคนไปหาตระกูลตี๋ บอกให้คนตระกูลตี๋ไปจัดการ แต่ตระกูลตี๋ยังไม่ทำอะไรจนถึงวันนี้ ทางตระกูลฟาง เองก็ไม่ได้มีข่าวคราวอะไรมา บอกว่าทางฮูหยินของกั๋วกงฟางเป็นลมไปหลายครั้งแล้ว ให้ข้าจัดคนไปอีก ก็ไม่เห็นพวกเขาแล้ว ส่วนตี๋เว่ยหมิงก็กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ถามคนของทางตระกูลตี๋ เขาก็ไม่ยอมบอกที่อยู่ จนวันนี้ก็ยังหาตี๋เว่ยหมิงไม่เจอ”
หยู่เหวินเห้าโกรธเล็กน้อย เลยอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงเล็กน้อย “เจ้าเจ็ด กรมการพระนครของเรายังต้องดูแลเรื่องภูมิลำเนาด้วยเจ้าไม่รู้เหรอ?ธุรกิจของตระกูลตี๋นั้นถูกเก็บไปจนเหลืออีกนิดหน่อยเท่านั้น เจ้ากลับไปบอกให้นายทะเบียนตรวจสอบสักหน่อยก็รู้แล้ว มันง่ายขนาดนั้นเลย?เจ้าเจ็ด ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?ไม่ใส่ใจกับเรื่องที่ควร แต่กลับวิ่งเต้นให้เรื่องนี้ตลอด ให้คนทำเรื่องนี้สักหน่อยก็พอแล้ว”
ตั้งแต่อ๋องฉีอยู่ที่กรมการพระนคร ยังไม่เคยถูกท่านพี่ห้าพูดแบบนี้มาก่อน ทำอะไรโง่ๆ มา ท่านพี่ห้าก็สอนเขาอย่างมีความอดทน ในวันนี้ถึงจะไม่ได้พูดอะไรแรงมาก แต่น้ำเสียงนั้นรำคาญเป็นอย่างมาก อ๋องฉีอึ้งอยู่นาน ก่อนจะพูด “ไม่รู้ว่าทำไมต้องเล่นแง่กับเรื่องนี้ด้วย อันที่จริงเขาพยายามฆ่าท่านพี่ห้า ข้าต้องเกลียดเขาสิถึงจะถูก แต่หลังจากที่ตรวจสอบในวันนั้นแล้ว ก็พบว่าเขานั้นถูกใช้โดยพี่น้อง ทำร้ายจนถึงชีวิตนั้นก็พอว่า แต่ถึงขนาดไม่มีคนเก็บศพนี่มัน……บางทีข้าก็ต้องเห็นอกเห็นใจบ้าง”
หยู่เหวินเห้าจ้องเขา “เจ้าอยากพูดอะไร?พลอยลำบากไปด้วยงั้นเหรอ?เจ้าเหมือนเขาหรือเปล่า?”