บัลลังก์หมอยาเซียน - บทที่ 1133 มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อ๋องฉีมองเขาอย่างขมขื่นเล็กน้อย “ท่านพี่ห้า ผ่านมาหลายราชวงศ์แล้ว แต่จะมีใครที่เหมือนกับเสด็จอาได้อีก ที่จะได้รับความสำคัญจากเสด็จพ่อ?”
หยู่เหวินเห้าเส้นเลือดแทบปูดขึ้นหัว “เจ้าเจ็ดเจ้าพูดให้ชัดเจน”
อ๋องฉีตกใจเพราะความโกรธของเขา พลางพูดขึ้น “ข้าแค่พูดไปก็เท่านั้น”
“เรื่องแบบนี้มันพูดออกมาพล่อยๆ ได้เหรอ?มีใครบอกเจ้าใช่ไหม?” หยู่เหวินเห้าจ้องพลางถามเขา
“เปล่า!” อ๋องฉีโบกไม้โบกมือ ก่อนจะ ทำเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็เงียบไป แล้วก็ยืนขึ้นแทน “ถือเสียว่าข้าพูดอะไรบ้าๆ ออกไป ท่านพี่ห้าอย่าสนใจเลย ข้าไปก่อนล่ะ”
หยู่เหวินเห้าตบโต๊ะ ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “เจ้าพูดให้รู้เรื่องก่อนค่อยไป”
อ๋องฉีหยุดไปสักพัก ก่อนจะเงยหน้ามองเขาทันใด และหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูด “ก็เป็นแบบนี้แหละ เจ้าเจ็ดหรือยัง?ตอนนี้เจ้าเป็นถึงรัชทายาทสูงส่ง หลังจากที่ปกครองแทนเสด็จพ่อ เจ้าก็ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว เจ้าไม่มีทางพูดกับข้าแบบนี้ได้แล้ว พูดอะไรก็เหมือนจะเป็นคำสั่งไปหมด ไม่ว่าจะเป็นในกรมการพระนคร หรือว่าในจวนส่วนพระองค์ เจ้าก็เป็นเจ้าผู้สูงส่ง ข้าเป็นเพียงข้าราชบริพาร ข้าไม่รู้ว่าจะพูดจนเจ้าไม่พอใจเข้าเมื่อไหร่ ถึงกับต้องสะอึกไปเพราะเจ้า แล้วจะพูดกับเจ้าแบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ขนาดท่านพี่รองว่าเจ้าแบบนี้ บอกว่าตอนนี้เจ้าเย่อหยิ่งเป็นอย่างมาก พูดอะไรเรื่อยเปื่อยนิดหน่อยก็ไม่ได้ พูดอะไรจบแล้วก็ไป ไม่ดื่มชาสักแก้วเดียว ครั้งก่อนที่เจ้าไปหาท่านพี่รอง ท่านพี่รองอยากจะกินข้าวกับเจ้าก่อน แต่เมื่อท่านพี่รองพูดออกไป เจ้ากลับบอกท่านพี่รองว่านี่มันกี่โมงแล้วยังจะกินข้าวอะไรอีก?เจ้ารังเกียจท่านพี่รองงั้นเหรอ?เจ้ายังไม่ได้เป็นจักรพรรดิเลยด้วยซ้ำ”
เมื่อเขาพูดจบ เสียงก็กระอักกระอ่วน จากนั้นก็เดินจากไป
หยู่เหวินเห้าอึ้งไปนาน ก่อนจะมองไปทางที่อ๋องฉีเดินออก ในใจก็เริ่มมีความโศกไร้เรี่ยวแรง เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะวางมาดต่อหน้าพวกเขาแบบนี้ ขนาดที่ไปหาท่านพี่รองครั้งนั้น เขาก็คิดไม่ค่อยออกแล้ว ว่ามันคือเมื่อไหร่กัน?
หยวนชิงหลิงเดินเข้ามา เมื่อครู่ตอนที่อ๋องฉีระเบิดอารมณ์ใส่เขานั้น นางอยู่ด้านนอกพอดี เลยได้ยินทุกอย่าง ตอนแรกอยากจะมาหยุดอ๋องฉีไว้ แต่เขาเดินพรวดออกไป นางเลยไม่ได้ขวางไว้
“ยายหยวน!” หยู่เหวินเห้าชายตามอง ในแววตาก็มีความจนปัญญาอยู่ “ข้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอ?”
หยวนชิงหลิงมองเขา ก่อนจะรู้สึกสงสารจับใจ “ไม่ เจ้าแค่ยุ่งเท่านั้นเอง เลยต้องรีบจัดการงานให้เสร็จ ดังนั้นเจ้าเลยมีความวิตกกังวล บวกกับใบหน้าตึงเครียดคนอื่นเลยคิดว่าเจ้าเข้มงวด และไม่สนใจอะไร เดี๋ยวข้าจะไปอธิบายกับท่านพี่รองเอง”
หยู่เหวินเห้าค่อยๆ คิดขึ้นได้ ก่อนจะพูด “ที่ครั้งก่อนข้ามีปัญหากับท่านพี่รอง น่าจะเป็นเพราะเรื่องของวัดฮู่กว๋อ ความรับผิดชอบของศาสหงหรูนั้นเป็นความดูแลวัดในเมืองโดยเฉพาะ วัดฮู่กว๋อที่เป็นวัดของราชวงศ์ในตอนแรก ก่อนฮุ่ยทงจะมารายงานว่าจะเปิดสู่โลกภายนอก เขาดันตอบตกลง ข้าเลยไปหาเขาเพื่อเรื่องนี้ ตอนนั้นข้าโมโหจริงๆ พูดอะไรหุนหันไปหน่อย ข้าคิดไม่ถึงว่าท่านพี่รองจะใส่ใจด้วย”
“ท่านพี่รองจะต้องเข้าใจแน่” หยวนชิงหลิงไม่รู้จะปลอบเขาอย่างไร เพราะเรื่องนี้ ท่านพี่รองทำผิดไป หรือว่าต้องปลอบเขาจนหายงั้นเหรอ?แม้เจ้าห้าจะเป็นน้อง แต่ก็เป็นเจียนกั๋วไท่จื่อ การไปหาเขาอย่างส่วนตัวนั้นถือว่าไว้หน้ามากแล้ว ทำไมเขาต้องโกรธเจ้าห้าด้วยนะ?
หยวนชิงหลิงคิดแบบนี้ แต่กลับคิดว่ามันแปลก ท่านพี่รองนั้นไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น ทำไมถึงต้องพูดให้ร้ายเจ้าห้ากับเจ้าเจ็ด เพียงเพราะเรื่องเล็กๆ เท่านี้?
มันไม่ปกติเท่าไหร่แล้ว
นางคิดว่าพรุ่งนี้ต้องไปหาพระชายาซุนหน่อยว่าช่วงนี้ท่านพี่รองสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษหรือเปล่า แน่นอน ว่าต้องไปถามหยวนหย่งอี้ด้วย
หยู่เหวินเห้ายิ้มให้นางเบาๆ “ข้าไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป”
เขาพยายามยิ้ม แต่หยวนชิงหลิงกลับไม่เห็นรอยยิ้มในแววตาเลย วันนี้เขาคุ้นเคยกับการเก็บเรื่องต่างๆ ไว้ในใจแล้วพยายามแสดงความยินดีออกมา
นางสงสารเขาจับใจ เป็นสามีภรรยามาหลายปี นางรู้ว่าในวันนี้เขาน่าจะรู้สึกน้อยใจไม่เบา
เมื่อคุยกับเขาแล้ว ก็ใช้เวลาตอนที่ฟ้ายังไม่มืด นางก็ไปที่จวนของอ๋องซุน แล้วก็เรียกอะซี่ให้ไปเชิญหยวนหย่งอี้มาที่จวนของอ๋องซุน
เรื่องนี้ มันต้องทำให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องบาดหมางกับพี่น้อง ในขณะเดียวกัน ก็หวังว่าพระชายาทั้งสองจะมาถามสามีของตัวเอง ว่าช่วงนี้มีสัมพันธ์กับใครค่อนข้างมาก นางก็จะคิดว่ามีคนมาพูดอะไรลับหลัง
อ๋องซุนยังอยู่ที่ศาสหงหรูไม่ได้กลับมา ตอนที่เข้ามาเห็นพระชายาซุน หยวนชิงหลิงถึงได้คิดว่านางกับพระชายาซุนนั้นเหมือนจะไม่ได้มีวันดีๆ อีกแล้ว
พระชายาซุนเห็นนางมาก็แปลกใจเล็กน้อย หยวนชิงหลิงมองนาง แต่กลับไม่รู้ว่าอารมณ์ของนางคือแปลกใจหรืออะไร ในตอนนั้น พระชายาซุนก็ยิ้มขึ้นมา “จู่ๆ มาได้อย่างไร?”
“มาหาเจ้าน่ะสิ” หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปอย่างยิ้มแย้ม “ไม่อยากต้อนรับเหรอ?”
“จะไม่ต้อนรับได้อย่างไร?” พระชายาซุนยิ้ม “รีบเข้ามาเร็ว ทำไมไม่พาพระราชนัดดาองค์ใหญ่มาด้วยล่ะ?”
หยวนชิงหลิงได้ยินดังนั้น แม้จะยิ้มอยู่ แต่ในใจกลับเย็นยะเยือกขึ้นมา เปาจื่อคือพระราชนัดดาองค์ใหญ่ แต่ก่อนหน้านี้นางเรียกว่าเปาจื่อมาตลอด ไม่ได้เรียกว่าพระราชนัดดาองค์ใหญ่เลย
หลังจากเข้าไปนั่งแล้ว พระชายาซุนก็เรียกให้แม่นมฝูเอ๋อยกชามาให้ หยวนชิงหลิงขาดสติ ชามันร้อนเป็นอย่างมาก จนชาหกโดยไม่ระวัง แล้วร้องออกมา
พระชายาซุนลุกขึ้นทันที ก่อนจะชี้แม่นมฝูเอ๋อแล้วด่า “เจ้าเป็นอะไร?ไม่รู้ว่าต้องรอให้เย็นหน่อยค่อยยกมางั้นเหรอ?รีบคุกเข่าลงขอโทษพระชายาของรัชทายาทเร็ว!”
นางพูดไป ก่อนจะยื่นมือไปบิดหูของแม่นมฝูเอ๋อ แล้วมาชดเชยหยวนชิงหลิง “เจ้าอย่าอะไรกับนางมาก ช่วงนี้นางเป็นอะไรก็ไม่รู้ ซุ่มซ่ามไปหมด”
แม่นมฝูเอ๋อตกใจกลัวจนคุกเข่าลงเอาหัวโขกพื้น “พระชายาของรัชทายาทข้าทำผิดไปแล้วๆ”
หยวนชิงหลิงเข้าใจความน้อยใจของเจ้าห้าแล้วใจตอนนี้ นางมองใบหน้าของพระชายาซุนอย่างไร้อารมณ์ “แม่นมฝูเอ๋อปรนนิบัติเจ้ามาหลายปี เจ้าเจ็ดนางสำคัญที่สุด วันนี้เจ้าให้นางคุกเข่าลงโขกหัวต่อหน้าข้า เจ้าว่าข้าจะไม่รู้สึกแย่ในใจเลยเหรอ?”
พระชายาซุนอึ้งไป พลางมองนางแล้วพูดขึ้น “ข้า……นางเองก็ไม่น่าพอใจเท่าไหร่เลย เรื่องเล็กๆ ก็จัดการไม่ได้ แถมยังเกือบทำให้ลวกมือเจ้าอีก ถ้าเจ้าอยู่ในสถานการณ์แบบข้า จะรับผิดชอบยังไง?”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ “ดังนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เปาจื่อโตมาในการดูแลของเจ้า ชื่อของเปาจื่อนี้เจ้าก็เรียกมาสามปีแล้ว ทำไมจู่ๆ วันนี้ถึงเรียกว่าพระราชนัดดาองค์ใหญ่ เจ้าชินแต่ข้าไม่ อีกอย่าง ข้าละเอียดอ่อนขนาดนั้นเลยเหรอ?ข้าแค่ถูกชาลวกหน่อยเจ้าถึงรับผิดชอบไม่ไหวแล้วเหรอ?ท่านพี่สะใภ้รอง คำพูดของเจ้ามันบาดใจข้าเหลือเกิน”
พระชายาซุนถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะดึงแม่นมฝูเอ๋อมา แล้วพูดด้วยความโกรธ “ข้าผิดเอง ข้าไม่อยากให้เจ้ารู้สึกแย่ ข้าเองก็ไม่คิดจะห่างเหินกับเจ้า แต่ตัวตนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว เจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ข้าต้องทำตามกฎ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เข้าใจกฎเกณฑ์เท่าไหร่ เลยแสดงตัวตนที่เป็นท่านพี่สะใภ้รองต่อหน้าเจ้า”
ในใจของหยวนชิงหลิงเย็นยะเยือก เลยอดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสี “ตัวตนไม่เหมือนกันงั้นเหรอ?เพิ่งจะต่างกันในวันนี้เหรอ?ข้าเป็นพระชายารัชทายาทมาสามปีแล้ว ทำไมถึงเพิ่งจะมาห่างเหินกับเจ้า?ขนาดข้ามาแสดงความเป็นท่านพี่สะใภ้รองต่อหน้าข้า ทำไม?ตอนนี้เจ้าได้ลาจากการเป็นท่านพี่รองของข้าแล้วรึ?ตอนนี้ไม่ใช่ท่านพี่สะใภ้รองของข้าแล้วเหรอ?หรือข้าไม่รู้ว่าข้าถูกเจ้าห้าบอกหย่าเข้าแล้วเหรอ?”
นางพูดคำนี้ออกมา ดวงตาก็แดงก่ำ